พิชัยคุยผู้ว่าฯธปท. บีบลดดอกเบี้ย! เหน็บพูดไม่รู้เรื่อง

“พิชัย” ขอนัดพบผู้ว่าฯ ธปท.เสนอลดดอกเบี้ยแก้บาทแข็ง เติมสภาพคล่อง ยันไม่ได้มีปัญหาอะไรแค่อยากให้เศรษฐกิจดี มึนวิธีคิดไม่ควรเน้นจีดีพี ไม่รู้จบจากไหนพูดเหมือนคนไม่รู้เรื่อง ทั้งที่จีดีพีหมายถึงรายได้ "คลัง" การันตีกลุ่มรับหมื่นบาทเฟส 2 แจกเป็นเงินดิจิทัล ย้ำจำเป็นต้องวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล แจงแจกกลุ่มแรกเป็นเงินสดเพราะต้องการบูม ศก.เร่งด่วน ยันมีงบ 1.87 แสนล้านรองรับ ไม่ทิ้งคนลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐ 36 ล้านคน

เมื่อวันจันทร์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เร็วๆ นี้จะนัดพบกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อเสนอ 3 เรื่องให้ ธปท.ช่วยดูแลเศรษฐกิจและการส่งออก ได้แก่ 1.ขอให้ลดดอกเบี้ย เพราะขณะนี้เงินเฟ้อลดแล้ว และสหรัฐอเมริกาก็เตรียมลดดอกเบี้ย จึงควรปรับลง 2.แก้ค่าเงินบาทแข็งค่า ซึ่งขณะนี้ค่าเงินแข็งค่าเร็วมากเป็น 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพียงเดือนเดียวแข็งค่าขึ้นถึง 5-6% ผู้ส่งออกจะตายอยู่ไม่ได้ โดยเฉพาะสินค้าที่มีกำไรไม่สูงอย่างสินค้าเกษตรอาจจะขาดทุนได้ และ 3.ต้องการให้แบงก์ชาติเข้าไปดูแลการเพิ่มเม็ดเงินสภาพคล่องสู่ระบบเศรษฐกิจ เพราะปัจจุบันระบบของแบงก์ชาติได้ดูดเงินออกไปมาก จนทำให้เศรษฐกิจขาดสภาพคล่อง โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มาแล้ว ก็จะยิ่งอยู่อย่างยากลำบาก

ทั้งนี้ เป้าหมายที่ต้องการไปพบกับผู้ว่าฯ ธปท.ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ ธปท. แค่อยากให้เศรษฐกิจดี โดยหากเศรษฐกิจไทยโต 5-6% โตร้อนแรง ก็ไม่มีประเด็น แต่ตอนนี้จีดีพีโตเพียง 1.9% และส่วนใหญ่ก็เป็นรายได้ของเศรษฐี  คนจนแทบไม่มีรายได้ แต่แบงก์ชาติกลับไม่ทำอะไร ทั้งที่จริงควรเข้ามามีบทบาท ช่วยกันคิดช่วยกันทำเพื่อเศรษฐกิจ ไม่ใช่มีหน้าที่กำกับดูแลอย่างเดียว หรือพอรัฐบาลจะทำอะไรก็คอยแต่จะค้าน อยากให้ดูเหมือนสหรัฐฯ ก็ยังมีมาตรการคิวอี ใส่เงินไปหลายรอบจนเศรษฐกิจฟื้นกลับมาได้

 “ตอนนี้ค่าเงินบาทแข็งไป แบงก์ชาติกรุณาช่วยด้วย  และไม่เข้าใจวิธีคิดของแบงก์ชาติ งงที่แบงก์ชาติบอกว่าไม่ควรเน้นจีดีพี ไม่รู้ท่านจบจากไหน พูดเหมือนคนไม่รู้เรื่อง  ทั้งที่จริงจีดีพีหมายถึงรายได้ หากคนไม่มีรายได้จะมีความสุขได้อย่างไร โดยที่ผ่านมาประเทศไทยเน้นการทำนโยบายแบบคู่ขนาน หรือดูอัลแทร็ก คือการสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตทั้งคนระดับบนและระดับล่าง ซึ่งเรื่องนี้นโยบายการเงินของแบงก์ชาติจะมีความสำคัญมาก และมากกว่านโยบายทางการคลังเสียอีก” นายพิชัยกล่าว

ด้านนายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาเห็นชอบการจ่ายเงินให้กลุ่มเปราะบางจำนวน 14.5 ล้านคน ตามโครงการเติมเงิน  10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต และหลังจากนั้นจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับความชัดเจนของโครงการทั้งหมดด้วย ทั้งนี้ภายหลังการปิดลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีประชาชนลงทะเบียนราว 36 ล้านคน โดยหลังจากนี้คงไม่มีการขยายเวลาลงทะเบียนแล้ว กำหนดการยังเป็นไปตามเดิม โดยภาพรวมทั้งหมดมีประชาชนประสงค์เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 41-42 ล้านคน จากกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน และประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ 36 ล้านคน โดยหลังจากนี้ก็ต้องมาตรวจสอบว่าทั้ง 2 กลุ่มมีชื่อซ้ำซ้อนกันหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าเมื่อตรวจสอบทั้งหมดแล้วจะเหลือผู้ได้รับสิทธิ์อีกราว 24-25 ล้านคน

 “อยากให้ใจเย็นๆ โดยเฉพาะเฟส 2 อยากให้รอความชัดเจนหลัง ครม.ประชุมในวันที่ 17 ก.ย. ส่วนเฟสแรกยืนยันว่าจะทยอยจ่ายวันละ 4-5 ล้านคน ใช้เวลาจ่ายราว 4 วัน เพราะเวลาจะเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เมื่อรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายมีกี่คนโดยประมาณ และงบประมาณมีอย่างไร  เอามาจากไหน และที่จะเติมวันไหน เริ่มจ่ายวันไหน ซึ่งระบบมีข้อจำกัด ดังนั้นก็อยากชี้แจงว่าคงจ่ายวันเดียวไม่เสร็จ ก็ต้องทยอยจ่ายไป” รมว.การคลังระบุ

ส่วนกรณีที่มีการเลื่อนประกาศรายชื่อประชาชนที่ได้รับสิทธิ์จากวันที่ 22 ก.ย.ออกไปนั้น รมว.การคลังยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลไม่มีเงิน รัฐบาลมีเงินอย่างแน่นอน แต่เมื่อเรามีเงินจำกัดก็ต้องรู้จักใช้เงินให้ถูกจังหวะและเหมาะสม เพราะว่าก่อนหน้านี้ก็มีการท้วงอยู่เรื่อยว่า ทำไมไม่เอาเงินไปดูแลปัญหาโครงสร้างที่เรามีอยู่ก่อน ดังนั้นรัฐบาลจำเป็นจะต้องพิจารณาให้มันเกิดประโยชน์กับประเทศมากที่สุด

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง เปิดเผยว่า ผู้เข้าร่วมโครงการเฟส 2 จะไม่ได้รับเป็นเงินสด จะได้รับเป็นเงินดิจิทัล เนื่องจากรัฐบาลจำเป็นจะต้องบรรลุวัตถุประสงค์ ในการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล ดังนั้นการเดินหน้าแอปพลิเคชันที่เป็นดิจิทัลวอลเล็ตจึงยังมีความจำเป็น ส่วนเฟสแรกที่ได้รับเป็นเงินสดนั้น เนื่องจากมีข้อร้องเรียนมาว่าอยากให้การกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดได้โดยเร็ว อยากได้เป็นเงินสด รัฐบาลก็ยินดีปรับให้ เพราะกลุ่มที่อยู่ในเฟสแรกจะมีการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจที่ดีพอ มีการใช้จ่ายค่อนข้างสูง

ทั้งนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลมีงบประมาณปี 2568 วงเงิน 1.87 แสนล้านบาทรองรับอยู่แล้ว ดังนั้นเงินจะถึงมือประชาชนทุกคนอย่างแน่นอน ส่วนรูปแบบจะเป็นอย่างไร จะเดินหน้าอย่างไร จะมีการชี้แจงภายหลังการประชุม ครม.ในวันที่ 17 ก.ย. ส่วนเฟส 2 จะพยายามจ่ายให้เป็นเงินดิจิทัล 100% โดยกรอบคงอยู่ปีหน้าอย่างแน่นอน

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การเลื่อนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ตสำหรับกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนนั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน เนื่องจากประเมินว่าประชาชนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มเปราะบาง ซึ่งมีสิทธิ์ได้รับเงินกลุ่มแรกในวันที่ 25 ก.ย.นี้ ซึ่งท้ายที่สุดเชื่อว่ากลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนจะเหลือน้อยมากๆ จึงจำเป็นจะต้องเลื่อนการลงทะเบียนออกไปก่อน

 “รัฐบาลไม่ได้ยึกยักอะไร เพียงแต่ว่ามีกลุ่มเปราะบาง  14.5 ล้านคนที่ด่วนกว่าเข้ามาแทรก ซึ่งตรงนี้ก็ต้องมีกระบวนการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของกลุ่มที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ 36 ล้านคน เอามาหัก 14.5 ล้านคนว่าเหลือเท่าไหร่ด้วย มันลบกันตรงๆ ไม่ได้ มีขั้นตอนการทำงานภายในอีก ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ทิ้ง 36 ล้านคน" นายลวรณกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“พิชัย” แถลง 10 นโยบายพาณิชย์ เร่งเครื่องฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส

วันที่ 15 กันยายน 2567 เวลา 10.30 น. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงทิศทางและนโยบายสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ โดยมีนายนภินทร ศรีสรรพางค์