อิ๊งค์พึ่งพ่อส่องฮวงจุ้ยห้องทำงาน

"นายกฯ อิ๊งค์" ปรึกษา "พ่อแม้ว" เชิญ 2 ซินแสต่างชาติดูห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าก่อนเข้าทำหน้าที่ ยึดแนวทางเดิม ไม่รับเงินเดือน สะพัด “จิรายุ” มาแรงนั่งโฆษกรัฐบาล “พิชัย” อารมณ์ค้างซัด “โรม” อภิปรายต่ำกว่าคุณภาพ แค่สร้างวาทกรรมสาดโคลน ไม่คิดว่า สส.คนรุ่นใหม่จะกลายพันธุ์เป็นรุ่นเก่า "โรม" โต้กลับควรทำตัวให้น่าเคารพ  จี้พิสูจน์ "นายใหญ่" ไม่ได้มีผลประโยชน์ "กาสิโน" นิด้าโพลเผย ปชช. 35% ไม่เชื่อมั่นรัฐบาลแพทองธาร กังวลผลงานไม่เป็นไปตามสัญญา  ประสบการณ์น้อยอาจทำให้ตัดสินใจผิดพลาด และบทบาททักษิณครอบงำ

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 15 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 12 ก.ย.และวันที่ 13 ก.ย.นั้น มีรายงานว่า นายกฯ ได้ปรึกษากับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ บิดา โดยนายทักษิณได้แนะนำซินแส 2 คน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทชาวต่างชาติ โดยเชิญมาดูสถานที่ทำเนียบฯ และห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า ทั้งนี้ ห้องทำงานของนายกฯ  บนตึกไทยคู่ฟ้ามีการปรับเปลี่ยนจากเดิมในยุคของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้ทำงาน

นอกจากนี้ ในวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่นายกฯ เข้าทำเนียบฯ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบฯ ส่วนตัวนั้น มีคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มารดา เดินทางเข้าทำเนียบฯ ด้วย ซึ่งคุณหญิงพจมานไม่ได้เดินทางเข้าทำเนียบฯ ในรอบหลายๆ ปี และได้เอ่ยปากพูดชมกับนายกฯ ว่า “ทำเนียบฯ สวยขึ้นเยอะ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะยึดแนวความคิดเดิมคือ การไม่รับเงินเดือนในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยจะมอบให้กับมูลนิธิต่างๆ เช่นเดียวกับนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ  ซึ่งเป็นความคิดของ น.ส.แพทองธารมาตั้งแต่ต้นแล้ว

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก วันที่ 17 ก.ย.ว่า จะเสนอรายชื่อเข้ามาในส่วนที่พร้อมแล้ว พยายามที่จะให้มีการเสนอชื่อเข้ามาให้เยอะที่สุด เพราะงานต้องเดินต่อแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นคนเดิม รวมถึงตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีน่าจะได้ในวันนั้นด้วย

มีรายงานว่า ในส่วนของตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่จะมีการเสนอแต่งตั้งในวันที่ 17 ก.ย.เช่นเดียวกันนั้น เดิมที่มีชื่อนายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และอดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลนายทักษิณ เป็นแคนดิเดต ล่าสุด ติดเงื่อนไขบางประการ ทำให้มีชื่อของนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีต สส.กทม.พรรคเพื่อไทย ขึ้นมาเป็นแคนดิเดตถูกเสนอชื่อเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแทน  โดยได้ยื่นใบลาออกจากกรรมการรัฐวิสาหกิจตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว

ขณะที่ตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ  โควตาพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ส่วนของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เสนอคนเดิมคือ นายคารม พลพรกลาง  อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ นั่งในตำแหน่งเดิมโควตาพรรคภูมิใจไทย ส่วนโควตากลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ สส.พะเยา อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีชื่อของนายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ อดีตผู้สมัคร สส.สงขลา พรรค พปชร. ส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ไม่ประสงค์ส่งคนนั่งรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีรายงานว่าได้ชื่อคนที่จะมาเป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผย

เมื่อเวลา 16.20 น. นายจักรภพ เพ็ญแข โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตกลงโฆษกรัฐบาลไม่ใช่ จักรภพ เพ็ญแข นะครับ ไม่ได้ติดเงื่อนไขอะไรตามข่าว แต่ว่ากันตามยุทธศาสตร์ใหม่ที่เพิ่งคุยกัน กองเชียร์ผู้น่ารักทั่วประเทศขอให้สบายใจว่า ผมเคลียร์คดีหมดแล้ว จึงขอแนบหนังสือจากสำนักงานอัยการสูงสุด 2 ฉบับที่สั่งไม่ฟ้องทั้งสองคดีมาให้อ่านกันเล่น ยังเต็มที่ครับ

นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการอภิปรายผลงานของรัฐบาลตลอด 2 วันที่ผ่านมา ถือว่าพอใจหรือไม่ว่า ในส่วนของ สส.พรรค พท.ก็ถือว่าโอเค เพราะมีการอภิปรายสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ส่วนหากต้องตัดเกรดให้นายกรัฐมนตรีและ ครม. อยากให้เกรดใดหรือกี่คะแนนนั้น คิดว่าคนที่จะตัดเกรดรัฐบาลคือประชาชน ในฐานะที่เป็น สส. คิดว่าสิ่งที่สามารถสนับสนุนรัฐบาลได้คือกฎหมายอะไรก็ตามหากเป็นอุปสรรคในการทำงานของรัฐบาล เราต้องนำกฎหมายเหล่านั้นเข้ามาแก้ไขในสภา หรือร่างกฎหมายใหม่ๆ ขึ้นมาให้ทันสมัยเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลให้ดียิ่งขึ้น

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า รู้สึกแปลกใจในการอภิปรายของนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ที่ต่ำกว่าคุณภาพมากกว่าหลายครั้งที่ผ่านมา ทั้งที่ตนเพิ่งชื่นชมนายรังสิมันต์ในสภา เทียบเคียงกับ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล และนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ที่อภิปรายมีข้อสังเกตดีเยี่ยม เปรียบเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคแทนเทียบชั้นนายพิธา  นายธนาธร นายปิยบุตร และช่อ แต่กลับต้องผิดหวัง และไม่คิดว่านายรังสิมันต์ที่เป็นตัวแทน สส.คนรุ่นใหม่ จะกลายพันธุ์เป็น สส.รุ่นเก่า ใช้เพียงการสร้างวาทกรรมสาดโคลนและพาดพิงให้คนอื่นเสียหายเท่านั้น

"ข้อวิจารณ์เรื่องยาเสพติดและเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่ามีนายใหญ่ได้เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นการกล่าวหาแบบไม่มีหลักฐาน พาดพิงบุคคลอื่นให้เสียหาย เพราะการลงทุนในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ใช้เงินมหาศาล มุ่งหวังที่จะเอาเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมาบนดิน จำเป็นต้องดึงดูดผู้สนใจมาลงทุน ไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับนายใหญ่ที่ท่านพูดถึง จึงอย่าพูดแบบไร้หลักฐาน เพราะจะกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุน การกล่าวหาว่า นายกฯ ถูกสั่งจากแสงจันทร์ ถือเป็นวาทกรรมที่ไร้วุฒิภาวะ วันนี้ท่านนายกฯ ถือเป็นเบอร์ 1 ของการบริหารราชการแผ่นดินที่ถูกต้องตามกฎหมาย ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีจากทุกพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล ไม่มีใครจะสั่งนายกฯ ได้ ในทางกลับกัน ถ้าผมพูดบ้างว่า เวลาท่านรังสิมันต์อภิปราย มีใครสั่งท่านได้บ้างให้พูดเรื่องนั้นเรื่องนี้จะว่าอย่างไร"

นายพิชัยกล่าวอีกว่า ตั้งแต่ปี 2545 ที่ยาเสพติดลดลงเพราะว่าเราจริงจังกับการจัดการผู้ค้ายาเสพติด ในปี 2544 เราจับเฮโรอีนเกือบ 100 ตัน จนรัฐบาลได้รับการยอมรับจากนานาชาติ หลังจากปฏิวัติในปี 2549 เกิดอะไรขึ้น ท่านอาจจะเด็กไป  เราขาดการสนับสนุนข้อมูลจากต่างประเทศ การกล่าวหารัฐบาลโดยไม่มีข้อมูลและไปโยงใยจับแพะชนแกะกับนโยบายช่วยเหลือประชาชนอื่นๆ เป็นการทำลายความเชื่อมั่นในการลงทุน ต่อประเด็นบัญชีม้า ท่าน สส.คงจะไปสนใจแต่ปริมาณบัญชีม้า 500 บัญชีม้าที่ท่านเฝ้าจนไม่ได้ดูเลยว่า วันนี้ กสทช.ได้สั่งปิดซิมม้ากว่า 2 แสนซิม และอีกกว่า 15,000 บัญชี ที่ ธปท.สั่งระงับการใช้ ที่ท่านไม่ทราบ                   

ด้านนายรังสิมันต์ โรม โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กตอบโต้นายพิชัยว่า "สิ่งที่ รมต.พิชัย รมต.พาณิชย์ ควรทำ 1.เรื่องที่จะโยงผมว่าเป็นเด็ก คุณพิชัยไม่ควรที่จะเอาเรื่องอายุมาโยงกับการทำหน้าที่ เพราะในความเป็นจริงผมก็อายุน้อยกว่านายกฯ ไม่มากนัก และก็ไม่รู้จะทำยังไงให้ตัวเองมีอายุมากกว่านี้ คงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ คุณพิชัยควรทำตัวน่าเคารพมากกว่านี้ เรื่องอายุเป็นเรื่องไร้สาระที่ไม่ควรหยิบยกมาพูดถึง 2.ข้อมูลทั้งหมดได้พิสูจน์แล้วว่ายาเสพติดราคาถูกลงจริงๆ ตลอดหนึ่งปีของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการจัดการเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย 3.เรื่องบัญชีม้า ตราบใดที่ไม่แก้ปัญหาที่ต้นตอคือความหลวมของธนาคาร คือการไม่รับผิดชอบของธนาคารและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เราแทบจะแก้ปัญหาเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ 4.เรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ขอให้มันจริงอย่างที่ท่านพูดว่านายใหญ่จะไม่เกี่ยวข้องหรือมีส่วนแบ่งกับเรื่องนี้ ท่านพิสูจน์เรื่องนี้ได้ด้วยความจริงและความโปร่งใส 5.ส่วนเรื่องนายกม้า คุณทักษิณเขาพูดเองว่าเขาครอบครองนายกรัฐมนตรี อีกทั้งวันที่คุณเศรษฐาต้องพ้นจากการเป็นนายกฯ บรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ไปที่ไหน ประชาชนเขาเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น คุณแพทองธารจะเป็นนายกม้าให้คนอื่นใช้งานหรือไม่อยู่ที่การพิสูจน์ตัวเอง ผมจะรอดู"

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชนเรื่อง “ความเชื่อมั่น ความกังวลที่มีต่อรัฐบาลนายกฯ อุ๊งอิ๊ง” ระหว่างวันที่ 9-11 กันยายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาคทั่วประเทศ 1,310  หน่วยตัวอย่าง เมื่อถามความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ในการแก้ไขปัญหาของประเทศ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 35.42 ระบุว่าไม่ค่อยเชื่อมั่น รองลงมา ร้อยละ 28.17 ระบุว่าค่อนข้างเชื่อมั่น, ร้อยละ 22.52 ระบุว่าไม่เชื่อมั่นเลย และร้อยละ 13.13 ระบุว่าเชื่อมั่นมาก

ด้านความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับรัฐบาลนายกฯ แพทองธาร พบว่า ร้อยละ 36.03 ระบุว่าเป็นเรื่องผลงานของรัฐบาลไม่เป็นไปตามที่สัญญาและคาดหวัง รองลงมา ร้อยละ 32.14 ระบุอายุและประสบการณ์ทางการเมือง/การบริหารของนายกฯ อาจทำให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาด และบทบาทของคุณทักษิณ ชินวัตร ที่เกินขอบเขตจนนำไปสู่การถูกฟ้องเรื่องการครอบงำนายกฯ/พรรค/รัฐบาล ในสัดส่วนที่เท่ากัน, ร้อยละ 24.89 ระบุการบริหารงานที่ไม่ระมัดระวังจนอาจเกิดการทุจริต,  ร้อยละ 21.76 ระบุการบริหารงานที่ผิดพลาดจนนำไปสู่สถานการณ์วิกฤต, ร้อยละ 21.53 ระบุการชุมนุมประท้วงรัฐบาลจนเกิดความวุ่นวายทางการเมือง, ร้อยละ 18.85 ระบุกลุ่มผู้ต่อต้านคุณทักษิณที่พร้อมจะร้องเรียนและล้มรัฐบาล และร้อยละ 14.73 ระบุการก่อรัฐประหารล้มรัฐบาล

เมื่อถามความคิดเห็นต่อบทบาทของคุณทักษิณ ที่จะส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 40.23 ระบุว่าส่งผลกระทบในทางลบต่อคะแนนนิยมทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย รองลงมา ร้อยละ 33.29 ระบุว่าไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อคะแนนนิยมทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย และร้อยละ 22.21 ระบุว่าส่งผลกระทบในทางบวกต่อคะแนนนิยมทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง