ระเบิดป่วนใต้ ถล่มตู้เอทีเอ็ม จุดไฟเผาอบต.

กลุ่มคนร้ายลอบวางระเบิดและเผา  อบต.บ้านโหนด ใน อ.สะบ้าย้อย เสียหายวอด  ยิงปืนขู่ส่งท้าย คาดฝีมือกลุ่มมานะ แจ็งแว  เคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่ จ.สงขลา มีประวัติเคยก่อเหตุลอบวางระเบิดนางเงือก

เมื่อเวลาประมาณ 01.50 น. วันที่ 14  กันยายน 2567 ร.ต.ท.นาธาน เขมิสรานนท์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.บ้านโหนด อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา รับแจ้งเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็มธนาคารออมสิน ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้า อบต.บ้านโหนด และวางเพลิงเผา อบต.บ้านโหนด ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดในพื้นที่หมู่ 2 ต.บ้านโหนด อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา

หลังรับแจ้งได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ร่วมกับ พ.ต.ท.คมสัน ศรีวิเชียร หัวหน้า สภ.บ้านโหนด, พ.ท.ภูมิศักดิ์ ศักดิ์เพชร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจสงขลา 40 พร้อมชุดจู่โจมและชุดสืบสวน ร่วมกับกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งทหาร ฉก.40 และฝ่ายปกครองในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย

เบื้องต้นพบว่าตู้เอทีเอ็มถูกลอบวางระเบิดเสียหายทั้งตู้ และภายใน อบต.บ้านโหนด ถูกคนร้ายลอบวางเพลิง ทำให้อาคารสำนักงานและรถยนต์ทางราชการได้รับความเสียหาย และยังอยู่ระหว่างการสำรวจและสรุปความเสียหาย ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

จากการสอบสวนเหตุการณ์เบื้องต้นทราบว่า  มีคนร้ายประมาณ 6 คน เข้ามาลอบก่อเหตุทั้งวางระเบิดตู้เอทีเอ็มที่อยู่ด้านหน้า อบต.บ้านโหนด และเข้าไปวางเพลิงภายใน อบต.บ้านโหนด และคนร้ายยังใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงเข้าไปในสำนักงาน อบต.บ้านโหนด ประมาณ 10 นัดด้วย

หลังก่อเหตุคนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน จำนวน 3 คัน หลบหนีมุ่งหน้าไปในพื้นที่บ้านกระเชะ ต.บ้านโหนด อ.สะบ้าย้อย รอยต่อกับ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี

ทั้งนี้ ในพื้นที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรืออีโอดี เข้าเคลียร์พื้นที่ทั้งภายนอกและภายใน อบต.บ้านนาโหนด โดยสแกนพื้นที่อย่างละเอียด ป้องกันคนร้ายลอบวางระเบิดซ้อนลูกสองเอาไว้ เพื่อให้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

สำหรับความเสียหายหลักๆ เป็นตู้เอทีเอ็มของธนาคารออมสิน 1 ตู้ ซึ่งถูกลอบวางระเบิดแหลกละเอียด และภายในตู้ก็มีเงินอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถระบุจำนวนได้ ตัวอาคารภายในสำนักงาน อบต.บ้านโหนดถูกเผาเสียหาย ยังมีรถดับเพลิงที่จอดอยู่ที่โรงรถถูกเผาเสียหายอีก 1 คันด้วย

โดยคาดว่าจะสามารถเข้าไปตรวจสอบความเสียหายภายใน อบต.ได้ในวันพรุ่งนี้ หรืออาจจะเป็นวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันเปิดราชการ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ อบต.ทุกหน่วยมาทำงาน และสามารถบอกรายละเอียดของความเสียหายได้ รวมทั้งการหาที่ทำการชั่วคราวของ อบต.บ้านโหนด

ส่วนในทางการข่าว การก่อเหตุครั้งนี้เจ้าหน้าที่การข่าวด้านความมั่นคงคาดการณ์ว่า น่าจะเป็นกลุ่มของนายมานะ แจ็งแว แกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบที่เคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่ จ.สงขลา ซึ่งมีประวัติเคยก่อเหตุลอบวางระเบิดนางเงือกแหลมสมิหลา อ.เมืองสงขลามาแล้วเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2561 จนถูกจับกุมแต่อยู่ระหว่างประกันชั้นศาล ซึ่งเป็นการคาดการณ์ในเบื้องต้น

ส่วนกลุ่มคนร้ายนั้น น่าจะมีอย่างน้อย 6 คน  ที่เห็นจากกล้องวงจรปิดขณะหลบหนี ใช้รถจักรยานยนต์ 3 คันในการก่อเหตุ แต่อาจจะมีมากกว่านี้ก็ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบหาเบาะแสกลุ่มคนร้าย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เขมรยังไม่หยุด! บุกตีคืนบ้านสามหลัง ไทยยิงปืนใหญ่หนีกระเจิง

กัมพูชายังไม่หยุด นำกำลังตีคืนบ้านสามหลัง เจอ 'นย.ตราด' ระดมปืนใหญ่แตกกระเจิง ส่วนพื้นที่บ่อไร่-คลองใหญ่ ชาวบ้านกลับบ้านได้แล้ว หลังไร้เหตุปะทะนานกว่า 7 วัน

วอนรัฐเร่งเคลียร์ 'ภูเขาขยะ' กลางเมืองหาดใหญ่ หวั่นโรคระบาด

ายวรพัทธ์ เจนวิศาลพงศ์ เจ้าของที่ดินจุดพักกองขยะ บริเวณสี่แยกไฟแดงสะพานดำ ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งทางเทศบาลนครหาดใหญ่ มีการขอเช่าและใช้พื้นที่

นายกฯ สั่งตั้ง 'กองบัญชาการปภ.แห่งชาติส่วนหน้า' ลดความรุนแรงน้ำท่วมใต้เหลือระดับ​ 3

นายก​ฯ ขอบคุณ​ทุกภาคส่วน​ร่วมแก้ปัญหาน้ำท่วมใต้​ บอกความทุ่มเททราบถึงพระเนตร​พระกรรณ ขอกรมโยธาฯเร่งสำรวจความเสียหายบ้านเรือนเยียวยาไม่ใช่รายหัว​ พร้อมกำชับ​ สธ.​ ดูแลสุภาพจิต -​โรคติดต่อ​ สั่ง​ ตั้งกองบัญชาการและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า หลังลดระดับความรุนแรงเหลือระดับ​ 3 มอบ ‘ศักดิ์ดา’ บัญชาการพื้นที่

รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%

ปภ. ยืนยันผู้ประสบภัยน้ำท่วมสงขลา ยื่นขอรับเงินเยียวยา 9,000 บาทโดยไม่ใช้เอกสาร

ปภ. ยืนยัน เยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมสงขลา 9,000 บาท ยื่นคำร้องโดยไม่ต้องใช้เอกสาร รัฐอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนปฏิบัติ ท้องถิ่นจะใช้ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์และการยืนยันจากพื้นที่