ทรงห่วงใยผู้ประสบภัย

นายกฯ พร้อมคณะลงพื้นที่เชียงราย  สวมบูตลุยโคลนฟังสถานการณ์ กอดชาวบ้านน้ำตาคลอ สทนช.คาด 1-2 วันสถานการณ์ดีขึ้น แต่แม่น้ำโขงยังน่าห่วง “อิ๊งค์” สั่ง มท.กำกับใกล้ชิด พื้นที่อีสานรับมวลน้ำ สั่ง พณ.ดูแลราคาสินค้า   เชิญพระราชกระแสในหลวง ทรงห่วงใยผู้ประสบภัย

เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ก่อนเดินทางไป  จ.เชียงราย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี   พร้อมคณะ ได้ให้กำลังใจตรวจเยี่ยมกำลังพลของกองทัพอากาศ ที่กำลังลำเลียงเรือท้องแบนและอุปกรณ์ไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในภาคเหนือ

โดย น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ในส่วนของ อ.แม่สาย ขณะนี้ปริมาณน้ำเริ่มลดลง แต่ปัญหายังมีดินโคลน จึงอยากให้เข้าไปเร่งจัดการในเรื่องดังกล่าว เพราะหากทิ้งไว้จะทำความสะอาดได้ยาก ส่วนสถานการณ์บนดอยสูงที่ยังถูกตัดขาด การช่วยเหลือยังเข้าไปไม่ถึง อย่างไรก็ดี ไม่ต้องห่วงในเรื่องของงบประมาณ เพราะเราได้กันงบจากส่วนกลางไว้เรียบร้อยแล้ว ต้องการให้นำงบประมาณมาช่วยตั้งแต่ขณะนี้ โดยเฉพาะเรื่องของการเยียวยา ไม่ใช่รอให้สถานการณ์คลี่คลายแล้วถึงจะเข้าไปเยียวยา  ขอให้ทำทันที เพราะถ้ารอจะไม่ทัน

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งสำคัญคือการเข้าไปช่วยเหลือฟื้นฟู เพราะน้ำที่ลงมาในขณะนี้เป็นลักษณะน้ำหลาก มาถึงแล้วก็ไป ความเสียหายที่เกิดขึ้นต้องเร่งเข้าไปดู ตอนนี้ได้มีการส่งอาหารและลำเลียงผู้คนออกมายังที่ปลอดภัย ยอมรับว่ามีชาวบ้านบางกลุ่มที่ยังไม่ออกจากพื้นที่ ได้ส่งกำลังพลเข้าไปดูแล หรือคนที่ออกจากบ้านเรือนแล้วก็มีกำลังพลเข้าไปดูแลทรัพย์สิน

มีรายงานว่า ระหว่างเดินทางจาก กทม.ไป จ.เชียงราย น.ส.แพทองธารได้ใช้เวลาบนเครื่องบินประชุมร่วมกับรัฐมนตรีที่ร่วมคณะ เพื่อติดตามสถานการณ์แม่น้ำโขง รวมถึงเส้นทางการไหลของน้ำจาก จ.เชียงรายลงสู่ภาคอีสาน โดยต้องการให้มีแผนรับมือเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่า แม้ออกจากบ้านแล้วยังมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลทรัพย์สินให้ อีกทั้งต้องการให้นำข้อมูลข้อเท็จจริง โดยเฉพาะเรื่องระดับน้ำ ไปเป็นข้อมูลให้ประชาชนนำไปตัดสินใจ นอกจากนี้ น.ส.แพทองธารยังขอให้ทางกระทรวงมหาดไทยสั่งการลงไปในพื้นที่ และให้เจ้าหน้าที่ลงไปกำกับดูแลสถานการณ์ใกล้ชิด เพราะเป็นพื้นที่รับน้ำจากแม่น้ำโขงต่อจากพื้นที่ภาคเหนือ

ต่อมา น.ส.แพทองธารพร้อมคณะเดินทางถึง จ.เชียงราย โดยทันทีที่เดินทางมาถึง ได้มีภาคเอกชนในพื้นที่เข้ามาพูดคุยว่า ในส่วนของเอกชนได้เข้ามาช่วยเหลือบริจาคเงินให้กับเทศบาลนครเชียงราย 500,000 บาท รวมถึงมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ทำให้ น.ส.แพทองธารตอบว่า ได้รับรายงานตลอดว่ามีเอกชนเข้ามาช่วย รวมถึงจิตอาสาและอีกหลายๆ  ฝ่าย ถือว่าดีมากเลย ขณะที่นายภูมิธรรมกล่าวเสริมว่า อาจจะต้องขอพึ่งพาเอกชน เมื่อเรียบร้อยแล้วจะมีเรื่องการฟื้นฟูและพวกวัสดุก่อสร้างด้วย

เวลา 11.45 น. นายกฯ และคณะได้เดินทางมาถึงหน้าด่านพรมแดนแม่สาย แห่งที่ 1 อ.แม่สาย เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ โดยตัวแทนเจ้าหน้าที่ทหารรายงานว่า ตอนนี้มีกำลังทหารและชุดปฏิบัติการพิเศษ หน่วยซีล เข้าไปช่วยเหลือ ยังมีประชาชนที่ติดอยู่ในพื้นที่และอาหารเข้าไม่ถึง บางจุดต้องใช้เจ็ตสกีและผู้ชำนาญจริงๆ นอกจากนี้ สำหรับพื้นที่ที่การช่วยเหลือลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการอพยพคนหรือการส่งเสบียงอาหาร ได้มีการส่งเฮลิคอปเตอร์และหน่วยรบพิเศษเข้าพื้นที่ และจะมีการนำรถสะเทินน้ำสะเทินบก (AAV) ของกองทัพเรือเข้าช่วยเหลืออีกด้าน คาดว่าสามารถเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ยังติดอยู่อย่างน้อย 300 คน

จากนั้นนายกฯ ได้เดินไปยังสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 (แม่สาย) ซึ่งมีสภาพความเสียหายจากผลกระทบสถานการณ์น้ำท่วมและดินโคลนถล่ม ก่อนที่นายกฯ ได้เข้าไปทักทายพูดคุยและให้กำลังใจกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งจังหวะนี้นายกฯ มีอาการน้ำตาคลอเป็นระยะ โดยช่วงหนึ่งนายกฯ ได้เข้าไปสวมกอดชาวบ้านเพื่อให้กำลังใจ ซึ่งชาวบ้านต่างพากันดีใจได้เจอนายกฯ บางคนถึงกับร่ำไห้และสวมกอด โดยชาวบ้านกล่าวว่า “แค่อ้อมกอดของนายกฯ ก็พอแล้ว”

ด้านนายกฯ ตอบกลับว่า “นี่ก็เป็นกำลังใจเหมือนกัน จะรีบกลับไปทำงาน ดูในเรื่องชดเชยว่าจะช่วยเหลืออะไรตรงไหนได้บ้าง” ซึ่งชาวบ้านบอกกับนายกฯ อีกว่า “อย่าทิ้งกัน” นายกฯ จึงกล่าวย้ำว่า  “ไม่ทิ้งอยู่แล้ว”

นายกฯ ยังกล่าวกับประชาชนว่า หลังจากนี้ทางรัฐบาลจะค่อยๆ ช่วยดูแล ขณะที่ชาวบ้านครวญว่า ไปหมดแล้วไม่เหลืออะไรเลย นายกฯ จึงกล่าวว่า ยังเหลือชีวิต กำลังใจที่ต้องสู้ต่อไป ไม่ต้องห่วง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปช่วยเหลือ โดยจัดทั้งกำลังพลและอุปกรณ์เข้าไป และจากที่ได้รับรายงานวันนี้ระดับน้ำจะค่อยๆ ลดลง ซึ่งจะทำให้การเข้าไปช่วยเหลือทางเรือนำอาหารเข้าไปช่วยเหลือได้

ประชุม ครม.เร่งเยียวยา

เวลา 12.30 น. นายกฯ พร้อมคณะเดินทางต่อมายังวัดพรหมวิหาร อ.แม่สาย ซึ่งเปิดเป็นศูนย์พักพิงสำหรับผู้ประสบภัย เพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ประสบภัย โดยเมื่อมาถึงนายกฯ ได้เข้าไปนั่งพูดคุยและสวมกอดชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านเข้ามาสวมก่อนเช่นกัน พร้อมร่ำไห้ด้วยความดีใจที่นายกฯ ไม่ทอดทิ้ง โดยชาวบ้านระบุว่า ชาวบ้านลำบากมาก แต่ยังมีบางคนที่ไม่ยอมออกจากบ้าน โดยเฉพาะคนแก่ จึงอยากให้รัฐบาลประกาศย้ำ หากมีพายุเกิดขึ้นให้ออกมาจากพื้นที่เพื่อรักษาชีวิตไว้ เพราะบางคนที่ไม่ยอมออกจากบ้าน เพราะเมื่อน้ำลดกลัวเรื่องขโมยเกิดขึ้น เมื่อมีข่าวเช่นนี้ชาวบ้านไม่อยากจะทิ้งบ้านกัน

โดยนายกฯ ได้หันไปสั่งการ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ให้กำชับเจ้าหน้าที่เข้าดูแล จากนั้นหันมากล่าวกับชาวบ้านต่อว่า จากนี้รัฐบาลจะเร่งเข้ามาดูแลเรื่องการเยียวยาให้ดีที่สุด และทราบดีถึงความเร่งด่วนของประชาชนในการเข้ามาช่วยเหลือ

นายกฯ ยังได้เข้าไปพูดคุยกับกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งต่างร่ำไห้ระบุว่า ไม่เหลืออะไรแล้ว หมดตัวแล้ว ร้องไห้จนไม่รู้จะร้องยังไงแล้ว ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาแล้ว นายกฯ จึงปลอบว่า แค่นี้ก็เก่งแล้ว ยังเหลือชีวิตและเหลือกำลังใจที่ต่างคนต่างมอบให้กัน 

จากนั้นนายกฯ ได้ตรวจเยี่ยมโรงครัวพระราชทานและโรงครัวจิตอาสาตำรวจจังหวัดเชียงราย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ขณะที่แม่ครัวได้ทำเมนูกะหล่ำปลีผัดไข่ โดยนายกฯ บอกว่าเป็นเมนูโปรด และอย่างนี้เด็กๆ ทานได้ ทั้งนี้ แม่ครัวได้ขอให้นายกฯ ทำไข่เจียว แต่นายกฯ ปฏิเสธและระบุเพียงว่า “แค่มาดู” แต่อย่างไรก็ตาม ที่โรงครัวพระราชทาน นายกฯ ได้ทดลองผัดเมนูไก่กระเทียม

ต่อจากนั้นนายกฯ ได้มอบถุงยังชีพจากสำนักนายกรัฐมนตรีและยาจากกระทรวงสาธารณสุข โดยกล่าวกับประชาชนว่า สิ่งที่จะช่วยได้หลังจากนี้ในเรื่องของการเยียวยาและบ้านพักต่างๆ ที่มีดินโคลนเลอะเทอะ จะพยายามให้ดูแลตรงนี้ให้เร็วที่สุด ทุกคนจะได้กลับไปอยู่แบบเดิมได้เร็วๆ และอยากให้การเยียวยาเข้าถึงทุกๆ คนอย่างรวดเร็วที่สุด ซึ่งอยากให้เร็วจริงๆ

เวลา 14.15 น. น.ส.แพทองธารเดินทางต่อมายังมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ซึ่งเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว ผู้ประสบอุทกภัย เพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์น้ำ จากนายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ที่รายงานว่า แนวโน้มปริมาณน้ำ ณ ขณะนี้ที่เชียงรายผ่านจุดวิกฤตไปแล้ว และจะลดลงเรื่อยๆ คาด 1-2 วันนี้สถานการณ์จะดีขึ้น หากไม่มีปริมาณฝนตกเพิ่มเติม เมื่อระดับน้ำเข้าสู่ระดับตลิ่งแล้ว จะเร่งขจัดสิ่งกีดขวางทางระบายน้ำ แต่ขณะนี้สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงคือแม่น้ำโขง ที่จะไหลจาก จ.เชียงราย ไปสู่ จ.เลย และ จ.หนองคาย ซึ่งระดับน้ำยังคงสูงขึ้น และอาจจะต้องมีการเสริมแนวป้องกันตลิ่ง ซึ่ง สทนช.ได้มีการประชุมร่วมกับจังหวัดในการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่โรงพยาบาลและพื้นที่เปราะบาง จะสั่งอพยพประชาชนทันที

ขณะที่นายกฯ ได้สอบถามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำอิง ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มหนักสุดในวันที่ 18 ก.ย. โดยได้รับรายงานว่าเข้าสู่ระดับตลิ่งแล้ว และจะเร่งจัดการเรื่องน้ำประปาและไฟฟ้าเพื่อให้เข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อให้ประชาชนกลับสู่ภูมิลำเนา ขณะเดียวกันนายกฯ ยังได้สอบถามถึงความแม่นยำของระบบติดตามน้ำที่ได้รับคำตอบว่าแม่นยำมากกว่า 90% พร้อมกำชับว่าจะต้องแจ้งเตือนประชาชนและเตรียมพร้อมรับมือเพื่อป้องกันความเสียหาย

ต่อมานายกฯ ได้เดินเข้าไปยังหอประชุมใหญ่ของศูนย์พักพิงชั่วคราวช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อเยี่ยมเยียนให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัยและผู้ป่วยติดเตียง

ทั้งนี้ น.ส.แพทองธารเปิดเผยว่า ตามที่พายุไต้ฝุ่นยางิส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย เป็นเหตุให้เกิดอุทกภัยอย่างรุนแรงในบริเวณพื้นที่อำเภอแม่สาย และอำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา อีกทั้งเกิดเหตุดินสไลด์ในบริเวณพื้นที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน บาดเจ็บและเสียชีวิต รวมถึงเกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมากนั้น

นายกฯ ระบุว่า การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชกระแสทรงห่วงใยประชาชนผู้ประสบภัยจากเหตุดังกล่าว และมีพระราชกระแสทรงชื่นชม และพระราชทานกำลังใจแก่จิตอาสาจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ซึ่งต่างเสียสละกำลังกาย กำลังปัญญา และกำลังทรัพย์ มาร่วมกันปฏิบัติการให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย แม้การช่วยเหลือจะเป็นไปอย่างยากลำบาก ท่ามกลางกระแสน้ำไหลเชี่ยว และข้อจำกัดต่างๆ แต่จิตอาสาทุกภาคส่วนต่างร่วมมือร่วมใจกันอย่างเต็มกำลัง ด้วยความรักความปรารถนาดีต่อกัน เป็นเครื่องมือสำคัญทำให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที สามารถบรรเทาสถานการณ์ให้คลี่คลายลงตามลำดับ

สั่ง พณ.ดูแลราคาสินค้า

นายกฯ ยังให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม จ.เชียงราย ว่าในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้ย้ำว่าไม่ให้ขึ้นราคาสินค้าสิ่งที่จำเป็น เพื่อไม่ให้ชาวบ้านเกิดความเดือดร้อนเพิ่มเติม ในการต้องเสียเงินซื้อสินค้าเกษตร หรือสินค้าจำเป็นของตัวเอง ส่วนเรื่องของการเยียวยา ตอนนั่งเครื่องบินได้พูดกันถึงแอปพลิเคชันทางรัฐ ที่เราใช้ลงทะเบียนในเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเวลานี้เหลืออีก 2 วันในการลงทะเบียน จริงๆ แล้วอยากให้ทุกท่านได้ลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐ เพราะตรงนี้จะเป็นช่องทางที่ง่ายที่สุดที่เราจะสามารถติดต่อกับประชาชนได้ เพราะในอนาคตอย่างไรก็ตามเราก็ต้องไปสู่ดิจิทัล government อยู่แล้ว ฉะนั้นอันนี้เป็นจุดเริ่มต้น

นายกฯ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ให้ทางการแจ้งไปยัง จ.หนองคายแล้วว่าน้ำจะไปทาง จ.หนองคาย และพื้นที่ใกล้เคียง จึงขอให้ประชาชนทำตามการแจ้งเตือน เพื่อให้ปัญหาที่เกิดขึ้นเบาลง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการประชุม ครม.วันที่ 17 ก.ย. จะเร่งนำเรื่องการสำรวจความเสียหายและเยียวยาเข้าหารือหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มี น่าจะมีแน่นอน และแน่นอนว่าจะมีการประชุมเล็ก ประชุมย่อยเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า วันที่ 16-17 ก.ย. จะเรียกหลายฝ่ายมาพูดคุยกัน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงมวลน้ำที่เตรียมหลากไปในพื้นที่ภาคอีสานที่ จ.หนองคายและนครพนม ว่า ต้องเร่งระบายน้ำลงไปพื้นที่น้ำโขงให้เร็วที่สุด ตนมั่นใจว่าผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดน้ำหลากต้องมีการเตรียมแผนเผชิญเหตุ

นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 9 จังหวัด รวม 30 อำเภอ 152 ตำบล 741 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 74,751 ครัวเรือน ทั้งนี้ ในส่วนของพื้นที่เสี่ยงภัยที่แม้ปัจจุบันยังไม่เกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้น ปภ.ได้ประสานจังหวัดให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมแจ้งเตือนประชาชนทันทีที่มีแนวโน้มเกิดสถานการณ์ภัยในพื้นที่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ยิ่งลักษณ์’ กลับคุก ‘บิ๊กเสื้อแดง’ รู้มา! ว่าไปตามราชทัณฑ์ไม่ใช้สิทธิพิเศษ

“เลขาฯ แสวง” ยันเดินหน้าคดี “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครองต่อ เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับกับศาล รธน. "จตุพร" ลั่นยังไม่จบ! ต้องดูสถานการณ์เป็นตอนๆ ไป