ป้อมเอาคืนฟ้องเรียก 50 ล.

"ลุงป้อม" ส่ง "ไพบูลย์" ฟ้องดำเนินคดี "หมาแก่-อสมท" ต่อศาลอาญา เรียก 50 ล้าน โทษฐานปล่อยคลิปให้ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง พร้อมฟ้อม กสทช. ให้ระงับออกอากาศ "เจาะลึกทั่วไทยฯ" หลุดอีก! คลิปที่ 5 เสียง "ลุง" คนเดิม ถามเอาเงินมาจากไหน รัฐบาลผวา! ให้  EOD สแกนห้องทำงานรองนายกฯ ตรวจวัตถุต้องสงสัย-ป้องกันการดักฟัง เผยเป็นห้องทำงานเก่าของ "บิ๊กป๊อด"

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 นายไพบูลย์ นิติตะวัน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า  ในสัปดาห์หน้าตนจะยื่นฟ้องดำเนินคดีนายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ผู้จัดรายการ  “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand”, รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ และสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 MCOT ต่อศาลอาญา ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นเสียงของตน ทำให้ตนเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง และคลิปเสียงดังกล่าวมีที่มาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จากกรณีเมื่อวันที่  11 กันยายน 2567 นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ได้นำคลิปเสียงเผยแพร่ผ่าน รายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9

นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า จะยื่นฟ้องนายดนัย เอกมหาสวัสดิ์, รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ และสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 MCOT ต่อศาลแพ่งเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท และในวันจันทร์ที่ 16 กันยายนนี้ ตนจะยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อให้ตรวจสอบการกระทำของสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 MCOT ที่เผยแพร่คลิปเสียงที่มีที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมายขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เพื่อขอให้ กสทช.มีคำสั่งให้สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 MCOT ระงับการออกอากาศรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ตาม มาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์

กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เมื่อมีคลิปเสียงหลุดออกมาผ่านสื่อมวลชน 4 คลิป โดยเสียงในคลิปคล้ายกับ “ลุง” อย่างมาก ภายหลังก็มีการออกมาบอกว่า เป็นคลิป AI ไม่ใช่ของจริงบ้าง

ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 ก.ย. รายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ดำเนินรายการโดยดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และ อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ ช่วงหนึ่งของรายการ ได้เปิดเผยคลิปเสียงของบุคคลหนึ่ง ที่ระบุว่าเป็น “ลุง” ซึ่งเป็นคลิปที่ 5 หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยเปิดคลิปหลุดดังกล่าวมาแล้ว โดยภายในคลิปที่ 5 เป็นผู้ชายสองคนคุยกันเรื่องเงินๆ ทองๆ ซึ่งคนหนึ่งถามว่า เงินเอามาจากไหน ส่วนอีกคนบอกว่า เงินนี้ของผมเอง เอาไปจ่ายให้เด็กๆ เป็นเดือนๆ มีเนื้อหาสนทนา ระบุว่า

เสียงชายคู่สนทนา : ผมไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องไปพูดอะไร แล้วผมก็ไม่ได้มีอะไรเลย

เสียงลุง : แล้วเงินเอามาจากไหน

เสียงชายคู่สนทนา : เงินมาจากไหน ก็ทีแรก เงินของผมเอง ผมก็ เออเฮ้ย เงินของผมเอง ทีนี้ .. เขาเห็นว่าผมอะ จ่ายเงินหมด เฮ้ย พี่เอาตังค์มาจากไหนวะ หา แล้วพี่จ่ายแล้วเพื่ออะไร ผมก็เปล่านะ ไอ้ห่า… คนเข้าใจไอ้โน่นไอ้นี่ ผมก็กะว่า เอ่อ เด็กคนไหนเขานั่น แล้วผมเคยเรียนนายเปรยๆ เอาไว้ก่อนหน้านั้นแล้วว่า ผมอาจจะจ่ายเงินให้เด็กๆ เป็นเดือนๆ ไม่งั้นนะ มันรู้สึกว่า มีปัญหานะ ผมเคยเรียนนายเปรยๆ ไว้ ผมก็เลยคิดว่า เออ อันนี้ความตั้งใจผมนะ ก่อนจะถามว่าเงินมาจากไหน ผมก็คิดว่า จากเดือนนี้ไป ผมก็เริ่มจ่ายสตางค์เด็ก แต่ก็ไม่ไปแย่งของใคร ไม่อะไรทั้งสิ้น ผมก็คิดของผมอย่างนั้น เพราะฉะนั้นมันก็เลยประจวบพอดีกับ วันนั้น ผมแจกสตางค์พอดี ก็แค่นั้นเอง นะ ก็แค่นั้นเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาล พบว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ EOD นำอุปกรณ์เครื่องมือมาทำการตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยต่างๆ บริเวณโดยรอบห้องทำงานของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นห้องทำงานเก่าของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งเเวดล้อม ซึ่งอยู่ชั้น 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลาครู่หนึ่ง

ทั้งนี้ การตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยต่างๆ ของหน่วย EOD ที่ห้องทำงานของรองนายกฯ ภายในทำเนียบรัฐบาลนั้น เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนปกติ เวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งรองนายกฯ ทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม นอกจากจะมีการตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย อย่างเช่นวัตถุระเบิดแล้ว ยังมีการตรวจสอบและป้องกันการติดตั้งอุปกรณ์ดักฟังการสื่อสารต่างๆ อีกด้วย ซึ่งขณะนี้บรรยากาศในทางการเมืองกำลังจับจ้องไปที่เรื่องคลิปเสียงหลุดของบุคคลสำคัญทางการเมืองอยู่เช่นกัน

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ยื่นคำร้อต่อ กกต.ขอให้เอาผิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กรณีแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทย เพื่อหวังหาผลประโยชน์ดึงงบประมาณ ขัดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 46 วรรคสอง และเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงที่เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) (5) จึงขอให้เสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 เพื่อถอดถอนและเพิกถอนสิทธิทางการเมือง รวมถึงสั่งยุบพรรคพลังประชารัฐ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 (3)

โดยนายพร้อมพงศ์กล่าวว่า กรณีที่มีการเผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าว โดยเฉพาะคลิปที่ 3 ซึ่งเป็นเสียงสนทนาของ พล.อ.ประวิตร กับนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายสุทธิพงษ์ ออกมายอมรับแบบลูกผู้ชายสิงห์มหาดไทย ไม่ปล่อยคลุมเครือว่าเป็นเสียงของตนเองจริงพี่พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร ในฐานะรองนายกฯ กำกับงานความมั่นคงและดูแลกระทรวงมหาดไทย จึงถือเป็นใบเสร็จสำคัญที่สามารถให้ กกต.และหน่วยงานต่างๆ เอาผิด พล.อ.ประวิตรได้

“วันนี้ป่าแตก ดูสิบ้านใหญ่ต่างๆ เขาลาออกเป็นแถว หนีตายกันเลย ถ้าท่านคิดว่าจะเป็นนายกฯ อีกนะ ต้องมี 25 เสียงในสภา แต่ท่านถึงไหมล่ะ จาก 40 ตอนนี้ฝั่งผู้กองก็น่าจะไปถึง 20 กว่าแล้ว ของท่านเหลือจริงๆ จะถึง 10 ไหมล่ะ เอาเป็นว่าผมสงสารท่านนะ เพราะบางคนก็ถามท่าน อาจจะเชื่อหมอดูว่าท่านจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่คนรอบข้างอาจจะขอให้ท่านมีโอกาส แต่นี่มันหมดเวลาแล้ว เพราะในอดีตท่านต้องรักษาการเป็นนายกรัฐมนตรี ในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ไปปฏิบัติภารกิจต่างประเทศ ก็ถือว่าชีวิตมาถึงจุดสูงสุดแล้ว ถ้าเป็นผมลงหลังเสืออย่างสง่างามแล้ว ให้ประชาชนชื่นชมในอดีตที่เคยเป็นผู้บัญชาทหารบก รองนายกฯ ถ้าไม่ลงผมก็ตรวจ ไม่เรื่องเรื่องล้ม หรือเป็นเกม คลิปใครถ่ายใครปล่อยขอให้ตรวจสอบกันเอง จะบริวารเป็นพิษหรือจะมีคนใกล้ชิดหักหลังท่าน แต่เมื่อเห็นว่าประชาชนเสียประโยชน์ ไม่ใช่เกมการเมือง” นายพร้อมพงศ์กล่าว. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง