พปชร.โบ้ยAIจัดฉากป้อมเบอร์1

แชร์ว่อนโซเชียล 4 คลิปสะเทือนการเมือง ประกาศขอเป็นเบอร์ 1 บ้าง หลังเป็นรองนายกฯ มานาน แถมถามเรื่องเงินทองแบ่งกันยังไง "โฆษก พปชร." แจงปมคลิปเสียงคล้าย "ลุงป้อม" เป็นการใช้เอไอ-จัดฉาก ซัดเล่นเกมใส่ร้าย ไร้จริยธรรม ขอให้จับตาการอภิปราย 12-13 ก.ย.   ขณะที่สภาผู้แทนฯ เลือกรองประธานคนที่ 1 และ 2 เรียบร้อยตามโผ

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2657 รายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ออกอากาศเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน ดำเนินรายการโดยนายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ หรือหมาแก่ ได้นำคลิปหลุดเสียงสนทนาจำนวน 4 คลิป โดยคลิปแรก เป็นบทสนทนาระหว่างชาย 4 คน หนึ่งในนั้นบอกกับวงสนทนาว่า “ผมเป็นรอง ทำงานให้กับท่านนายกฯ มานาน  ทำสำเร็จหลายเรื่อง ต่อไปนี้ผมอยากจะขอให้ประชาชนให้ผมได้ลองนั่งเบอร์ 1 ดูบ้างนะ ผมจะขอ” ขณะที่มีเสียงชายคนหนึ่งหัวเราะ พร้อมกล่าวเสริมขึ้นมาว่า “ก็สื่อออกไปบ้าง”

ส่วนคลิปที่ 2 เป็นการสนทนาระหว่างผู้ชาย 2 คน โทรศัพท์พูดคุยกัน โดยชายคนแรกระบุว่า  “ไอ้โอ๋ จะให้กูออกจากหัวหน้าพรรคหรือ” ด้านปลายสายตอบกลับว่า ผมไม่ได้พูดครับ ผมไม่ได้พูดครับนาย” ต้นสายจึงกล่าวต่อไปว่า “ไม่มีออกเลยนะ มึงจำไว้” ทำให้ปลายสายชี้แจงว่า “ผมไม่ได้พูดครับนาย ผมไม่ได้พูด”

ขณะที่ต้นสายยังกล่าวอีกว่า “แล้วแบ่งเงินแบ่งทองกันยังไง” ปลายสายตอบว่า “ผมไม่ทราบครับนาย” ต้นสายจึงถามอีกว่า “แล้วรับเงินมาแล้วไม่จ่ายไง” ปลายสายตอบเพียงสั้นๆ ว่า “ครับ” ปลายสายถามย้ำอีกว่า “แล้วเงินจ่ายที่ไหน บอกว่าเอามาให้กูจ่ายไง แล้วไง” ปลายสายจึงระบุว่า “วันจันทร์ผมเข้าไปอธิบายให้ฟังครับ”  ต้นสายจึงบอกว่า  “โอเค”

คลิปที่ 3 เป็นเสียงสนทนาของผู้ชาย 2 คน  คล้ายเป็นการรายงานให้อีกฝ่ายทราบ เรื่องการจัดทัพของกระทรวงหนึ่ง โดยมีการกล่าวถึงชื่อ “รองชัยวัฒน์” และ “ขจร” โดยการสนทนากันว่า “ขจรเนี่ยดีแล้ว พูดรู้เรื่อง” นอกจากนี้ ยังกล่าวถึง “อยู่กับ….” แล้วหัวเราะ โดยคลิปที่ 3 ทางผู้ดำเนินรายการระบุว่า อาจเป็นกระทรวง กรม หรือหน่วยงาน ที่อยู่บริเวณถนนราชดำเนินไปทางคลองหลอด

และคลิปที่ 4 เป็นการสนทนาระหว่างชาย 2 คน คนแรกเป็นการรายงานผลงานของตัวเองที่เคยยื่นยุบพรรคการเมืองหนึ่งมาแล้วให้ชายอีกคนทราบ โดยเสียงช่วงหนึ่งระบุว่า "เพื่อจะเป็นบรรทัดฐาน ใครจะเอาเรื่องสถาบันมาก็มัดคอได้ เดี๋ยวผมร่าง ส่วนของเรืองไกรเป็นแค่เรื่องคุณสมบัติเฉพาะที่ทำขึ้น ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ไว้ก็ยากที่จะตัดข้อวินิจฉัยของศาล ของเรืองไกรก็ได้ข่าวดี แต่ถ้าร้องเอาเรื่องในอดีตที่เคยวินิจฉัย เช่น 112 ก็จะค่อยๆ บั่นทอน ซึมซับ สุดท้ายก็มีปัญหากับท่าน เดี๋ยวผมทำก็เหมือนตอนที่ยุบไทยรักษาชาติ เพราะคนที่ทำก็ไม่รู้ว่าจะมีข้อกฎหมายใดเล่นงานได้ ขอให้ผมช่วยคิดสุดท้าย จึงจัดการไทยรักษาชาติ"

หลังจากมีการแชร์คลิปดังกล่าวนี้ว่อนโซเชียล พรรคพลังประชารัฐได้ออกมาตอบโต้ทันที โดย พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ  (พปชร.) กล่าวว่า ที่โยงประเด็นไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค และผู้บริหารระดับสูงของพรรค เรื่องนี้ได้มีการสอบถามข้อเท็จจริงไปยัง พล.อ.ประวิตร และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่าไม่ใช่เสียงการพูดคุยของตัวเอง เพราะไม่ได้เคยมีการพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าวตามที่คลิปเผยแพร่ออกมา จึงเชื่อมั่นว่าเป็นคลิปเสียงปลอมที่ทำขึ้นจากเทคโนโลยีทางดิจิทัล ด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จะเห็นว่าสามารถทำลอกเลียนแบบได้เสมือนจริงทั้งเสียงและภาพ  ซึ่งที่ผ่านมามักจะพบเห็นการทำคลิปในรูปแบบต่างๆ และล้อเลียน พล.อ.ประวิตร เล่นการเมืองต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง

 “การนำคลิปเสียงออกมาสู่สาธารณะครั้งนี้  ควรมีการตรวจสอบก่อนเผยแพร่ และวอนให้สื่ออย่าตกเป็นเครื่องมือหลงเชื่อของนักการเมืองที่ไร้จริยธรรม ที่สร้างเรื่องมาเพื่อทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อพรรคพลังประชารัฐ เป็นการใช้วิธีชั่วร้ายเก่ามาทำลายระบอบประชาธิปไตย  ผมคิดว่าในปีนี้เป็นปี 2567 แล้ว ไม่ใช่ปี พ.ศ.2539 ยังมีการเล่นการเมืองที่สาดน้ำเน่าสิ่งสกปรกใส่กัน ยังมีการเลี้ยงงูเห่าไทยสร้างไทย งูเห่า ปชป. งูเห่า พปชร. แล้วการเมืองของไทยจะพัฒนาใสสะอาด ประชาชนเชื่อมั่นในระบอบพรรคการเมืองได้อย่างไร ที่ชอบเล่นใส่ร้ายป้ายสีใส่กัน”

โฆษกพรรค พปชร.กล่าวว่า ทั้งนี้ การกระทำที่เกิดขึ้น โดยการใส่ร้ายป้ายสี เป็นการทำลายพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งพรรคแสดงให้เห็นว่า การอภิปรายรัฐบาลที่เกิดขึ้นในวันที่ 12-13 ก.ย.นี้ ขอให้จับตาดูข้อมูลของพรรค ที่จะนำข้อมูลมาอภิปราย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นข้อเท็จจริงและของแท้แน่นอน เพื่อนำเสนอต่อพี่น้องประชาชนและสภาผู้แทนราษฎรให้รับทราบโดยทั่วกัน

ที่รัฐสภา วันเดียวกันนี้ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ได้แจ้งต่อที่ประชุมให้ทราบถึงการกรณีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย  พรรคเพื่อไทย ขอลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่สอง เมื่อวันที่ 10 ก.ย. เวลา 16.30 น. จึงเป็นเหตุให้ต้องพ้นจากตำแน่งรองประธานสภาฯ คนที่สอง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 118 (2)

โดย น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายว่า ด้วยความจำกัดทางข้อกฎหมาย พรรคประชาชนจึงไม่สามารถส่งชื่อได้ แต่อยากให้ว่าที่รองประธานสภาฯ ช่วยสานต่องานที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ​เคยทำเอาไว้ในสภาให้เกิดความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ พัฒนาสภาให้ก้าวหน้า รองรับความหลากหลาย และเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้ประชาชน 

จากนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  ในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นเสนอชื่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงรายพรรคเพื่อไทย เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง

โดยนายพิเชษฐ์ได้แสดงวิสัยทัศน์ว่า ตนจะปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจของรัฐสภา คือ 1.ตรากฎหมาย ตรวจสอบ หรือยกเลิกกฎหมาย 2.ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินของฝ่ายบริหาร 3.ให้ความเห็นชอบเรื่องสำคัญที่มีผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน สนับสนุนให้มีการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหาของประเทศ

มีนโยบาย ดังนี้ 1.ให้สภาผู้แทนราษฎรใกล้ชิดประชาชนมากขึ้น เพื่อให้มีการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยจัดให้มีรัฐสภาประจำจังหวัดทดลองใช้อย่างน้อย 5 จังหวัด 2.นำรัฐสภามุ่งสู่ความเป็น Smart Parliament Green Parliament Zero Carbon นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการบริหารองค์กร นำไปสู่ประธานสภาดิจิทัล ปรับปรุงซ่อมแซมอาคารรัฐสภาให้สวยงามสมบูรณ์ ภายหลังจากที่เราได้รับมอบมาแล้ว 3 เดือน สร้างท่าเทียบเรือฝั่งวุฒิสมาชิกและ สส.ภายใน ปี 68 นี้ ทำที่จอดรถเพิ่มอีก 3,000 คัน ให้ถูกต้องตามกฎหมายของกรุงเทพมหานคร  รีบจัดให้มีการบริหารความปลอดภัยภายในอาคารรัฐสภาอย่างเร่งด่วน รวมถึงเรื่องของอัคคีภัย ที่ต้องมีการเตรียมพร้อมชุดอัคคีภัยให้เร็วที่สุด

3.จะเป็นผู้ช่วยประธานสภาฯ ดำเนินการประชุมสภาให้เรียบร้อยสำเร็จด้วยประสิทธิภาพ และคุณภาพ เสริมสร้างศักยภาพของสมาชิกให้มีความรู้และประสบการณ์มากขึ้น เพื่อนำไปพัฒนาท้องถิ่นของตัวเองให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด 4.เป็นผู้ช่วยประธานสภาฯ นำรัฐสภาไทยก้าวขึ้นสู่การเป็นรัฐสภาผู้นำของอาเซียนและเอเชียต่อไป

จากนั้น เวลา 11.29 น. นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะ สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นเสนอชื่อนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง 

โดยนายภราดรกล่าวว่า เราปฏิเสธการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่ได้ แต่ตนให้คำมั่นสัญญากับท่านประธานและเพื่อนสมาชิกว่า ตนจะไม่เป็นรองประธานสภาฯ ของพรรคภูมิใจไทย  ตนจะไม่เป็นรองประธานสภาฯ ของเพื่อนสมาชิกฝ่ายรัฐบาล แต่จะเป็นรองประธานสภาฯ ของสภาแห่งนี้ ของเพื่อนสมาชิกทั้ง 493 คน ตนจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ จะยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำให้สภาแห่งนี้เป็นสภาของพี่น้องประชาชน

สุดท้าย นายวันมูหะมัดนอร์ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า จะรีบนำชื่อนายพิเชษฐ์และนายภราดรขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ซึ่งการประชุมวันนี้ถือว่าบรรยากาศดีมาก ไม่เสียเวลาเรื่องต่างๆ ที่ได้ประโยชน์น้อย วันนี้เราได้ประโยชน์ล้วนๆ จากนั้นได้กล่าวปิดประชุมในเวลา 11.39 น. เพื่อให้ สส.เตรียมตัวอภิปรายแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 12-13 ก.ย.นี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง