ชงครม.17ก.ย.แจกหมื่น จ่อตรึงราคาLPGถึงสิ้นปี

นายกฯ มั่นใจแบ่งเฟสแจกเงินหมื่น ยังเป็นพายุหมุนกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมทำหลายโครงการคู่ขนาน คลังเตรียมเปิดให้ผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนลงทะเบียนรับเงินผ่านออมสิน-ธอส.-ธ.ก.ส. "พีระพันธุ์" แย้มจ่อตรึงราคา "แอลพีจี" อีก 3 เดือนถึงสิ้นปี พร้อมลุยแก้กฎหมายพลังงานรัวๆ จับตากองทุนน้ำมัน ผุดวิธีลบหนี้แสนล้านบาท

เมื่อวันที่ 12 กันยายน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าอาคารชินวัตร 3  เพื่อเตรียมความพร้อมข้อมูลต่างๆ ในการแถลงนโยบายคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา ในวันที่ 12-13  ก.ย. โดยยอมรับว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเกิดความชัดเจนจากเวทีนี้ ซึ่ง รมว.การคลังจะเป็นคนแถลงรายละเอียดโครงการนี้ทั้งหมด 

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ 10,000  บาท ได้ทั้งหมดก้อนเดียว แต่วิธีการทำกับการหาเสียงแตกต่างกัน จะสามารถอธิบายประชาชนอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า มีความแตกต่างแน่นอน พอได้ลงมือทำจริงๆ เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลมีเรื่องของระบบที่จะต้องติดตั้งอีกนาน ฉะนั้นเราคิดว่าเมื่อระบบและสิ่งอื่นๆ ยังมีข้อพิพาทต่างๆ  ซึ่งต้องรอ แต่เศรษฐกิจรอไม่ได้ ประชาชนรอไม่ไหว ฉะนั้นต้องปรับเปลี่ยนในจุดนี้ให้ประชาชนก่อน เพราะเรื่องเศรษฐกิจเป้าหมายของเราในการทำดิจิทัลวอลเล็ตนั่นคือการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบ หากกระตุ้นไม่พอ เรายังพร้อมที่จะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในแบบดิจิทัลด้วย เราทำอันนี้เสร็จไม่ใช่มีแค่นโยบายเดียว ยังมีอีกหลายอันที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่อันนี้เป็นอันหลักเร่งด่วนและเห็นผลทันทีจึงอยากรีบทำ

 “การวางแผนเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจมีหลายเฟสที่ต้องกระตุ้น อย่าง 10,000 บาท ที่ได้แถลงไปแล้วว่าจะจ่ายก่อน ก็เป็นการกระตุ้นอันหนึ่ง ภาพใหญ่หนึ่งภาพก่อน แต่ส่วนหลังจากนั้นก็ไม่ลืมทิ้งโครงสร้างดิจิทัลที่เราจะต้องทำต่อด้วย  อันนี้สำคัญ ตอนแรกเราจะไม่ให้เป็นเงินสดเลยทั้งหมด จะเป็นเงินดิจิทัลทั้งหมด แต่อย่างที่บอกเศรษฐกิจรอไม่ได้ เราก็เลยต้องแบ่งเฟส ดิจิทัลยังอยู่ แต่เราอาจจะเปลี่ยนเป็นว่า 5,000 บาทไหม  หรืออย่างไร เดี๋ยวให้ รมว.คลังแถลงรายละเอียด” น.ส.แพทองธารระบุ

ส่วนที่ฝ่ายค้านระบุหากแบ่งจ่ายอาจจะไม่ใช่พายุหมุนเหมือนที่เราตั้งใจไว้ จะกลายเป็นแค่หย่อมความกดอากาศต่ำ นายกฯ กล่าวว่า เป็นการกระตุ้นแน่นอน แต่รูปแบบเปลี่ยนไป ฉะนั้นการแบ่งทีละเฟสควบคู่กับนโยบายอื่นๆ จะทำให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจอยู่ดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยหาเสียงจ่ายเงินดิจิทัลขณะที่ยังไม่ศึกษารายละเอียด จึงทำให้การจ่ายเงินล่าช้า น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ล่าช้า เพราะเราเข้ามาเราคิดว่าจริงๆ แล้วระบบจะสามารถดำเนินไปได้เลย แต่ต้องมีการรับฟังหลายๆ ฝ่ายว่ามีข้อกังวลหรือข้อสงสัยอะไร อันนี้คือสิ่งที่เราพยายามทำให้รัดกุมและดีที่สุดสำหรับประเทศด้วย

ทางด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่าหลังจากรัฐบาลเปิดให้มีการลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ตั้งแต่ 1 ส.ค.67 และจะเปิดรับลงทะเบียนในวันที่ 15 ก.ย.นี้ และในวันที่ 16 ก.ย.นี้ จะเปิดรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการในเฟสที่ 2 สำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ซึ่งจะเปิดรับลงทะเบียนไปจนถึง 15 ต.ค.67 โดยผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนสามารถนำบัตรประชาชนไปยื่นลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมโครงการ ได้ผ่าน 3 ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ ได้แก่ ธนาคารออมสิน, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

 ทั้งนี้ หลังจากปิดรับลงทะเบียนทั้งสองเฟสแล้ว รัฐบาลจะประกาศผลผู้มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ และจะเปิดให้มีการยื่นอุทธรณ์ได้ เมื่อถึงขั้นตอนนี้จะทำให้รัฐบาลเห็นจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ที่ชัดเจน และจะสามารถตัดกลุ่มเปราะบางที่มีความซ้ำซ้อนทั้ง 2 เฟสออกได้ ซึ่งล่าสุดมีประชาชนมาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐแล้วประมาณ 32 ล้านคน

 ทั้งนี้ นายจุลพันธ์ยังกล่าวด้วยว่า หลังจากรัฐบาลได้มีการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาแล้วเสร็จ ในวันอังคารที่ 17 ก.ย.นี้ รัฐบาลจะนำรายละเอียดโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 1 เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งในใหญ่ของประเทศ โดยงบประมาณก้อนแรก 14 แสนล้านบาทจะจ่ายเป็นเงินสดให้กับกลุ่มเปราะบาง และคนพิการจำนวน  14 ล้านคนเป็นกลุ่มแรกก่อน    อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าความเป็นดิจิทัลไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ไปอยู่ในเฟส 2 เพื่อดำเนินแจกเงินให้กับพี่น้องประชาชนกลุ่มอื่นๆ

วันเดียวกัน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) นัดถัดไปภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ จะมีการพิจารณาถึงสถานการณ์ราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ของตลาดโลก รวมถึงสถานะกองทุนน้ำมัน โดยคาดว่าจะมีการต่ออายุราคาขายปลีกแอลพีจี อยู่ที่ประมาณ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ต่อไปอีก 3 เดือน จากที่จะหมดอายุภายใน 30 ก.ย.67 หรือต่ออายุถึงสิ้นปีนี้ ขณะที่การกำหนดราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่เพดาน 33 บาทต่อลิตร ที่จะหมดอายุในสิ้นเดือน ต.ค.67 นั้น ต้องรอการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้งว่าจะมีการตรึงหรือไม่

นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ขณะที่นโยบายพลังงานภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินหน้าตามแนวทาง รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง ตามบันได 5 ขั้นที่เคยกำหนดไว้ ซึ่งในระยะต่อไปจะเป็นการกำหนดกฎหมาย 3 ฉบับ ได้แก่ กฎหมายกำกับกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง, กฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์ (โซลาร์) และกฎหมายการจัดทำระบบสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์เพื่อความมั่นคงของประเทศ หรือ SPR (Strategic Petroleum Reserve) เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันให้อยู่ในระดับที่รัฐบาลสามารถควบคุมราคาได้เอง อยู่ระหว่างจัดเตรียมร่างกฎหมายเกี่ยวกับการสํารองน้ำมันของประเทศ หลักการคือจะนำน้ำมันสำรองนี้มาดูแลปัญหาราคาน้ำมันแทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะเปลี่ยนกองทุนน้ำมันฯ ที่ใช้เงินและสร้างหนี้สาธารณะ ให้กลายมาเป็นทรัพย์สินของประเทศต่อไป

"คาดว่า 2 ฉบับแรกจะเข้าสภาได้ภายในปีนี้ ส่วนฉบับที่ 3 จะเข้าสภาปี 2568 เมื่อกฎหมายทั้งหมดบังคับใช้จะสร้างความเป็นธรรมด้านพลังงานให้ประชาชน โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ไม่มีกฎหมายกำกับดูแล ปล่อยให้ผู้ค้าน้ำมันกำหนดราคาเอง เมื่อกฎหมายกำกับกิจการการค้าน้ำมันบังคับใช้ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงก็ไม่มีความจำเป็น ส่วนหนี้กองทุนฯ ปัจจุบันกว่า 1 แสนล้านบาท ด้วยเครื่องมือใหม่จะหักลบหนี้ได้เองในอนาคต" นายพีระพันธุ์ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศึกแรก‘นายกฯอิ๊งค์’พร้อมเต็มร้อย ไร้องครักษ์-ยกทีมตึกไทยฯเปิดวอร์รูม

เริ่มแล้ววันแรกของการแถลงนโยบายคณะรัฐมนตรีของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อรัฐสภา ระหว่างวันที่ 12-13 กันยายน 2567 ซึ่งแม่ทัพอย่าง “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เพราะถึงแม้จะไม่ใช่เวทีซักฟอก แต่พรรคแกนนำฝ่ายค้านอย่าง “พรรคประชาชน” ได้วางผู้อภิปรายไว้กว่า 30 คน