นายกอิ๊งค์ตื่นเวทีสภา ขอกำลังใจสส.ไร้องครักษ์ จักรภพรับนั่งโฆษกรัฐบาล

นายกฯ อิ๊งค์เล่นบทเตมีย์ใบ้ต่อ  เพื่อไทยย้ำไม่มีองครักษ์พิทักษ์นายกฯ แน่ "พรรคประชาชน" ฟุ้งจับตามีไฮไลต์ชำแหละนโยบาย  สว.จองคิวลับมีด 57 ราย รอจัด "เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์-เช่าที่ดิน 99 ปี" เฉลิมชัยลั่นพร้อมหักปากกาโพล พปชร.เริ่มขยับตั้ง "ไพบูลย์"  สอบพฤติกรรม 20 สส. "มินิฮาร์ต" ลาม! เรืองไกรยกกรณี "ตี๋เต้" คุ้ยจริยธรรม "อุ๊งอิ๊ง" ธรรมนัสส่งทนายฟ้องหมิ่นประมาทถูกวิจารณ์ครอบงำรัฐมนตรีเกษตรฯ ยกกระทรวง "หมอวรงค์" จ่อเอาคืน โฆษกพลังประชารัฐแนะนายกฯ ตัดสิน

เมื่อวันอังคารที่ 10 ก.ย.2567 ที่อาคารชินวัตร 3 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี   เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจเป็นปกติ และยังไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่สอบถามถึงการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดย น.ส.แพทองธารเพียงแต่ยกนิ้วโป้งให้ก่อนเดินขึ้นตึกไป

น.ส.แพทองธารยังโพสต์ข้อความผ่าน X  ภายหลังรับโทรศัพท์แสดงความยินดีจากดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย  โดยได้ขอบคุณนายกฯ และรัฐบาลมาเลเซียสำหรับมิตรภาพที่ดี โดยนายอันวาร์ยังได้เชิญนายกฯ เยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการในโอกาสแรกด้วย

ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ  และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงนโยบายรัฐบาล ทั้งนโยบายกัญชาทางการแพทย์และนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่าถ้านโยบายเป็นของรัฐบาลก็เป็นความเห็นร่วมกันของทุกพรรคการเมือง ส่วนนโยบายจะมีอะไรบ้าง ให้รอวันแถลงนโยบาย ซึ่งทุกอย่างจะชัดเจน ไม่น่าจะมีปัญหา และไม่น่ากังวลใจ เพราะนโยบายทั้งหมดได้พูดคุยกันแล้ว

    เมื่อถามย้ำว่า จะได้เห็นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในรัฐบาลนี้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมย้ำว่า ขอให้รอฟังคำแถลงนโยบายของรัฐบาล

นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงผลการประชุม สส.พรรคว่า ในที่ประชุมได้พูดถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 12-13 ก.ย. โดยพรรคได้เตรียมทีมอภิปรายสนับสนุนนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ส่วนองครักษ์พิทักษ์นายกฯ นั้น ไม่ได้มีองครักษ์พิทักษ์อะไร หากเขาไม่เข้าใจในเรื่องใดก็มีสิทธิ์อภิปราย ส่วนหน้าที่ชี้แจงทำความเข้าใจก็เป็นเรื่องของรัฐมนตรี

เมื่อถามย้ำว่า ต้องจัดคนไว้ปกป้องนายกฯ หรือไม่ นายดนุพรกล่าวว่า ไม่ต้อง เชื่อว่านายกฯ มีเวลาที่จะพูดคุยกับรัฐสภา หากมีอะไรที่นายกฯ สามารถตอบได้ก็จะตอบเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุม สส.พรรค พท. น.ส.แพทองธารได้กล่าวกับ สส.ว่า ได้เตรียมข้อมูลสำหรับการแถลงนโยบายไว้แล้ว ถือว่ามีความพร้อมที่สุด แต่อาจจะตื่นเต้นบ้าง เพราะถือเป็นการเข้าไปทำหน้าที่ในสภาครั้งแรก ขอให้ สส.ช่วยให้กำลังใจด้วย และตนเข้าใจบทบาทของ สส.เป็นอย่างดีว่าต้องทำงานใกล้ชิดประชาชน ตนได้ปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้วเกี่ยวกับการทำงานประสานกับ สส. โดยทุกวันอังคาร หลังเวลาราชการ ตนจะเข้ามาร่วมประชุมกับ สส. ใครมีประเด็นอะไรอยากหารือ สามารถเข้ามาพบตนได้เลย แต่หากวันอังคารใดใครไม่สะดวก สามารถเข้าไปพบตนได้ที่ทำเนียบรัฐบาล ทุกเช้าวันศุกร์ ถ้าวันศุกร์ไหนที่ตนลงพื้นที่ จะเลื่อนเวลามาเป็นเช้าวันพฤหัสบดี และการประสานงาน สามารถประสานตรงมาที่เลขาฯ ส่วนตัวของตนได้เลย เพราะอยากมีส่วนร่วมกับสส.ในการทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่

ปชน.ยันมีไฮไลต์

ด้านนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า พรรคฝ่ายค้านได้เวลาอภิปราย 13 ชั่วโมง ซึ่งจัดสรรลงตัวแล้ว โดยเนื้อหาการอภิปรายจะเป็นภาพรวมของทุกประเด็น ไม่ได้เจาะจงเรื่องอะไรเป็นพิเศษ แต่ประเด็นไฮไลต์ต่างๆ มีบ้าง ซึ่งขออุบไว้ก่อน

นายปกรณ์วุฒิยังกล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ทั้งวิปฝ่ายค้านและรัฐบาล ได้จัดสรรเวลาให้ 30 นาที ฝ่ายค้านให้ 15 นาที และฝ่ายรัฐบาล 15 นาที ในการอภิปรายว่า ต้องรอความชัดเจนว่าตกลงแล้วพรรค พปชร.จะอยู่ฝ่ายไหนกันแน่ ต่อให้มี สส. 40 ที่นั่ง แต่ถ้าพรรค พปชร.จะมาเป็นฝ่ายค้าน และจะเอาโควตาตาม 40 ที่นั่ง แต่ในการมาโหวตมติวิปมาไม่ถึงครึ่ง คงไม่แฟร์ และวิปฝ่ายค้านคงไม่สามารถอธิบายให้พรรครวมฝ่ายค้านพรรคอื่นเข้าใจได้จะพูดคุยกัน ต้องขอให้ พปชร.วางตัวให้ชัดเจน หากไม่ชัดเจนคงไม่สามารถให้มาร่วมฝ่ายค้านได้อย่างเป็นทางการ

นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวว่า กรรมการบริหารพรรคมอบหมายให้นายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช และนายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ เป็นตัวแทนประสานงานกับนายปกรณ์วุฒิ และมอบให้นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร เป็นผู้เตรียมการข้อมูลอภิปราย

พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง กล่าวถึงความพร้อมในการอภิปรายการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า มี สว.แจ้งเจตจำนงการอภิปรายถึง 57 คน และกำลังคุยเรื่องการจัดสรรเวลา ดูประเด็นที่ไม่ซ้ำซ้อนกัน เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสในการอภิปรายนโยบายของรัฐบาล ยืนยันว่า สว.มีความพร้อม

นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง กล่าวตอนหนึ่งในเวทีวุฒิสภาพบสื่อมวลชนว่า ขอฝากว่าเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และการให้เช่าที่ดิน 99 ปี หนักหนาสาหัส ต้องพูดอีกยาว การแถลงนโยบายรัฐบาลจะถามและชี้ให้เห็นว่าไม่ชอบอย่างไร

“99 ปีไม่ใช่เมืองขึ้น จะเอาแบบมาเก๊า ฮ่องกง ที่เขาต้องการให้เป็นเมืองขึ้น เราไม่ใช่ ผมขอตั้งคำถามต่อประชาชนในเรื่องนี้ และสิ่งที่ต้องถามสื่อมวลชนด้วยคือที่มาของ สว.ควรปรับปรุงและแก้ไขอย่างหรือไม่ รวมถึงระเบียบข้อบังคับของ กกต. นอกจากนั้นคือการทำงานอย่างไรให้มีผลงานมากที่สุด” นายบุญส่งกล่าว

นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงการแต่งตั้งบุคคลที่เหมาะสมเป็นโฆษกประจำสำนักนายกฯ ว่า เรื่องนี้ต้องถาม น.ส.แพทองธาร คิดว่าในวันที่ 17 ก.ย. ตำแหน่งต่างๆ ก็จะทราบกันแล้ว ว่าแต่งตั้งใครบ้าง ส่วนกระแสข่าวว่านายจักรภพ เพ็ญแข อดีตโฆษกประจำสำนักนายกฯ สมัยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ จะมาเป็นโฆษกรัฐบาลนั้น ก็ไม่ทราบ ต้องรอ น.ส.แพทองธาร เนื่องจากเป็นหัวหน้าสูงสุด ก็ต้องคุยกันก่อนนายกฯ ให้ความเห็น

ขรก.การเมืองตั้งเรื่อยๆ

  เมื่อถามว่า ตำแหน่งข้าราชการการเมืองทั้งที่ปรึกษา เลขานุการ และผู้ช่วยรัฐมนตรี จะชัดเจนในวันนั้นเลยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องเสร็จทีเดียว ส่วนไหนพร้อมหรือดำเนินการเสร็จก่อนก็มีมติแต่งตั้งได้ก่อน ส่วนไหนยังไม่พร้อมก็แต่งตั้งภายหลังเหมือนทุกครั้ง

  เมื่อถามว่า ข้าราชการการเมืองจะให้พรรคเลือกหรือรัฐมนตรีเลือกเอง นายภูมิธรรมกล่าวว่า สำหรับกระทรวงตนเองก็เลือกจากที่ได้ดู ส่วนพรรคเพื่อไทยจะเสนอใครมาก็รับฟังได้ ค่อยมาปรับคุยกัน ทั้งนี้ เราไม่ได้คิดว่าจะเอาคนของใคร นั่งไปดูแลผลประโยชน์ของตัวเราเอง เป็นเรื่องของการหาคนที่เหมาะสมไปนั่งทำงาน สำหรับความเคลื่อนไหวของรัฐมนตรีในการปฏิบัติหน้าที่นั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า จะเข้ากระทรวงกลาโหมในวันที่ 16 ก.ย. เวลา 10.00 น. จากนั้นสักการะศาลหลักเมือง สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง และร่วมรับประทานอาหารกับผู้บัญชาการเหล่าทัพเพื่อพูดคุยกันเบื้องต้น และรับฟังบรรยายสรุปจากผู้บริหาร กห. ก่อนมอบนโยบายกว้างๆ บางส่วน และเป็นประธานตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ 

เมื่อถามว่า มีแผนนัดคุยกับบอร์ด 7 เสือกลาโหมเมื่อไหร่ เพื่อพิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล นายภูมิธรรมกล่าวว่า อะไรที่เป็นจุดเริ่มต้นก็จะฟังผู้บัญชาการและผู้บริหาร กห.ทั้งหมด เพราะต้องการให้ทุกฝ่ายได้ทราบถึงเจตนาและวัตถุประสงค์ที่เข้าไปทำงาน ว่าไม่ได้คิดที่จะเข้าไปขยายอำนาจอะไร แต่คิดว่าต้องการไปร่วมมือกันและสร้างให้กองทัพสามารถอำนวยประโยชน์ให้ประชาชนให้ได้มากที่สุด และใช้กำลังพลของกองทัพที่มีอยู่อย่างเข้มแข็ง รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือที่มีอยู่อย่างมากมายจะได้นำไปใช้ 

“วันแรกที่เข้าไปหลังจากตรวจแถวกองทหารเกียรติยศแล้วจะไปตรวจเยี่ยมเหล่าทัพต่างๆ โดยงานแรกคิดว่าจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนทหารที่ได้รับภัยจากการปฏิบัติหน้าที่ที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึก เขาขาดเหลืออะไรก็จะได้ไปช่วยเหลือ  จากนั้นจะเดินทางไปเยี่ยมกรมสวัสดิการทหารทุกส่วน เพื่อต่อยอดการทำงานของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ที่ดูแลข้าราชการชั้นผู้น้อย ทั้งเรื่องสวัสดิการและเรื่องต่างๆ โดยจะไปเยี่ยมทุกที่ และสุดท้ายจะเดินทางไปเยี่ยมกองทหารช่างของกองทัพบก รวมถึงกองทหารพัฒนาของกองทัพไทย ซึ่งคิดว่าจะพูดคุยกับผู้บัญชาการกองทัพไทย ย้ำว่านโยบายอยากให้กองทัพสามารถวางแผนในการช่วยเหลือประชาชนตลอดทั้งปี ไม่ใช่เฉพาะในช่วงที่มีภัยพิบัติเท่านั้น”

เมื่อถามย้ำว่า หนักใจหรือไม่ที่ต้องพิจารณาโผทหารให้เสร็จก่อนวันที่ 15 ก.ย.นี้ เพราะล่วงเลยเวลามานานแล้ว นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่น่าหนักใจอะไร เพราะทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีการเปลี่ยนรัฐบาล แต่ถ้ามันเลยเวลาจริงๆ เราก็มีเหตุผลที่ทุกคนจะเข้าใจได้ แต่ต้องทำให้เสร็จโดยเร็ว ก่อนโยกย้ายในเดือน ต.ค.นี้

ทางด้านนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และอดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังมีกระแสข่าวมีชื่อเป็นแคนดิเดตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า  เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีผู้ใหญ่ของพรรคเพื่อไทยติดต่อมาพร้อมถามว่า ถ้าจะขอให้ช่วยงานรัฐบาล ซึ่งมีตำแหน่งต่ำกว่ารัฐมนตรีจะรับได้หรือไม่ ซึ่งได้ตอบไปว่า ถ้างานนั้นเป็นงานที่ช่วยเหลือรัฐบาลได้ตรงประเด็นในตอนนี้และเห็นว่าเป็นประโยชน์ตนก็ยินดี ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่อะไร

เมื่อถามว่า การพูดคุยระบุเลยหรือไม่ว่าเป็นตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกฯ นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่ได้มีการบอกแบบเป็นทางการ พูดลักษณะว่าหากให้มาช่วยงานอย่างในตำแหน่งโฆษกรัฐบาลได้หรือไม่ ซึ่งตนได้บอกว่าหากเห็นว่าตนกลับเข้าไปแล้วมีประโยชน์ตนก็ยินดี ทั้งนี้ ต้องมาดูว่าความสามารถตัวเองจะทำตรงนี้ได้หรือไม่ เพราะถึงแม้เคยดำรงตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ก็ห่างไปถึง 18 ปี ต้องมาดูอีกครั้งว่าเรื่องของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เรื่องของเทคโนโลยี ตนยังมีความสามารถอยู่ไหม

ส่วนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรฯ ถือฤกษ์ 07.30 น. สวมชุดผ้าไทยสีเขียวอ่อน เดินทางเข้าสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำพรรคด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ก่อนเดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ยัง ทส. ขณะที่มีบรรดา สส. อดีต สส. และ กก.บห.มาให้กำลังใจ มอบช่อดอกไม้

นายเฉลิมชัยกล่าวถึงเป้าหมายในการทำงานในตำแหน่ง รมว.ทส.ว่า มีความตั้งใจ 2 เรื่อง 1.เข้าไปแก้ปัญหาลดความขัดแย้งระหว่างรัฐกับชาวบ้าน และ 2.เร่งรัดการกำหนดแนวเขตแดนป่าไม้และเขตอุทยาน โดยจะขอเข้าไปดูในรายละเอียดก่อน

ลั่นพร้อมหักปากกาโพล

 “ผมเข้าใจว่าวันนี้ทุกคนกำลังจับตาดูอยู่ ผมก็จะทำให้ดีที่สุด แต่วันนี้ยังไม่รู้ว่าต้นตอ ความลึกตื้นของปัญหาเป็นอย่างไร วันนี้เราต้องมาดูว่าอะไรคือกฎหมาย อะไรคือความเดือดร้อนของชาวบ้าน แล้วมาแยกแยะตรงนั้น กฎหมายต้องใช้บังคับ มนุษยธรรมก็ต้องมี” นายเฉลิมชัยกล่าว

นายเฉลิมชัยยังกล่าวว่า ถ้าอยากเห็นพรรคประชาธิปัตย์เดินไปข้างหน้าด้วยใจที่บริสุทธิ์จริง  มาให้กำลังใจกัน แนะนำกัน พวกเราทุกคนพร้อมจะรับฟัง มาช่วยกันทำให้ประเทศขับเคลื่อนไปข้างหน้า พรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นเรื่องเล็ก ประเทศถึงจะเป็นเรื่องใหญ่ 

 “โพลนั้นผมขอขอบคุณที่ให้ความสนใจพรรคประชาธิปัตย์ เราก็รับฟังความคิดเห็น และมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น และเราจะขับเคลื่อนอย่างไร มีสิ่งหนึ่งที่ผมตั้งใจไว้ ไม่อยากพูดหรอก คิดไว้ในใจ คิดไว้อยู่ตลอดในฐานะเป็นหัวหน้าองค์กรว่า เคารพในผลโพล เคารพในความคิดเห็น แต่ผมจะหักปากกาโพลให้ดู” นายเฉลิมชัยระบุ

ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกระแสในโซเชียลมีเดีย พูดถึงกรณีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ครอบงำลูกสาว อย่าง น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย โดยหัวเราะพร้อมระบุว่า เห็นแต่ซาบีดาครอบงำคุณชาดามากกว่า ยังไม่เคยเห็นคุณชาดาสั่งอะไรซาบีดาได้เลย เห็นมีแต่สมัยตอนที่นายชาดาเอารัฐมนตรีซาบีดาไปทำงานการเมือง ก็ได้ยินแต่ซาบีดาสั่งพ่อทำนู่นพ่อทำนี่ ด๊ะทำนู่นด๊ะทำนี่ ด๊ะที่แปลว่าพ่อ รู้สึกว่าแกจะถูกทั้งครอบงำและครอบครองด้วยลูกสาวมากกว่า พ่อไม่มีปัญญาควบคุมลูกสาวหรอก ไม่ต้องห่วง

วันเดียวกัน ยังมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่น่าสนใจ เมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานในพิธีสักการะศาลพระพรหม ซึ่งประดิษฐานอยู่บริเวณด้านหน้าอาคารที่ทำการพรรค พปชร. เพื่อเสริมสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรือง ในวาระที่พรรคมี กก.บห.ชุดใหม่ โดยมีสมาชิกพรรค บุคลากร พนักงาน เพื่อประกาศเดินหน้าขับเคลื่อนพรรคสู่การเป็นสถาบันการเมืองที่มั่นคง โดยบรรยากาศในงานเป็นไปด้วยความอบอุ่น พล.อ.ประวิตรได้กล่าวทักทายและขอบคุณสมาชิกพรรคและผู้ร่วมงานทุกคนที่ได้ร่วมพิธีสวดมนต์และทำบุญในครั้งนี้

ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกฯ และ รมว.ทส. ปรากฏตัวครั้งแรก หลังจากที่เงียบหายไปตั้งแต่มีการตั้งรัฐบาลใหม่  โดย พล.ต.อ.พัชรวาทมีสีหน้าท่าทางที่ยิ้มแย้ม พูดคุยอย่างเป็นกันเองกับผู้สื่อข่าว และให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเสียกำลังใจที่ถูกปรับออกหรือไม่ว่า ไม่เสียเลย ทำให้แล้ว เป็นแล้วก็ดีแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมอบหมายงานให้นายเฉลิมชัยหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า ไม่มีๆ  ไม่มีธรรมเนียม และเมื่อถามว่า มองเรื่องการปรับ ครม.เป็นปกติหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า ปกติ ปกติเลย การเมืองก็งี้แหละ ก็ดีใจด้วย เพราะอายุเยอะแล้ว แต่หลังจากนี้จะมาช่วยลุงป้อมทำงาน

นายไพบูลย์แถลงมติการประชุม กก.บห. ครั้งที่ 6/2567 ว่า พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธานการประชุมได้ลงนามคำสั่ง 14/2567 แต่งตั้งรองเลขาธิการพรรค พปชร. 2 คน คือ 1.นายภัครธรณ์ เทียนชัย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และ น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติตั้งกรรมการสอบ กรณี สส.พปชร.จำนวน 20 คน มีการกระทำที่อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคหรือไม่ และยังให้กำหนดมาตรการชั่วคราวระหว่างพิจารณาด้วย โดยตนเองเป็นประธานการตรวจสอบ ภายในระยะเวลา 60 วัน ซึ่งจะตรวจสอบการกระทำว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคหรือไม่

“ยืนยันว่าจะไม่มีการส่งชื่อนั่งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ หรือขับออกจากพรรค เพราะไม่มีเหตุผลจำเป็น แต่จะใช้วิธีการลงโทษอย่างอื่น”  นายไพบูลย์กล่าว

 เมื่อถามว่า วิธีนี้จะเป็นการบีบ สส.ให้ลาออกเองหรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการบีบ แต่เป็นการดำเนินตามนโยบายของพรรค

นายไพบูลย์ยังกล่าวถึงกรณีการเชื่อมโยง พล.อ.ประวิตรทำนิติสงครามกับ น.ส.แพทองธารว่า เป็นข่าวโคมลอย ยืนยันว่าไม่มีแน่นอน ส่วนกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรค พปชร. ไปยื่นร้องให้ตรวจสอบนายภูมิธรรมนั้น นายเรืองไกรทำในนามส่วนตัว ไม่ใช่ในนามพรรค

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค พปชร. กล่าวว่า ขอแสดงความเห็นใจนายกฯ เพราะเพิ่งรับตำแหน่งก็มีหลายคนจองกฐิน ทั้งนี้ ประเทศไทยปกครองด้วยนิติรัฐ ต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก เพราะฉะนั้นการที่ผู้ใดกระทำการโดยไม่ยึดกฎหมาย บุคคลใดก็สามารถดำเนินการกับผู้กระทำผิดคนนั้นได้ ดังนั้น สิ่งที่นายกฯ หรือรัฐบาลควรทำคือเลี่ยงการกระทำที่ผิดกฎหมาย

มินิฮาร์ตพ่นพิษ

นายเรืองไกรกล่าวว่า ได้ส่งหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร ว่ามีพฤติการณ์ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 17 ข้อ 21 ประกอบข้อ 27 วรรคสอง หรือไม่ และต้องส่งศาลฎีกาพิพากษาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 วรรคหนึ่ง (1) หรือไม่ และจะถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไปตามมาตรา 235 วรรคสี่ หรือไม่

นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า กรณีเมื่อวันที่ 7 ก.ย. นายกฯ ใส่ชุดปกติขาวชูนิ้วทำมินิฮาร์ตทั้งสองมือ ขณะถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งชักชวนรัฐมนตรีในคณะทำตามด้วย ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างกว้างขวาง เพราะกรณีดังกล่าวทำให้นึกถึงกรณี ป.ป.ช. ตรวจสอบนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต สส. เรื่องการไปดูภาพยนตร์ “4 KINGS อาชีวะ ยุค 90” และเรื่องไปชูนิ้วมือสามนิ้ว ซึ่ง ป.ป.ช.มีมติว่าเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม ข้อ 17 ฉะนั้น นายกฯ ทำมินิฮาร์ต จึงควรตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐานแบบเดียวกัน

นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ คณะที่ปรึกษากฎหมาย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นำเอกสารหลักฐานเข้าพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีฟ้องร้องนายเจษฎ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย, นายบุญยอด สุขถิ่นไทย พิธีกร-อดีตผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ และ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ในข้อหาหมิ่นประมาท ร.อ.ธรรมนัส กรณีวิจารณ์ออกสื่อว่า ร.อ.ธรรมนัสทำตัวไม่เหมาะสม เสี่ยงแทรกแซงข้าราชการและฝ่ายบริหาร ภายหลังลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมที่ จ.ชัยนาท และพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.กษ., นายอัครา พรหมเผ่า รมช.กษ. และนายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.กษ. เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2567 เข้าข่ายผิดมาตรา 185 ที่ห้าม สส.และ สว.แทรกแซงการทำงานของฝ่ายบริหาร

 “การวิพากษ์วิจารณ์นั้นสามารถทำได้ แต่ถ้าหากติชมด้วยความเป็นธรรมด้วยความซื่อสัตย์สุจริตก็ไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่การที่มากล่าวหาว่า ร.อ.ธรรมนัสปฏิบัติเหมาะสมหรือไม่ ตรงนี้ถือว่าเป็นการหมิ่นประมาท” นายธนดลกล่าว และว่า ตามกฎหมายคดีหมิ่นประมาทเป็นความผิดส่วนบุคคล และเป็นความผิดที่สามารถยอมความได้ แต่จะแจ้งคดีอะไรเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ก็จะดูรายละเอียดรวมถึงหลักฐานว่ามีการตัดต่อให้เสื่อมเสียชื่อเสียงหรือไม่ ซึ่งจะพบว่ามีการตัดต่อก็จะเข้าความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

นพ.วรงค์กล่าวเรื่องนี้ว่า เรื่องไม่เป็นเรื่อง ไม่มีอะไรทำให้เป็นเรื่อง แค่ออกมาตักเตือนเขาด้วยความหวังดีว่าสิ่งที่เขาทำไม่เหมาะสม และเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 185 ซึ่งเขาก็ตอบโต้มาแรง ก็ได้ตอบโต้กลับ ซึ่งในทางการเมืองการตอบโต้กลับกันไปมาก็ถือเป็นเรื่องปกติ แต่การที่ ร.อ.ธรรมนัสส่งทนายฟ้องร้อง อยากถามกลับว่าทำเพื่ออะไร

"ผมงงมากที่ ร.อ.ธรรมนัสฟ้องผม ด้วยการส่งคนไปแจ้งความที่ สน.นางเลิ้ง ผมพยายามอ่านข้อมูลของสื่อว่าฟ้องผมประเด็นอะไร ที่ทำให้ ร.อ.ธรรมนัสเสียหาย ยิ่งอ่านก็ยิ่งงง เพราะสิ่งที่ผมเตือนว่าไม่เหมาะสม หรือส่อขัดรัฐธรรมนูญ ทำให้คุณเสียหาย มันเสียหายตรงไหน เพราะสาระดูไม่มีประเด็น ผมอยากถามว่า ร.อ.ธรรมนัสว่างมากหรือไม่มีงานทำ” นพ.วรงค์กล่าว

นพ.วรงค์กล่าวต่อว่า ความจริง ร.อ.ธรรมนัสต้องขอบคุณตนที่เตือน เพราะเกรงว่าจะมีคนไปร้อง แต่คุณอาจกินยาผิดหรือไม่ ที่สำคัญต้องเรียกร้องเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งทำสำนวน เพื่อที่จะได้รับการพิสูจน์ว่าการโพสต์เฟซบุ๊กเตือน ทำให้คุณเสียหายอย่างไร

หมอวรงค์จ่อฟ้องกลับ

"ผมแค่เตือนไม่มีความคิดเห็นจะยื่นถอดถอนเขา เรื่องขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 185 แต่อาจมีคนยื่นฟ้องก็ได้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความคิด แต่ล่าสุดได้พูดคุยกับฝ่ายกฎหมายว่า ต่อไปนี้ หากใครทำให้เราเสียหาย จะยื่นฟ้องร้องกลับ เราจะไม่ใจดีเหมือนเมื่อก่อน เพราะถือว่าทำบุญทำทาน แต่ตอนนี้คุณเล่นแรงจะฟ้องกลับทุกราย”

พล.ต.ท.ปิยะกล่าวถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัสที่ไปร่วมแถลงข่าวกับนางนฤมลว่า ต้องให้นายกฯ พิจารณาว่าการดำเนินการดังกล่าวผิดตามมาตรา 185 แห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่ ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัสยังเป็น สส.ของ พปชร.อยู่ คงมีการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และข้อบังคับพรรคต่อไป

“นายกฯ ต้องพิจารณา เพราะไม่ใช่หน้าที่ของ พปชร. นายกฯ เป็นผู้นำประเทศ ผู้บริหารรัฐบาลต้องทำตามกฎหมายโดยเคร่งครัด หากรัฐมนตรียอมให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดมาครอบครอง ครอบงำ หรือครอบครัว มันผิดกฎหมายชัดเจน ไม่ใช่แค่ในเรื่องที่นายเรืองไกรร้อง แต่มีคนอื่นอีกเป็นร้อยเป็นพันมาร้อง ถ้าทำผิดกฎหมายอยู่เรื่อยๆ  จะมีคนแจ้งความหรือดำเนินคดีต่อไปเรื่อยๆ”

นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า นพ.วรงค์มีสิทธิ์ในการวิพากษ์วิจารณ์ แต่หากถึงขั้นเอาผิดทางกฎหมายหรือไม่นั้น มองว่าไม่ต่างอะไรจากการบอกว่าผิดจริยธรรม ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้นมองว่าไม่ควรนำเรื่องนั้นมาทำแบบนี้ มาใช้กฎหมายตัดสิน

เมื่อถามย้ำว่า ในทางกฎหมายแสดงว่า ร.อ.ธรรมนัสสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้จนกว่ารัฐบาลแถลงนโยบายใช่หรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ไม่มั่นใจเรื่องข้อกฎหมาย ว่าการรักษาการจะสิ้นสุดลงในวันแถลงนโยบายหรือไม่ ส่วนการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีอำนาจ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งไม่ขอออกความเห็น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯอิ๊งค์ขายฝันประชานิยมปี 2568 แจกเงินหมื่น-ผ่อนบ้าน 4 พัน-ล้วงเงินหวยส่งเด็กเรียนนอก

'นายกฯอิ๊งค์' ร่ายยาวผลงานรัฐบาล 90 วัน เปิดอนาคตปี 68 ครอบคลุมทุกมิติ มาแน่ปีหน้าเงินหมื่นเฟส 2-3 จัดบ้านเพื่อคนไทยผ่อน 4 พันไม่ต้องดาวน์ ผุดไอเดียดึงงบกองสลากส่งเด็กไทยเรียนเมืองนอก คืนชีพ 1 อำเภอ 1 ทุน

เปิดสภาวันแรกเดือด!ฝ่ายค้านซัดจงใจหนีตอบกระทู้ทั้ง ครม.

สส.เพื่อไทยเดือด ปชน. ตั้งกระทู้ปลาหมอคางดำ หลอกด่านายกฯ เบี้ยวตอบกระทู้ตั้งแต่วันแรกของการประชุมสภาฯ ด้าน 'ปธ.วิปค้าน' ข้องใจเจตนาแถลงผลงานตรงวันเปิดประชุมสภา ฉุนจงใจเบี้ยวตอบกระทู้ทั้ง ครม.