ยื่นยุบพรรคร่วมทักษิณครอบงำ

โดนแล้ว! "อดีตพิราบขาว" ยื่น กกต.ยุบ เพื่อไทย-ภูมิใจ​ไทย​-รวมไทย​สร้าง​ชาติ​-ชาติไทยพัฒนา เข้าพบ "ทักษิณ" หารือจัดตั้งรัฐบาลที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ปล่อยให้คนนอกครอบงำ ทำตัวมีอิทธิพลเหนือพรรค พร้อมแนบคำร้องนิรนามที่ยื่นยุบพรรคเพื่อไทยด้วย ส่วนอีก 2 พรรค ประชาชาติ-พลังประชารัฐ ให้เจ้าพนักงานเสาะแสวงหาหลักฐานว่ามีการมอบหมายให้ใครไปแทนหรือไม่

เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2567 ที่​สำนักงาน​คณะกรรมการ​การ​เลือกตั้ง​ (กกต.) ​นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบชาว 2006 ยื่นหลักฐานต่อ กกต.ขอให้พิจารณายุบพรรคการเมือง 4 พรรค ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย, พรรคภูมิใจ​ไทย​, พรรครวมไทย​สร้าง​ชาติ​ และพรรคชาติไทยพัฒนา จากกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร ได้เรียกหัวหน้าพรรคการเมือง รวมถึงบุคคลสำคัญของพรรคเพื่อไทยเข้ามาพูดคุยที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2567 เป็นการกระทำฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 21,  28, 29 โดยขอให้ กกต.สั่งยุบพรรคการเมืองตามมาตรา 92

อีกทั้งขอให้พิจารณาเพิ่มเติมอีก 2 พรรค ประกอบด้วยพรรคประชาชาติ และพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากหัวหน้าพรรคไม่ได้เดินทางเข้าพบ แม้จะยังไม่มีหลักฐานเบื้องต้นว่าเข้าข่ายยุบพรรคการเมือง แต่ตามมาตรา 21 ระบุว่า ให้หัวหน้าพรรคการเมืองเป็นผู้แทนของพรรคในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอก หัวหน้าพรรคจะมอบหมายเป็นหนังสือให้เลขาธิการพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้ทำการแทนได้ หากหัวหน้าพรรคไม่ได้ไปพบปะบุคคลภายนอก จะต้องทำหนังสือให้เลขาธิการพรรคเป็นผู้เดินทางไป จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานในการเสาะแสวงหาหลักฐานหนังสือมอบอำนาจ

นายนพรุจเผยว่า การที่นายทักษิณเรียกแกนนำรักษาการรัฐบาลในช่วงที่นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่ง เข้ามาพูดคุยในการจัดตั้งรัฐบาล และผลักดันนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 แม้นายทักษิณจะเป็นบิดาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่อยู่ระหว่างไปศึกษาดูงานที่ประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 12-15 ส.ค. แต่การกระทำของนายทักษิณ เปรียบเสมือนเป็นการกระทำของพ่อกับลูก และการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายขัด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 28 ที่ระบุว่า พรรคการเมืองจะต้องไม่ยินยอมให้บุคคลภายนอกเข้ามาควบคุม ครอบงำ สั่งการ ทำให้พรรคการเมืองไม่สามารถดำเนินการไปด้วยความอิสระได้

และมาตรา 29 ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการใดอันเป็นการควบคุมครอบงำหรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมือง ในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองขาดความอิสระ ซึ่งนายทักษิณเป็นบุคคลภายนอก ไม่สามารถที่จะเข้าไปแทรกแซงหรือกระทำการใดๆ ได้ แต่นายทักษิณเข้ากระทำการเปรียบเสมือนเจ้าของพรรค หรือผู้มีอิทธิพลเหนือพรรค จึงมายื่นให้ กกต.พิจารณาตรวจสอบในเรื่องนี้

เขาบอกว่า ระยะเวลาดำเนินการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งรัฐบาลก็ดี จะต้องมาพบนายทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้าทุกครั้ง เมื่อครั้งที่นายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ยังมีการเข้าพบปะมาหาในเหตุการณ์ต่างๆ ต่อเนื่องมา บ่งบอกชัดว่าการกระทำของนายทักษิณ ส่อไปในทางครอบงำ สั่งการ ควบคุม ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ก็เข้าใจว่าเขาเป็นเจ้าของพรรค ซึ่งมีอิทธิพลเหนือพรรคการเมือง รวมทั้งการเป็นบิดาของ น.ส.แพทองธาร ย่อมมีอิทธิพลเหนือ น.ส.แพทองธาร ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย รวมถึงเป็นอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยมาก่อน

"ทุกครั้งที่มีการจัดตั้งรัฐบาล หรือมีการออกนโยบายต่างๆ ที่พรรคเพื่อไทยดำเนินการอยู่ นายทักษิณเป็นผู้แสดงความคิดเห็นก่อนพรรคเสมอ เสมือนเป็นมติก่อนที่พรรคจะลงมติ"

นายนพรุจกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้มีบุคคลขอสงวนนามมายื่นคำร้องขอให้ยุบพรรคเพื่อไทย กรณีนายทักษิณ เข้าครอบงำพรรค ชี้นำผู้บริหารทำให้ขาดความอิสระ ซึ่งตนได้แนบหลักฐานนี้มาด้วย จากการตรวจสอบข้อมูลมีความละเอียดครบถ้วนที่บ่งบอกว่านายทักษิณครอบงำพรรค

"การกระทำของนายทักษิณในขณะนั้น ซึ่งเป็นนักโทษการเมืองที่ได้รับการพักโทษเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งตามระเบียบของกรมคุมประพฤติเป็นข้อห้าม แม้แต่ผมซึ่งเคยเป็นนักโทษที่ได้รับการพักโทษมาเช่นเดียวกัน ผมได้อ่านระเบียบของกรมคุมประพฤติมาทั้งหมด นายทักษิณจะทำการฝ่าฝืนระเบียบ ซึ่งกรมคุมประพฤติจะต้องเป็นผู้ชี้แจงในประเด็นนี้" อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 กล่าว

วันเดียวกันนี้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความเตือน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า  อดีต รมว.เกษตรฯ ว่า "ผมละเหนื่อยใจกับรัฐบาลมาดามแพ ที่ยังไม่ทันเริ่มต้นทำงาน ก็ต้องมีการร้อง คุณอย่าไปโทษคนอื่นเลย คุณต้องโทษพวกคุณเอง ที่ไม่เคารพกฎหมายและรัฐธรรมนูญ

ไม่เพียงแต่ตำแหน่งนายกฯ ดู ร.อ.ธรรมนัส ที่ไปตรวจราชการสำนักชลประทาน จังหวัดชัยนาท รัฐธรรมนูญมาตรา 185 ห้าม สส.เข้าไปแทรกแซงการปฏิบัติราชการ  คุณทำแบบนี้ยิ่งกว่าแทรกแซง

ที่สำคัญ สิ่งที่พวกคุณทำในที่สาธารณะ มีข้าราชการมาต้อนรับ นอกจากขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 185 แล้ว คุณกำลังเป็นผู้ทำลายฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักของระบอบประชาธิปไตย มันสะท้อนว่ามีคนที่ใหญ่กว่ารัฐมนตรีในกระทรวงนี้ เพื่อให้หูตาสว่าง อ่านรัฐธรรมนูญมาตรา 185 ด้วยครับ

มาตรา 185 รัฐธรรมนูญ 2560 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา ต้องไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภากระทำการใดๆ อันมีลักษณะที่เป็นการก้าวก่าย หรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม"

ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เรื่องนี้ตนรู้ข้อกฎหมายดี เพราะรัฐมนตรีใหม่จะปฏิบัติหน้าที่ได้ ต่อเมื่อนายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ซึ่งนางนฤมล, นายอัครา และนายอิทธิ น่าจะเป็นผู้ติดตามตนมากกว่า นพ.วรงค์เข้าใจอะไรผิดหรือไม่ ซึ่งทั้ง 3 คนยังไม่สามารถสั่งการอะไรได้

 “สงครามน้ำเขากำลังเข้าตีเมืองจะแตกอยู่แล้ว ไยจะต้องไปสนใจเรื่องบ้าๆ บอๆ คำนินทาอะไร ไม่เช่นนั้นเมืองแตกแน่ เป็นเรื่องใหญ่ที่น้ำจ่อจะท่วมเมืองโบราณ จ.พระนครศรีอยุธยา คนบางบาลและคนพระนครศรีอยุธยากำลังเดือดร้อนอยู่ เราจำเป็นต้องโดดเข้าไปช่วย เราไม่สนใจเรื่องอื่น เรื่องนี้ผมไม่จำเป็นต้องชี้แจงอะไร อย่าไปให้ความสนใจกับพวกสวะสังคม ผมไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว ผมดุกว่าเดิมบอกเลย หนักมาสวนไป พร้อมท้ารบ ผมพร้อม ใครสวนมา ผมสวนกลับ" ร.อ.ธรรมนัสกล่าว

ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีกลุ่มเครือข่ายต้านระบอบทักษิณเริ่มออกมาเคลื่อนไหว และจะมีการรวมตัวเดินทางไปทำเนียบรัฐบาลวันที่ 17 ก.ย.นี้ จะทำให้ความวุ่นวายจุดติดหรือไม่ว่า ตนคิดว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็น แต่ขอให้อยู่ในกรอบ และขอให้ใช้ข้อมูลต่างๆ โดยไม่ใช้วาทกรรมสาดใส่กัน หากเป็นข้อเท็จจริง อะไรผิดก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์แก้ไขปรับปรุง แต่ต้องเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงอย่าไปคาดเดา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง