สภาฯผ่านฉลุยงบปี68 ภท.เดือด!โต้สส.ปชน.

ที่รัฐสภา วันที่ 5 ก.ย. เวลา 09.40 น. การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์  มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม   เริ่มพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 วงเงิน 3.75  ล้านล้านบาท ในวาระ 2 เป็นวันสุดท้าย โดยเริ่มต้นที่การพิจารณามาตรา 25 จำนวน 5.34 หมื่นล้านบาท ภาพรวมสมาชิกอภิปรายถึงปัญหาการให้บริการของโรงพยาบาลที่มีแพทย์และพยาบาลไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล ปัญหาการบรรจุบุคลากรภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม ระหว่างการอภิปราย นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ประท้วงนายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) เนื่องจากนายประเสริฐพงษ์อภิปรายพาดพิง โดยระบุว่า ตนถูกอภิปรายในลักษณะเสียดสีใส่ร้ายว่า 4 ปีที่ผ่านมาไม่ได้ทำอะไรเลย อยากให้ถอนคำพูด ซึ่งนายประเสริฐพงษ์โต้กลับว่า นายสฤษฏ์พงษ์ยังไม่ได้ฟังสิ่งที่ตนอภิปรายแล้วมาบอกว่าตนกล่าวหาใส่ร้าย แบบนี้เท่ากับใส่ร้าย ทางที่ดีไปฟังก่อน หากฟังคนรอบข้างแล้วมากล่าวหาตน มิตรภาพจะเสียกันไปเปล่าๆ ยืนยันคำพูดตนไม่ได้ทำใครเสียหาย และไม่ขอถอน ขอให้ไปฟังเทปก่อน อย่าฟังคนรอบข้างโดยไม่ฟังด้วยหูของตนเอง

นายวันมูหะมัดนอร์พยายามไกล่เกลี่ยว่า ขอให้นายสฤษฏ์พงษ์ยกคำพูดที่พาดพิงเสียหาย เพราะขณะนี้การอภิปรายข้ามมาหลายตอน อาจจะลืมเลือนไป เอาเฉพาะคำพูดที่เสียหายและให้ผู้อภิปรายได้ถอน ซึ่งนายสฤษฏ์พงษ์กล่าวว่า ผู้แทนกระบี่ 3 คน 4 ปีไม่ทำอะไรเลย คนกล่าวใช้เวทีสภาหาเสียงหลายโอกาส และพาดพิงถึงหมอ มี สส. 2 คนที่นั่งอยู่ในห้อง แต่ไม่อยากขัดจังหวะ ซึ่งพาดพิงให้เกิดความเสียหาย อย่างไรก็ตาม นายประเสริฐพงษ์ยืนยันว่าไม่ได้พูดเช่นนั้น

ต่อมาประธานสภาฯ วินิจฉัยว่า เพื่อความประนีประนอม ขอให้บันทึกคำประท้วงของนายสฤษฏ์พงษ์ไว้ ขอแค่นี้ เพราะอยู่ในสภานี้ แต่ทั้งคู่ก็ยังประท้วง นายวันมูหะมัดนอร์จึงตัดบทว่า เมื่อบันทึกและให้แก้ข้อกล่าวหาแล้วขอให้จบ โดยผลการลงมติที่ประชุม เห็นชอบกับการแก้ไขของ กมธ. และผ่านการพิจารณามาตราดังกล่าว

ต่อมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นำ สส.ของพรรคกว่า 50 คน อาทิ นายสฤษฏ์พงษ์ และคนอื่นๆ ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีที่นายประเสริฐพงษ์อภิปรายพาดพิงถึง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย และนายอนุทิน

ภท.ฉะเดือด 'ปชน.' พาดพิง

นายสฤษฏ์พงษ์กล่าวว่า การใช้เวทีห้องประชุมกล่าวพาดพิงถึงพรรคภูมิใจไทย ซึ่งข้อความที่กล่าวนั้นผิดข้อบังคับหมวดจริยธรรม ในการกล่าวหา ใส่ร้าย เสียดสี ซึ่งไม่เป็นความจริง อีกทั้งยังกล่าวหาว่าได้มีการเขียนหนังสือส่งถึงหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แต่หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยไม่ทำ และ สส.กระบี่พรรคภูมิใจไทยอีก 3 คน ก็ไม่มีผลงานอะไรในพื้นที่ นายประเสริฐพงษ์พยายามเขียนจดหมายน้อยถึงรัฐมนตรี คือการแทรกแซงตามรัฐธรรมนูญชัดเจน ทำให้มองว่าการทำงานเช่นนี้ ควรต้องรู้บทบาทตัวเองด้วย ซึ่งเมื่อทุกคนได้เห็น ก็มีการส่งข้อความมาให้ตน แม้ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม เนื่องจากติดประชุมคณะอนุกรรมาธิการฯ ก็มีคนอื่นแจ้ง

 “สส.ที่ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรเลย สร้างแต่วาทกรรม สร้างแต่ความเกลียดชัง สร้างแต่ศัตรู การฉวยโอกาสในเวทีงบประมาณครั้งนี้ ผมขออนุญาตประธานสภาฯ จะขอถอดเทปและตรวจชวเลข เพื่อนำหลักฐานร้องจริยธรรมนายประเสริฐพงษ์ เพราะเขาหลงละเลิง เหลิงอำนาจ คิดว่ามีบทบาท ใส่ร้ายเพื่อนสมาชิกจังหวัดกระบี่และจังหวัดใกล้เคียง" นายสฤษฏ์พงษ์กล่าว

ด้านนายอนุทินกล่าวว่า เมื่อตนได้ดูคลิปการอภิปรายของนายประเสริฐพงษ์แล้ว มีการพาดพิงถึงตนว่าได้มีการส่งเอกสาร และพบตนหลายครั้งในสภา ตนขอยืนยันว่าไม่เคยพบกันแม้แต่ครั้งเดียว ไม่รู้จักกัน ต้องระมัดระวังคำพูดหน่อย การพูดต่อหน้าสภาซึ่งประชาชนทั้งประเทศรับฟังนั้น ความเป็น สส.และความเป็นคนที่ต้องมีจริยธรรม ควรจะต้องเอาความจริงมาพูด ตนรู้จัก สส.พรรคประชาชนมากมาย มีความเป็นพี่เป็นน้องกัน แต่สำหรับนายประเสริฐพงษ์   ตนไม่เคยรู้จัก ไม่เคยพบ ไม่เคยคุยด้วย ยืนยันว่าไม่ได้เป็นความจริง ในส่วนที่นายประเสริฐพงษ์ ระบุว่าได้นำเอกสารอะไรมาให้ตน

ขณะที่ในการประชุมสภาได้เข้าสู่มาตรา 26  กระทรวงอุตสาหกรรม วงเงิน 3,147,733,200บาท โดยนายณัฐพล โตวิจักษณ์ชัยกุล สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน อภิปรายตั้งข้อสังเกตขอตัดงบประมาณโครงการซอฟต์พาวเวอร์ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จำนวน 6 โครงการ  วงเงิน 762,386,000 บาท

หลังจากอภิปรายกันครบถ้วนแล้วที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 26

จากนั้น เข้าสู่การพิจารณามาตรา 27 งบประมาณรายจ่ายส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง และหน่วยงานภายใต้การควบคุมดูแลของนายกรัฐมนตรี วงเงิน 4.36 หมื่นล้านบาท น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์  สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายปรับลดงบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในส่วนค่าใช้จ่ายการฝึกยุทธวิธีตำรวจ หลักสูตรฝึกยุทธวิธียังมารวมอยู่กับแมวบ้าน หรือ Local CAT มีงบฝึกถึง 298 ล้านบาท แค่ค่าเครื่องแบบ ใช้ 119 ล้านบาท หรือ 50% แล้ว งบที่สูงและเบิกทุกปีเช่นนี้เสี่ยงต่อการทุจริตได้ จึงเสนอปรับลดทั้งหมดประมาณ 298,309,200 บาท

นายจุลพันธ์ชี้แจงว่า โครงการ Local Cat รวมถึงงบประมาณในส่วนราชการในพระองค์ เกี่ยวกับโครงการถวายความปลอดภัยพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่มีความจำเป็น เราต้องดูแลอย่างรอบคอบและรัดกุม เป็นภารกิจที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นส่วนหนึ่ง ยืนยันความจำเป็นของเม็ดเงินที่ตั้งงบ ไม่มีการปรับลด

หลังการอภิปรายเสร็จสิ้นแล้ว ที่ประชุมลงมติเห็นควรให้มีการแก้ไขตาม กมธ.เสียงข้างมาก

มาตรา 28 มีการแก้ไขมีกรรมาธิการสงวนความเห็น มีผู้แปรญัติขอสงวนคำแปรญัตติ มติที่ประชุมเห็นด้วยกับคณะกรรมาธิการ

มาตรา 29 งบประมาณรัฐวิสาหกิจ นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณ 2568 ที่สงวนความเห็น ได้ อภิปรายแสดงเหตุผลที่เสนอตัดงบประมาณรายจ่ายของรัฐวิสาหกิจลง 10% คิดเป็นประมาณ 3.4 พันล้านบาทว่า แม้รัฐวิสาหกิจบางแห่งจะสามารถอยู่ได้ด้วยตนเอง เป็นสถาบันการเงิน แต่รัฐบาลมีภาระผูกพันต้องชดเชยรายได้ที่รัฐวิสาหกิจเสียไปเป็นเงินต้นและดอกเบี้ย แต่รัฐบาลกลับไม่ทำ และยังตัดลดรายการที่จะต้องให้รัฐวิสาหกิจ 5 แห่ง เป็นเงินประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท เพื่อโยกไปเป็นงบกลางสำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายวีระยกตัวอย่าง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ที่กำหนดไว้ว่า อัตราส่วนระหว่างยอดค้างชำระที่สถาบันการเงินออกให้ก่อน อยู่ที่ 32% ปัจจุบันกรอบดังกล่าว เพดานในการชดใช้เงินจะอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท สถานะของยอดคงค้างปัจจุบันอยู่ที่ 1.004 ล้านล้านบาท หมายความว่าไม่ทะลุเพดาน แต่จำนวนค่อนข้างเยอะ ซึ่งการดำเนินการขณะนี้ ในงบประมาณรายจ่ายรัฐวิสาหกิจ ถ้าหากเราจะบริหารจัดการแบบนี้ อนาคตอาจเป็นปัญหาได้ เพราะส่วนหนึ่งอยู่ในรายการบริหารจัดการหนี้ของรัฐบาล 4.1 แสนล้านบาท มาแฝงไว้ในงบรายจ่ายรัฐวิสาหกิจที่จะต้องจ่ายคืน ทำให้เราไม่รู้สถานะหนี้สินและภาระค้างจ่ายของรัฐบาลอย่างแท้จริง

เวลา 16.13 น. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง ชี้แจงว่า การปรับเปลี่ยนงบประมาณในครั้งนี้ ส่วนงบประมาณของธนาคารในกำกับของรัฐมาเป็นงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นข้อตกลงร่วมกัน จึงยืนยันว่าไม่กระทบต่อความมั่นคงหรือเสถียรภาพของสถาบันการเงิน

 จากนั้นเข้าสู่การลงมติที่ประชุม มาตรา 29 เห็นควรให้มีการแก้ไขหรือไม่ โดยจากจำนวนผู้ลงมติ 434 เสียง เห็นด้วย 432 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 เสียง งดออกเสียง 0 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 2 เสียง ดังนั้นจึงเห็นควรให้มีการแก้ไข และเห็นด้วยกับการแก้ไขของคณะกรรมาธิการเสียงข้างมาก

จากนั้นเวลา 16.50 น. มาตรา 30 รัฐสภา วงเงิน 4 พันล้านบาท นายกรุณพล เทียนสุวรรณ  สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ค่าอาหาร สส.ปีงบประมาณ 2566  และ 2567 ตั้งไว้ที่ปีละ 72 ล้านบาท แต่เบิกจ่ายจริงไม่ถึงปี 66 ใช้แค่ 40 ล้านบาท และปี 67 ใช้ไป 31 ล้านบาท ใช้ไม่หมด มีงบส่งคืนคลังทุกปี ล่าสุดปีงบประมาณ 2568 ขอมา 72 ล้านบาทเหมือนเดิม ค่าอาหารรับรองการประชุมคณะกรรมาธิการ ตกปีละ 39 ล้านบาท ที่ผ่านมาประชาชนก่นด่าเรื่องอาหาร สส.เต็มที่ ถึงเวลาควรวางแผนเรื่องอาหาร สส.ใหม่

นายทรงยศ รามสูต กมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า กมธ.ได้ทำข้อสังเกตแจ้งถึงวิธีลดค่าใช้จ่ายงบอาหาร สส.ว่า ควรเปลี่ยนเป็นวิธีใช้บัตรเติมเงิน มีวงเงินให้ สส.ใช้วันละ 350 บาท นำไปซื้ออาหาร ถ้าใช้ไม่หมดก็ต้องจะคืนสภาในวันนั้น จะแก้ปัญหาลดค่าอาหาร สส.ได้

หลังจาก สส.อภิปรายครบถ้วนแล้ว ที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตราดังกล่าว

เข้าสู่มาตรา 31 ศาล น.ส.รักชนก ศรีนอก  สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายโครงการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการอำนวยความยุติธรรมของศาลรัฐธรรมนูญ ปี 68 จำนวน 1 ล้านบาท แต่เมื่อดูในแฟนเพจเฟซบุ๊กของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กลับไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ ทำให้ประชาชนเข้าไปแสดงความเห็นไม่ได้

หลังอภิปรายมาตรา 31 มีการแก้ไข มีกรรมาธิการขอสงวนความเห็น มีผู้แปรญัติขอสงวนคำแปรญัติ มติที่ประชุมเห็นด้วยกับกรรมาธิการ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง