เอกชนขานรับรบ.ใหม่ ผวานักร้องปรับดิจิทัล

กกร.ยินดีตั้ง ครม.ใหม่รวดเร็ว จ่อยื่นสมุดปกขาวให้นายกฯ อิ๊งค์ สรุปแนวทางเดินหน้าเศรษฐกิจ ห่วงน้ำท่วมสูญ 6-8 พันล้าน จี้รัฐบาลเร่งกระตุ้นแจกเงินหมื่นเข้าระบบ "จุลพันธ์" แย้มดิจิทัลวอลเล็ต 1 เล็งใช้โครงสร้างใหม่ ผวานักร้องเยอะ ปรับให้รัฐบาลแพทองธารปลอดภัยมากขึ้น

เมื่อวันที่ 4 กันยายน นายผยง ศรีวณิช  ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า กกร.มีความยินดีที่รัฐบาลสามารถจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้ ซึ่งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ได้มีโอกาสเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอแนวทางในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว มีโรงงานปิดตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 7 เดือนแรกกว่า 757 แห่ง มีหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง เศรษฐกิจนอกระบบมีขนาดใหญ่ ที่ประชุม กกร.จึงได้เร่งจัดทำสมุดปกขาว นำเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอต่อรัฐบาลเพื่อพิจารณาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.นี้

 “เชื่อว่ารัฐบาลแม้มีหลายพรรค แต่มีความเป็นเอกภาพ โดยเอกชนมีมุมมองเชิงบวกกับขั้นตอนการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่รวดเร็วในขั้นแรก และการเปิดรับให้เอกชนเข้าพบปะหารือร่วมกัน ทำให้บรรยากาศมีความเชื่อมั่นมากขึ้น สะท้อนผ่านตลาดเงินตลาดทุนที่ดูดีออกมา โดยภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันต้องเร่งให้เกิดการส่งผ่านเม็ดเงินเข้าไปสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง จะเกิดความกระชุ่มกระชวยกลับไปที่ฐานราก สร้างบรรยากาศและอารมณ์ทางเศรษฐกิจที่ดีอย่างรวดเร็ว” นายผยงระบุ

ทั้งนี้ กกร.มีความกังวลต่อสถานการณ์น้ำและอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางตอนบน   โดยคาดว่ามูลค่าความเสียหายสำหรับช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. จะอยู่ที่ประมาณ 6,000-8,000  ล้านบาท หรือ 0.03-0.04% ของจีดีพี ซึ่งภาคเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่วนในระยะถัดไปต้องติดตามพายุที่อาจจะเข้าได้ช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้ ถือเป็นความเสี่ยงต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติม ดังนั้น จึงมีมติให้จัดตั้งคณะทำงานย่อยจัดทำข้อเสนอด้านการบริหารจัดการน้ำเพื่อเสนอต่อภาครัฐ โดยเน้นการวางแผนระยะยาวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมซ้ำรอยเหมือนปี 2554 อย่างไรก็ตาม ยังคงคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยอยู่ที่ 2.2-2.7%

ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรื่องที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนหลังจากจัดตั้งรัฐบาลแล้วคือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนคนไทยก่อน และเรื่องอื่นๆ จะตามมา ขณะที่ด้านนโยบายจะต้องผลักดันคือเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทนี้แจกจ่ายให้ได้ก่อน เพราะมองว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน รวมถึงการดูแลค่าครองชีพและการจัดการปัญหาเรื่องน้ำก็สำคัญ  ขณะเดียวกันจะต้องมีการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณของปี 2567 ให้ครบถ้วน และต่อเนื่องในปี 68 จะต้องอยู่ในกำหนดเวลา

"ตอนนี้ในตลาดไม่มีเงินหมุนเวียนเลย ถ้ามีเงินอัดฉีดเข้าไปจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้อย่างมาก ขณะที่การกำหนดเงื่อนไขของการแจกเงิน 1 หมื่นบาทนั้น เราเคยให้ข้อเสนอไปแล้ว คือต้องการให้แจกกลุ่มที่เปราะบางก่อน ซึ่งกลุ่มผู้พิการก็จะรวมอยู่ในนี้ หากยังมีเงินเหลือและต้องการจะแจกให้ครบถ้วนในกลุ่มอื่นๆ นั้นก็ต้องรอรัฐบาลแถลง" นายสนั่นระบุ

นายทวี ปิยะพัฒนา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า หากให้เทียบ ครม.ชุดปัจจุบันกับชุดที่แล้ว ชุดนี้น่าจะใสกว่า นอกจากนี้ การที่ ส.อ.ท.ได้เข้าพบกับนายกฯ ได้มีการนำเสนอในหลายเรื่อง เช่นเรื่องของค่าไฟฟ้า ซึ่งภาครัฐได้สนองตอบ โดยค่าไฟฟ้าที่ภาคอุตสาหกรรมที่จะต้องจ่ายราว 3-4 หมื่นล้านบาท ได้รับการจ่ายคืนแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ช่วยให้เอกชนมีกระแสเงินสดและการทำธุรกิจคล่องตัวมากยิ่งขึ้น

วันเดียวกัน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตว่า สามารถยืนยันได้ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนว่าจะเดินหน้าโครงการดิจิทัล 10,000 บาท แต่รูปแบบอาจจะมีการปรับเปลี่ยน โดยหลังแถลงนโยบายแล้วทราบชัดเจน อย่างไรก็ตามเงินที่ได้มีการเตรียมไว้ ไม่ว่าจะเป็นงบกลางปี 67 จำนวน 1.22 แสนล้าน และงบปี 68 ที่กำลังพิจารณาอยู่ จะนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจและเติมเงินให้กับประชาชนได้อย่างแน่นอน

เมื่อถามว่า การจ่ายเงินสดจะเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ เพราะอาจจะไม่กระจายลงฐานรากอย่างแท้จริง นายจุลพันธ์กล่าวว่า มีหลายมุมมอง เพราะลักษณะการดำเนินนโยบายสาธารณะมีมุมมองที่แตกต่าง และในวันที่เราจะทำในรูปแบบดิจิทัล 100% มีข้อท้วงติงบอกว่าให้ไปดูกลุ่มเปราะบาง และทางวุฒิสภา (สว.) เห็นร้องห่มร้องไห้ให้แจกเป็นเงินสด ซึ่งต้องยอมรับว่าได้ยินมาจริงๆ จากตัวแทนของประชาชน ซึ่งรับฟัง และตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐามาจนถึงรัฐบาลแพทองธาร เชื่อว่าเป็นรัฐบาลที่รับฟังเสียงสะท้อนของประชาชน รวมถึงฝ่ายค้านและภาคราชการ

"สิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนประเด็นแรก กลไกการเดินหน้ารัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยเต็มไปด้วยนักร้อง เมื่อมีการลองเข้ามาแล้วก็มีการสะดุดติดขัด ไม่ใช่แต่เพียงรัฐบาลเท่านั้น แต่กระทบไปถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในเรื่องของเศรษฐกิจปากท้อง ซึ่งเมื่อมีเรื่องร้องเข้ามาและคาอยู่เป็นปี ทำให้กระทบกับความเชื่อมั่นต่อการบริโภค การลงทุน การเดินหน้าชีวิตให้สะดุดติดขัดขัดไป วันนี้มองว่าอะไรที่เป็นเรื่องสุ่มเสี่ยง รัฐบาลแพทองธารต้องปรับให้มีความปลอดภัยมากขึ้น"  รมช.การคลังระบุ

ส่วนประเด็นที่สอง มีข้อสังเกตและข้อห่วงใยจากหน่วยงานของรัฐ และจากประชาชนฝ่ายค้าน ในเรื่องของการปรับเปลี่ยนรูปแบบบางจุดเพื่อให้เกิดประโยชน์โดยเร็ว กระตุ้นเศรษฐกิจในการเป็นเม็ดเงินให้กับประชาชน ซึ่งเราก็รับฟังมา และยอมรับว่าการปรับเปลี่ยนเป็นเงินสดมีความเป็นไปได้ในบางส่วน แต่สุดท้ายจะเป็นอย่างไรต้องให้มีการพิจารณาร่วมกันในพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งได้รับหนังสือจากพรรคภูมิใจไทยแล้ว จะต้องนำทั้งหมดมารวมกัน คลุกรวมกัน เพื่อให้เป็นแนวนโยบายแห่งรัฐที่ทุกคนยอมรับกันได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประชาชนที่ลงทะเบียนไปแล้วจะทำอย่างไร นายจุลพันธ์กล่าวว่า ยังเดินหน้าต่อ ไม่ได้หมายความว่าไม่มีโครงการที่เป็นในลักษณะของดิจิทัลวอลเล็ต เราต้องมาดูรายละเอียดกัน แต่เรื่องการทำโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตยังมีอีกหนึ่งวัตถุประสงค์ที่ทราบกันมาตลอด  คือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศไทย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เราไม่อาจละเลยได้ ยังอยู่ในวัตถุประสงค์อยู่ แต่รูปแบบจะเป็นอย่างไรเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในระดับที่น่าพึงพอใจในระดับที่ยอมรับได้ เรื่องนั้นต่างหากที่เป็นคำตอบ

สำหรับการปรับเปลี่ยนรูปแบบจะมีผลต่อแรงส่งต่อพายุหมุนที่ตั้งไว้ นายจุลพันธ์กล่าวว่า แน่นอนการปรับเปลี่ยนอะไรก็ตามมีทั้งในแง่บวกและแง่ลบในตัวของมันเอง เราต้องหาจุดสมดุลที่มีความเหมาะสมที่สุดเพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้ และบรรลุวัตถุประสงค์ ทำอย่างไรให้ได้ทุกอย่างในระดับที่ยอมรับได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง