"นายกฯ อิ๊งค์" ลงนามนำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย "สลค." กำชับสัปดาห์นี้ให้ว่าที่ รมต.ใหม่สแตนด์บาย จ่อถก ครม.นัดพิเศษ 10 ก.ย. ก่อนแถลงนโยบายรัฐสภา 16 ก.ย. ลุยต่อดิจิทัลวอลเล็ต "ชาดา" ถอนชื่อเอง ส่ง "ซาบีดา" ลูกสาวนั่ง มท.3 แทน "อนุทิน" ปัดไม่เกี่ยวข้อกฎหมาย ทำเพื่อความสบายใจทุกฝ่าย "ภูมิธรรม" ลั่นพิสูจน์ตัวเองมา 50 ปี หลังเจอกระแสต้านนั่ง รมว.กห. "ธรรมนัส" อ้างมือมองไม่เห็นส่งชื่อน้อง แถ "นฤมล" ส่งชื่อตัวเองในนามกล้าธรรม ย้ำไม่เกี่ยวข้อง พปชร.แล้ว
เมื่อวันที่ 3 กันยายน เวลา 09.35 น. ที่อาคารชินวัตร 3 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ลงนามเพื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย คิดว่าวันนี้จะเริ่มให้ นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ส่งรายชื่อเข้าไปเป็นไปตามกระบวนการ ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์
เมื่อถามว่า วันนี้จะสามารถลงนามรายชื่อ ครม.ทั้งหมดเพื่อเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายได้เลยหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “ค่ะ ใช่ค่ะ วางแผนไว้เป็นเช่นนั้น” เมื่อถามย้ำว่า ส่วนจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายต้องมีการประสานกันอีกครั้งหนึ่งใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ใช่ค่ะ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยึดหลักการอะไรในการฟอร์ม ครม.ครั้งนี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คิดว่าอยากเห็นอะไรมากกว่า จากผลงานคนที่เลือกมาจะได้ทำต่อ รวมไปถึงคนที่คงไว้คงเดิมเห็นถึงศักยภาพอยู่แล้วว่าใครพร้อมจะทำงาน หลังจากอยู่ในพรรคมากกว่า 3 ปี เห็นว่าแต่ละคนใครประมาณไหนอย่างไร
“จริงๆ แล้วอยากชนะเหมือนที่คุณพ่อชนะ 377 เราจะได้ให้ทุกคนมีทุกตำแหน่ง แต่มันก็ได้แค่ปริมาณหนึ่ง ก็ช่วยกัน ของพรรคอื่นก็มีด้วยก็ได้ให้ทุกคนได้แสดงความสามารถด้วย” น.ส.แพทองธาร ระบุ
เมื่อถามว่า อยากบอกอะไรให้ประชาชนนั้นมั่นใจในตัวนายกฯ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีคนนี้มีทีมที่ดีมากๆ
น.ส.แพทองธารยังกล่าวถึงกรณีกำชับ สส.ในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยให้เหยียบคันเร่งการทำงานว่า ปกติการประชุม สส.เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ที่จะคุยเรื่องของงานสภา ส่วนที่ให้เร่งผลงานมีอะไรเป็นพิเศษนั้น ในนโยบายมีให้เห็นชัดอยู่แล้ว แต่ที่เน้นกับ สส.คือเน้นเรื่องพื้นที่มากกว่า เพราะนโยบายกรอบใหญ่คลุมไว้หมดแล้ว แต่จะมีปัญหาเล็กๆ ของชาวบ้าน ที่คิดว่าเอามาแก้ได้ มาเร่งในกระบวนการ อยากให้ทำ ใส่ใจในรายละเอียด ซึ่ง สส.ทำอยู่แล้ว แต่ย้ำเตือนว่าทำให้เต็มที่จะได้แก้ปัญหากันไป เพราะการพูดคุยกันในทีม ได้วางไทม์ไลน์ว่าเมื่อแถลงนโยบายเสร็จแล้วเข้าไปจะทำอะไรก่อนหลังบ้าง
สำหรับรัฐบาลชุดนี้จะไม่มีเวลาฮันนีมูนและต้องทำงานทันทีใช่หรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า "ไม่ได้แล้วค่ะ เพราะจริงๆ เข้ามาต่อจากนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ งานดำเนินอยู่แล้วก็ทำต่อ"
เมื่อถามถึงนโยบายกัญชาของพรรคร่วมรัฐบาล น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวรอแถลงนโยบายทีเดียว รอไฟล์นอลออกมา เราต้องคุยกับพรรคร่วมอยู่แล้วในสิ่งที่เราจะแถลง ส่วนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่ประชาชนคาดหวัง ยังเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลแน่นอน ในคอนเซ็ปต์ยังมีอยู่ แต่จะมีการปรับรูปแบบ ตอนแรกจะเป็นดิจิทัลวอลเล็ต เราวางแผนที่จะจ่ายเป็นเงินสดด้วยอะไรด้วย ต้องลองดูว่าอะไรที่จะแก้ในรายละเอียด
ส่วนที่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในเฟสแรกจะเป็นเงินสด สำหรับเฟสที่สอง จะปรับรูปแบบเหมือนกับเฟสแรกหรือไม่ และอาจจะมีการแบ่งจ่ายตามงบประมาณนั้น นายกฯ กล่าวว่า ใช่ อย่างนั้นเลย แต่ขอให้รายละเอียดชัดเจนก่อน เพราะกลัวพูดไปแล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียด เดี๋ยวจะโดนหาว่าพูดไม่ตรง เราต้องทำการบ้านกันก่อน
ไทม์ไลน์รัฐบาลอิ๊งค์
นายกฯ ได้โพสต์ข้อความผ่าน X ภายหลังรับโทรศัพท์แสดงความยินดีจากนายลอเรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีและรมว.คลังสาธารณรัฐสิงคโปร์ ในโอกาสรับตำแหน่งนายกฯ โดย น.ส.แพทองธาร ขอบคุณนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์และรัฐบาลสิงคโปร์สำหรับไมตรีจิตและมิตรภาพ ยืนยันความตั้งใจที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสิงคโปร์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเดินทางเยือนซึ่งกันและกันในปี 2568 เพื่อสานความสัมพันธ์และแนะนำตัวในโอกาสเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 60 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย-สิงคโปร์
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวการจัดตั้งรัฐบาล น.ส.แพทองธาร โดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้ง ว่าที่รัฐมนตรีใหม่ให้สัปดาห์นี้สแตนบายด์อยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งหลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว นายกฯ จะเรียกประชุม ครม. นัดพิเศษ ในวันที่ 10 ก.ย. เพื่อหารือเตรียมการแถลงนโยบายของ ครม.ต่อรัฐสภา ในวันจันทร์ที่ 16 ก.ย. จากนั้นวันอังคารที่ 17 ก.ย. นายกฯนำ ครม.ชุดใหม่ ประชุมอย่างเป็นทางการนัดแรก ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยการประชุมดังกล่าวจะมีเรื่องการผลักดันนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตให้ทันการใช้งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 122,000 ล้านบาท ที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.นี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการแถลงนโยบายของ ครม. ต่อรัฐสภาในวันที่ 16 ก.ย.นั้น น.ส.แพทองธาร จะนำแถลง เนื้อหาประมาณ 55 - 60 หน้า โดยยังมีนโยบายหลักเร่งด่วน 5 - 6 ประเด็น ที่จะปรับปรุงมาจากนโยบายในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เช่น นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เป็นต้น
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทูลเกล้าฯ รายชื่อ ครม. ชุดใหม่ ว่า ตามที่นายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า มีความพร้อมแล้ว คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้
เมื่อถามถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ตามที่เคยระบุไม่เกินวันที่ 15 ก.ย.นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากขั้นตอนทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดการ หรือล่าช้าได้ไม่เกิน 3 วัน ทั้งนี้เนื้อหาภายในคำแถลงนโยบายฯ นั้น ไม่ได้แตกต่างจากคำแถลงนโยบายในสมัยนายเศรษฐา เนื่องจากเป็นรัฐบาลที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำอยู่แล้ว ซึ่งนโยบายสำคัญที่รัฐบาลเคยหาเสียงไว้จะผลักดันตามนั้น แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียด เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ แต่โดยรวมเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ
อ้วนโต้ต้านนั่งรมว.กห.
นายภูมิธรรม กล่าวถึงกรณีมีชื่อเป็นรมว.กลาโหม ซึ่งมีการปลุกกระแสไม่เอาคนเดือน ต.ค. ว่า ต้องบอกไว้ก่อนว่าไม่มีอะไรแน่นอนว่าตนจะดำรงตำแหน่งอะไร เพราะอยู่ที่นายกฯ พิจารณา แต่หากสมมติว่าตนเป็นรมว.กลาโหม การที่พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และอีกหลายคนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ตนเข้าใจเจตนาว่ารักสถาบันที่เคยอยู่ ซึ่งอยากให้คลายกังวล เรื่องที่ตนเข้าไปอยู่ในป่า ในเหตุการณ์ที่เกิดความรุนแรงที่สังคมประจักษ์ทั่วโลก เพราะหนีภัยความรุนแรง และไม่ใช่มีตนเพียงคนเดียว แต่มีนักศึกษาทุกสถาบัน ซึ่งผู้นำเหล่าทัพนั้นมีความคิดเห็นว่าวิธีแบบนี้ไม่แก้ปัญหา น่าจะเปิดหนทางให้ทุกคนกลับมา เพราะเชื่อว่าทุกคนมีใจที่บริสุทธิ์ ทุกคนก็กลับมา ซึ่งตนเองตั้งแต่เหตุการณ์นั้นเป็นต้นมาไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องอะไรเลย ได้พิสูจน์ตนเองมาตลอด 50 ปี
"สิ่งที่ผมทำวันนี้เอาเรื่องประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ผมเชื่อว่าผมมีลักษณะไม่ได้ไปขัดแย้งกับใครและเชื่อในเจตนารมณ์ของทุกฝ่าย โดยเฉพาะกองทัพว่าหากเราปรารถนาดี กับสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนเราไม่มีอะไรที่ขัดแย้งกัน ถ้าผมได้อยู่กระทรวงกลาโหม จะทำให้กองทัพเป็นกองทัพ อยู่กับพี่น้องประชาชนได้ ช่วยเหลือประชาชนในยามทุกข์ยาก ผมขอให้รอดูก่อนว่าเป็นอย่างไร และความเป็นผมสามารถพูดคุยกับทหารได้ทุกเหล่าทัพได้” นายภูมิธรรม ระบุ
เมื่อถามว่า รายชื่อ ครม. ขณะนี้ ถือว่าเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า นิ่งหมดแล้ว เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่จบขั้นตอน นายกฯ จะจิ้มสลับใครไปไหนอย่างไร หลังจากนั้นจะมีการประสานตามกระบวนการว่าจะขึ้นทูลเกล้าฯ และอยู่ในพระราชอำนาจว่าพระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ มาเมื่อไหร่ ทุกอย่างจะเร็ว ถ้าโปรดเกล้าฯ ลงมาก็รอถวายสัตย์ปฏิญาณ เมื่อถวายสัตย์ปฏิญาณเรียบร้อยแล้ว คิดว่าประชุม ครม. นัดแรก ได้เลย
โดยนัดแรกการประชุม ครม. ใหม่ ต้องพูดคุยถึงนโยบายที่จะแถลงต่อสภา เมื่อแถลงต่อสภาเสร็จภายใน 3 วัน ทุกอย่างก็จบ ซึ่งยังอยู่ในช่วง 15 วัน บวกลบ 3 วัน เราต้องการให้เร็วที่สุด เพื่อให้การแก้ไขปัญหาดำเนินการได้เต็มที่ จะเป็นการแต่งตั้งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ส่วน นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ จะกลับมาใหม่หรือไม่อยู่ที่นายกฯจะตัดสินใจเลือก
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ วันที่ 4 ก.ย. นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องไปถาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพราะตนเป็นนายกฯรักษาการ
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้กระเซ้าขอดูลายมือนายภูมิธรรม ซึ่งนายภูมิธรรมยื่นให้ดู ก่อนที่ผู้สื่อข่าวจะกระเซ้าหลังดูลายมืออีกว่า ถ้าไปกระทรวงกลาโหมสงสัยจะได้อยู่ยาวแน่ นายภูมิธรรม จึงกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า อยู่ยาวอะไร ยังไม่ทันเข้าไปเลย ก็มีคนประท้วงแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อเวลา 10.00 น. นายภูมิธรรม ทำหน้าที่ประธานการประชุม ครม. โดยมีรัฐมนตรีลาประชุม 6 คน ซึ่งหนึ่งในนั้น มี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งลาประชุม ครม.เป็นสัปดาห์ที่ 2 แล้ว
กฤษฏีกาเช็ก10ประเด็น
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า ได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติว่าที่รัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว โดย สลค. ได้ส่งเรื่องมายังคณะกรรมการกฤษฎีกา และมีการตั้งประเด็นคำถาม เกี่ยวกับลักษณะผู้ที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดีของพนักงานอัยการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และอยู่ระหว่างการเตรียมคำฟ้อง จะมีการวินิจฉัยอย่างไร และขัดหรือไม่ขัด ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีการให้ความเห็นตามประเด็นที่ถามมาประมาณ 10 กว่าประเด็นในภาพรวม แต่ไม่ได้มีการตรวจสอบเป็นรายบุคคล เนื่องจากไม่ได้เห็นรายชื่อเป็นรายบุคคล และไม่ทราบว่ามีทั้งหมดกี่ราย
"กฤษฎีกาดูเพียงประเด็นที่สอบถามมาเท่านั้น ไม่ได้ลงไปในรายละเอียด หากจะลงรายละเอียดจะต้องดูข้อเท็จจริงเยอะ ทั้งนี้ กรณีที่มีการร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช. แล้ว และอยู่ระหว่างการไต่สวน ยังไม่ได้มีการชี้มูล เราก็ไปตัดสินว่าเขาผิดไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุไว้ขนาดนั้น ถือเป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการถูกกล่าวหา จึงสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีการพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่ามีการกระทำความผิด อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกฤษฎีกาได้แนะนำกลับไปว่าจะต้องมีการดูรายละเอียดเป็นกรณีไป" นายปกรณ์ ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากตรวจสอบเป็นประเด็น แต่ไม่ได้ตรวจสอบรายบุคคล จะทำให้เกิดปัญหาในอนาคตหรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า คณะกรรมการกฤษฎีกามีหน้าที่เพียงให้ความเห็นประกอบการดุลพินิจของนายกฯ ส่วนอำนาจในการตัดสินวินิจฉัยเป็นของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ การถูกร้องไปที่ ป.ป.ช.แล้วจะเหมารวมว่ามีมลทินก็ไม่แฟร์กับผู้ที่ถูกร้อง เพราะบางเรื่องป.ป.ช.ไม่ได้มีการชี้มูล จึงต้องดูรายละเอียดเป็นกรณีไป ซึ่งกระบวนการร้องเรียนในประเทศไทยทำได้ง่าย ร้องเรียนได้ตลอดเวลา ไม่ต้องห่วงจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของศาลจึงจะเป็นข้อยุติ เมื่อถามย้ำว่า จะไม่มีปัญหาเหมือนกรณีของนายพิชิต ชื่นบาน ใช่หรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของศาล ซึ่งการบริหารราชการแผ่นดิน ยึดความซื่อสัตย์สุจริตในส่วนของเรา คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าเราสุจริตจริงไม่มีปัญหา
นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ปฏิเสธตอบกรณีรายชื่อคณะรัฐมนตรีใหม่เรียบร้อยแล้วหรือไม่ โดยระบุเพียงว่า ทำดีที่สุด ทำดีที่สุด ไม่สามารถตอบได้ เพราะอยู่ในกระบวนการรักษาความลับ ฉะนั้น ตนขอไม่ให้ข่าวในฐานะผู้เซ็น จึงยังบอกไม่ได้
ส่วนที่มีข่าวว่ารายชื่อ 11 รัฐมนตรี มีคดีอยู่ในศาลและ ป.ป.ช.นั้น เลขาธิการ ครม. กล่าวว่า ประเด็นมาจากไหน ไม่ทราบ ยังงงอยู่เหมือนกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า สลค. ตีกลับรายชื่อของ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ของรัฐบาลแพทองธาร 1 นั้น นายชาดา ยอมรับว่า ได้ถอดรายชื่อออกเอง โดยจะส่ง นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ บุตรสาว มาสานงานต่อ ต่อมาเวลา 14.00 น. น.ส.ซาบีดา ได้เดินทางมายื่นเอกสารประวัติและคุณสมบัติ สลค. เรียบร้อยแล้ว
จากนั้นเวลา 16.20 น. นางณัฐฎ์จารี พร้อมด้วยรองเลขาธิการ ครม. ได้ถือซองเอกสารสีน้ำตาล ซึ่งคาดว่าเป็นรายชื่อ ครม.ชุดใหม่ ที่ตรวจสอบคุณสมบัติเรียบร้อยแล้ว ออกจากทำเนียบรัฐบาล เดินทางไปยังตึก SC ASSET Public Company Limited ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ (ตึกชินวัตร 3) เพื่อไปมอบให้ น.ส.แพทองธาร ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ชาดาส่งลูกสาวแทน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีนายชาดาถอนตัว และให้ น.ส.ซาบีดา มาดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทยแทนนั้น รู้มาก่อนล่วงหน้าหรือไม่ โดยนายอนุทินหัวเราะในลําคอ ร้องอื้ม ก่อนกล่าวว่า ก็ให้มันลงตัว ให้เกิดการทำงานที่ไหลลื่นที่สุด โดยเราตกลงร่วมกัน
เมื่อถามว่า เกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เปลี่ยนเพื่อให้เกิดความสบายใจกับทุกฝ่าย เพราะวันนี้เราให้ความสำคัญกับคําว่าจริยธรรม เราจึงพยายามไม่ให้มีปัญหาอะไรเลย ให้มันแห้งไปเลย ไม่ต้องมาถามอะไรกันอีก
เมื่อถามย้ำว่า เปลี่ยนเองหรือเพราะเลขาธิการนายกฯ ทักท้วงมานั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นการตกลงร่วมกัน ขอพูดอย่างนี้ดีกว่า
“ต้องขอบคุณนายชาดาอย่างมาก ที่ระบุว่า อย่าให้ติดอยู่กับท่าน หัวหน้าจะเอาใครก็ได้ ผมก็บอกไม่ได้ อันนี้มันตำแหน่งของหลา (นายชาดา) เพราะฉะนั้นหลาบอกมา“ นายอนุทิน ระบุ
ส่วนพรรค ภท.ส่งรายชื่อรัฐมนตรีไปกี่รายชื่อนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เพิ่งส่งชื่อใหม่ไปอีก 1 ชื่อ เมื่อเช้านี้ (3 ก.ย.) สำหรับชื่อลูกสาวนายชาดาไม่มีแล้ว ใสๆ ประกอบธุรกิจมา จบการศึกษาปริญญาโทจากประเทศอังกฤษ ซึ่งได้พบกันแล้ว โดยนายชาดาพามาพบ แล้วตนสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง โหงวเฮ้งดี ซึ่งดูการศึกษา และความเป็นลูกของนักการเมืองคุณภาพ
ผู้สื่อข่าวถามว่า สลค. แจ้งเรื่องนายชาดา มาล่วงหน้าก่อนกี่วัน นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างจบเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ตอนเย็น ยืนยันว่าไม่ติดเรื่องข้อกฎหมายเลย แต่เป็นเรื่องการให้ความร่วมมือที่ดี ให้ทุกอย่างเดินหน้าได้
อย่างไรก็ตาม นายชาดายังเป็น ส.ส. ซึ่งต้องมาช่วยงานสภา เพราะฉะนั้น อาจเป็นจุดแข็งด้วยซ้ำ เพราะมีบทบาททำหน้าที่เป็นกรรมาธิการในคณะที่สำคัญต่างๆ
เมื่อถามว่า มองอย่างไร น.ส.แพทองธาร ยังไม่เริ่มทำงานแต่มีการร้องเรียนจำนวนมาก มีอะไรที่ต้องระวังหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้เป็นยุคแห่งการร้องเรียน เราต้องระมัดระวังให้มากที่สุด ร้องเท่าไหร่ ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรที่ผิดพลาด และมีเจตนารมณ์ที่บริสุทธิ์ไม่มีอะไรต้องกลัว ตนมั่นใจในความเป็นหัวหน้ารัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ซึ่งต้องดำเนินการทุกอย่างภายใต้กฎระเบียบและรัฐธรรมนูญ เชื่อว่านายกฯ มีทีมงานที่ดีอยู่แล้ว ส่วนที่วิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ยาวนั้น ตอนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกว่าอยู่แปปเดียว แต่ท่านอยู่จนครบวาระ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับวัตรปฏิบัติความเข้าใจและความร่วมมือกัน
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีการนำนโยบายของพรรคภูมิใจไทยเพื่อเสนอให้พรรคเพื่อไทยบรรจุเป็นนโยบายรัฐบาลว่า พรรคภูมิใจไทยมีนโยบายเดิม โชคดีเราทำงานต่อเนื่อง งานจึงไม่สะดุด ส่วนนโยบายเรื่องการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมกัญชา เป็นไปตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ได้เคาะไว้ในช่วงปลายรัฐบาลว่าให้ออกเป็น พ.ร.บ.
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเป็นรัฐบาลด้วย กังวลว่าการผลักดันร่างพ.ร.บ.กัญชาจะถูกหักเหมือนในรัฐบาลครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เสียงคงไม่พอมั้ง ทีมนี้ของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นทีมใหม่ ตนเชื่อมั่นในสปิริตของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีความสนิทสนมและมีความเข้าใจพี่น้องประชาชน ไม่เล่นการเมืองมาก
แถไม่ได้ส่ง3ชื่อรมต.
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึง 3 รายชื่อรัฐมนตรีในโควตาว่า ไม่ใช่ว่าเป็นโควตา ยืนยันว่าเป็นสิทธิ์ของนายกรัฐมนตรีว่าจะเลือกใคร ซึ่งตนไม่ได้ส่ง ส่วนที่มีชื่อนายอัครา พรหมเผ่า น้องชายของตนนั้น อาจจะมีมือที่มองไม่เห็นส่งไปก็ได้
เมื่อถามว่า ชื่อของนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ใครเป็นผู้ส่งไป ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เขาส่งตัวเขาเองในนามพรรคกล้าธรรม รวมถึงนายอิทธิ ศิริลัทธยากร ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ไม่ต้องฝากงานกระทรวงเกษตรฯ นางนฤมล เป็นอดีตรัฐมนตรี เขารู้หน้าที่
ส่วนเสียดายหรือไม่ที่ไม่ได้นั่งตำแหน่งอะไรเลยนั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า "ดูหน้าผมก็รู้ ผมน่าจะมีความสุขมากกว่า ได้พักบ้าง เหนื่อยมานาน"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ร.อ.ธรรมนัส พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า "ผมเป็นฝ่ายค้านที่ไหนล่ะ ยืนยันว่าเราเป็นพรรครัฐบาล ซึ่งผมและนายอรรถกร ศิริลัทธยากร ก็กลับไปทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ในสภาก็สนับสนุนรัฐบาล เรามีความชัดเจน" ขณะที่ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้เข้าไปข้องเกี่ยวในเรื่องการบริหาร ยืนยันว่าไม่ได้ยุ่ง
เมื่อซักว่า ที่นั่งในสภา จะให้ใช้ว่าเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า "ไม่มั่นใจ ต้องถามนายอรรถกร" ในส่วนของการโหวตร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ปี 2568 ยืนยันว่าเราสนับสนุนรัฐบาล
เมื่อถามว่า ทุกวันนี้ได้มีการพูดหรือเคลียร์กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แล้วหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่มีอะไร ตนไม่ได้ทะเลาะกับใคร แต่ส่วนใครจะคิดอะไรก็แล้วแต่เขา อะไรก็ตามในการเมืองถ้าไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด เราคาดหวัง เราก็ถอยออกมาดีๆ ไม่ได้หาเรื่องใคร
เมื่อถามย้่ำว่า ยังเคารพรัก พล.อ.ประวิตร อยู่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เราออกมาแล้วก็อย่าไปคิดอะไรมาก ออกมาแล้วก็คือออกมา
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการเสนอนโยบายต่อรัฐบาลใหม่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดที่มีการพูดคุยกันตอนหาเสียง คือการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งจะไม่แตะต้องหมวดหนึ่ง หมวดสอง ไม่ไปเกี่ยวข้องกับการแก้ไขกฎหมายกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นประเด็นที่พรรคชาติไทยพัฒนาให้ความสำคัญ และเป็นปัจจัยในการเข้าร่วมรัฐบาล.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตั้งกก.สอบผกก.บางซื่อ ทนายปาเกียวเล็งทิ้งตั้ม
“ดีเอสไอ” เตรียมสรุปสำนวนคดี 18 บอสดิไอคอนเสนออัยการคดีพิเศษภายใน 20 ธ.ค.นี้
นิกรหักเพื่อไทย เตือนส่อผิดกม. ให้กมธ.ตีความ
“นิกร” หักข้อเสนอ “ชูศักดิ์” เลยช่วงเวลาแปลงร่างประชามติเป็นกฎหมายการเงินแล้ว
‘สนธิ’ลั่นการเมืองใกล้สุกงอม!
“อุ๊งอิ๊ง” เมินปม กกต.สอบครอบงำต่อ เด็ก พท.ยันเป็นการดำเนินการตามปกติ
จ่อส่งคดีหมอบุญให้DSI
ตร.สอบปากคำอดีตภรรยา-ลูกสาว “หมอบุญ” เพิ่มเติม
ทักษิณรอดคลุมปี๊บ! ส้มเหลวปักธงอุดรธานี ‘คนคอน’ตบหน้า‘ปชป.’
เลือกตั้ง อบจ. 3 จังหวัด “เพชรบุรี-อุดรธานี-นครศรีธรรมราช” ราบรื่น
‘ยิ่งลักษณ์’ กลับคุก ‘บิ๊กเสื้อแดง’ รู้มา! ว่าไปตามราชทัณฑ์ไม่ใช้สิทธิพิเศษ
“เลขาฯ แสวง” ยันเดินหน้าคดี “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครองต่อ เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับกับศาล รธน. "จตุพร" ลั่นยังไม่จบ! ต้องดูสถานการณ์เป็นตอนๆ ไป