‘ไหม’จองกฐิน สับงบ‘ดิจิทัล’ ปชช.ยี้กาสิโน

“สรวงศ์” มั่นใจถกงบประมาณปี 2568 ผ่านฉลุย เชื่อเสียงหนุนไม่ต่ำกว่า 300 “ธนกร” มาแต่ไก่โห่ บอก 36 เสียง รทสช.พร้อมโหวตเชียร์ ดักคอฝ่ายค้านอภิปรายอย่าเน้นวาทกรรม “ไหม” ประกาศจองกฐินดิจิทัลวอลเล็ต โพลการเมืองประจำเดือน ส.ค.ภาพรวมยังไม่เกินครึ่ง

เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2567 นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วาระ 2-3 วันที่ 3-5 ก.ย.นี้ว่า จริงๆ คนที่แปรญัตติไว้เขามีข้อมูลอยู่แล้ว ต้องรอดูว่าฝ่ายค้านจะมีอะไรมาบ้าง แต่โดยภาพรวมคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร

เมื่อถามว่า เบื้องต้นแต่ละฝ่ายได้เวลาเท่าไหร่บ้าง นายสรวงศ์กล่าวว่า เท่าที่คุยไว้ 3 วันเท่าเดิม แต่อาจมีปัญหาในเรื่องของประธานในที่ประชุม เพราะเหลือเพียง 2 คน คือนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 2 ฉะนั้นจึงต้องดูว่าใครจะควงกี่ชั่วโมง แต่คาดว่าน่าจะจบภายในเวลา 3 วัน และวันสุดท้ายก็น่าจะโหวตได้ในช่วงบ่ายหรือช่วงเย็น

เมื่อถามว่า ตอนนี้หมดห่วงเรื่องเสียงโหวตผ่านร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้แล้วหรือยัง เพราะได้เสียงของ สส.พรรคประชาธิปัตย์และ สส.ในก๊วนของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า  รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่มีแนวโน้มน่าจะอยู่ฝั่งรัฐบาล นายสรวงศ์กล่าวว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร

นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.รายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า สส.ของพรรค รทสช.ทั้ง 36 คนพร้อมเข้าร่วมพิจารณางบประมาณอย่างเต็มที่ทั้ง 3 วัน และ สส.ของพรรคทุกคนพร้อมยกมือเห็นชอบสนับสนุนให้รัฐบาลได้ใช้จ่ายงบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ โดยเฉพาะการเร่งแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ความยากจน ปัญหาหนี้สิน รวมถึงปัญหายาเสพติดและอื่นๆ

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยดึงพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาร่วมตั้งรัฐบาล และถอดพรรคพลังประชารัฐออก จะทำให้สมการการเมืองตัวเลขเสียงโหวตในสภาเปลี่ยนไปหรือไม่ นายธนกรระบุว่า เมื่อนับเสียงจากแต่ละพรรคการเมืองที่ประกาศตัวเข้าร่วมรัฐบาลแล้ว คาดว่าเสียงน่าจะไม่น้อยไปจากเดิม คือไม่ต่ำกว่า 300 เสียง มั่นใจว่าสมการการเมืองเสียงสนับสนุนรัฐบาลยังคงเหนียวแน่นไม่เปลี่ยน

 “ขอฝากฝ่ายค้านร่วมกันพิจารณาอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณให้เกิดความรอบคอบรัดกุม ใช้เวทีสภาอย่างสร้างสรรค์ แม้มีเวลา 3 วันก็ควรใช้อย่างคุ้มค่า ขอทุกฝ่ายไม่เล่นเกมการเมือง หรือสร้างวาทกรรมให้เกิดความขัดแย้งกันอีก เพราะปัญหาปากท้องความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนมีจำนวนมาก รอไม่ได้ ขอทุกฝ่ายมองส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว หรือมองแค่พรรคของตัวเอง" นายธนกรกล่าว

ด้าน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวว่า มีการเตรียมบุคคลที่จะอภิปรายไว้ตามข้อมูลที่ได้รับในชั้นกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการ และเนื่องจากข้อมูลที่ได้จากการทำงานใน กมธ.มีหลากหลายประเด็น ก็คงต้องสรุปจับประเด็น แล้วนำมารายงานให้ประชาชนได้รับทราบถึงวิธีการจัดงบประมาณที่มีปัญหาของรัฐบาล

 “เราคงเน้นไปที่เรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่ต้องใช้งบประมาณปี 2568 อีกกว่า 3 แสนล้านบาท แต่จนแล้วจนรอดรัฐบาลก็ยังไม่สามารถหางบประมาณมาเพียงพอที่จะใช้กับดิจิทัลวอลเล็ต ทั้งโครงการที่เคยตั้งงบประมาณไว้ 4.5 แสนล้านบาท สำหรับงบปี 2568 หามาได้แค่ประมาณ 1.8 แสนล้านบาทเศษ เท่ากับว่าจะครอบคลุมที่จะแจกไม่ว่าจะเป็นเงินสดหรือเงินดิจิทัลได้เพียงแค่ 18 ล้านคน และรัฐบาลก็ยังคงมืดแปดด้านที่จะหางบประมาณมาให้ครบ ฉะนั้นชะตากรรมของคนที่เหลือที่เคยลงทะเบียนเอาไว้และไม่ได้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ยังอยู่ในภาวะวิกฤตที่ยังไม่แน่ใจว่าจะได้เงินดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่" น.ส.ศิริกัญญากล่าว

วันเดียวกัน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่องดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนสิงหาคม 2567 จากกลุ่มตัวอย่าง 2,249 คน โดยภาพรวมคะแนนเต็ม 10 ได้ 4.46 คะแนน ลดลงจากเดือน ก.ค. 2567 ที่ได้ 4.59 คะแนน ส่วนนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ประชาชนคิดว่ามีบทบาทโดดเด่นในเดือน ส.ค.นั้น นักการเมืองฝ่ายรัฐบาล ได้แก่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร 49.73% นายเศรษฐา ทวีสิน 28.52% และนายอนุทิน ชาญวีรกูล 21.75% ส่วนนักการเมืองฝ่ายค้านคือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 44.77% นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ 32.35% และ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล 22.88%

สำหรับผลงานของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ประชาชนชื่นชอบในเดือน ส.ค.นั้น ผลงานฝ่ายรัฐบาล ได้แก่ เงินดิจิทัล 10,000 บาท แจกกลุ่มเปราะบาง 41.44% มาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ประชาชน 32.88% และช่วยเหลือเกษตรกรประสบภัย  บรรเทาภาระหนี้สิน 25.68% ส่วนผลงานฝ่ายค้านคือ ตรวจสอบรัฐบาล เปิดเผยข้อมูลข้อเท็จจริง 51.29%  ติดตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 27.74% และช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม 20.97%.