โดนแล้ว! อัยการปราบทุจริตฯ ยื่นฟ้อง "สมยศ" กับพวก 8 คน ร่วมช่วยเหลือกลับคำสั่งคดี "บอส" ขับรถชน ตร. แต่ได้ประกันตัวทั้งหมด นัดสอบคำให้การ 10 ก.ย. ขณะที่อดีต ผบ.ตร.ยอมรับกังวลใจ "ชัยณรงค์" ซัดรัฐบาลประยุทธ์ไม่ให้ความเป็นธรรม แต่ยอมรับเข้าไปช่วยให้คําปรึกษาคดีบอสจริง เนื่องจากเป็นเพื่อนของหลานสาว ยันไม่ได้รับค่าตอบแทนแม้สลึงเดียว ได้เพียงนํ้าใจเท่านั้น
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 สิงหาคม 2567 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง ถนนเรียบรางรถไฟ นายสุเวช จอมพงค์ อัยการพิเศษ ฝ่ายสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 นำสำนวนที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด กับพวก รวม 8 คน มายื่นฟ้องต่อศาลในคดีเปลี่ยนเเปลงความเร็วจนเป็นเหตุกลับคำสั่งไม่ฟ้อง คดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ที่ขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2555
โดยในวันนี้จำเลยทยอยเดินทางมาศาลพร้อมทนายความ พล.ต.อ.สมยศเปิดเผยว่า วันนี้ตัวเองได้มอบหมายให้ทนายความดำเนินการตามขั้นตอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจในพยานหลักฐานที่นำมาก่อนหน้านี้ไหม พล.ต.อ.สมยศเปิดเผยว่า พยายามทำดีที่สุดแล้ว ยอมรับว่ากังวลและไม่สบายใจ สำหรับทุกคนที่มีเรื่องต้องต่อสู้ในชั้นศาลเพื่อพิสูจน์ความจริงในการต่อสู้คดี เพราะ ทุกคนหากเมื่อถูกดำเนินคดี ก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีความกังวล แต่ทุกอย่างก็จะต้องพิสูจน์ในชั้นศาล ซึ่งเรื่องทั้งหมดกำลังจะเข้าสู่กระบวนการชั้นศาล ตนไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์หรือคอมเมนต์ใดๆ เนื่องจากเป็นการก้าวก่ายและเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ส่วนหลักฐานที่ต่อสู้กันมาในชั้นสอบสวนตนไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด
ด้านนายสุเวช จอมพงค์ อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 กล่าวว่า ในวันนี้นำสำนวนที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง พล.ต.อ.สมยศกับพวกรวม 8 คนมายื่นฟ้องต่อศาล โดยข้อหาหลักที่ฟ้องคือความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 โดยวันนี้ไม่ได้มีการคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เพราะทุกคนก็มีที่อยู่เป็นหลักเเหล่ง ขอให้เป็นดุลพินิจของศาล ซึ่งทราบว่าจำเลยน่าจะมาครบ ซึ่งทางสำนักงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นผู้รับผิดชอบสำนวน
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ถูกดำเนินคดีในข้อหาที่แตกต่างกัน โดยแบ่งเป็นประเด็น ส่วนแรกคือการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถ อีกส่วนคือการดำเนินคดีกับอดีตรองอัยการสูงสุดในเรื่องการสั่งคดี และผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเป็นพยานของคดีนี้ ซึ่งคดีดังกล่าว ป.ป.ช.มีมติส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด หากอัยการสูงสุดเห็นด้วยและมีคำสั่งฟ้องอัยการสูงสุดก็จะเป็นโจทก์ฟ้องเอง
สำหรับกระบวนการในวันนี้ อัยการจะตรวจสำนวนทั้งหมดว่าจำเลยมาครบทั้งหมดหรือไม่ ถ้ามาครบทุกคนอัยการก็จะยื่นฟ้องทันที แต่หากมาไม่ครบ ก็ต้องแยกสำนวนในการฟ้องภายหลัง เมื่อฟ้องแล้วศาลจะนัดสอบคำให้การของผู้ต้องหา หลังจากนั้นจะนัดตรวจพยานหลักฐานเพื่อนัดวันสืบพยานและกำหนดตัวพยาน ซึ่งตอนนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการฟ้อง จะต้องมีการไต่สวนพยานของแต่ละฝ่าย ซึ่งในขั้นตอนนี้ศาลสามารถเรียกสอบพยานและหลักฐานมาไต่สวนเพิ่มเติมได้ เนื่องจากศาลอาญาคดีทุจริตฯ เป็นระบบไต่สวน
ในส่วนที่ ป.ป.ช.ยื่นสำนวนมา เเละมีการทำข้อไม่สมบูรณ์เป็นกระบวนการ เพราะทางอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริตฯ เรามองว่ามีข้อไม่สมบูรณ์ ก็ส่งให้อัยการสูงสุดซึ่งเป็นผู้มีอำนาจเป็นผู้พิจารณา เเม้อัยการปราบปรามการทุจริตฯ จะทำข้อไม่สมบูรณ์ไป ก็เป็นอำนาจของอัยการสูงสุด โดยคำฟ้องในวันนี้มี 19 หน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อผู้ต้องหาทั้ง 8 ในวันนี้ ประกอบด้วย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง, พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข, พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี, นายเนตร นาคสุข, นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม, นายธนิต บัวเขียว, นายชูชัย หรือพิชัย เลิศพงศ์อดิศร, รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม
ภายหลังยื่นฟ้องต่อศาลแล้ว นายสุเวชให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ศาลประทับฟ้องไว้แล้ว และศาลได้ดำเนินการทำประวัติจำเลยทั้งหมด โดยยังไม่มีการสอบปากคำจำเลย ซึ่งศาลนัดสอบปากคำจำเลยอีกครั้งวันที่ 10 ก.ย.นี้ เวลา 09.30 น. หลังจากนั้นก็จะทราบว่าศาลกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐานวันไหน ซึ่งอัยการได้เตรียมบัญชีพยานไว้เยอะพอสมควร แต่ศาลจะให้ไต่สวนพยานฝ่ายโจทก์และจำเลยกี่ปาก ใช้ระยะเวลานานเพียงใดก่อนนัดพิพากษา ก็เป็นดุลยพินิจของศาล
ส่วนการประกันตัวนั้น ในวันนี้จำเลยทั้ง 8 คนยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัว แต่เป็นหลักทรัพย์จำนวนเท่าใดนั้นตนไม่ทราบ และจะได้ประกันตัวหรือไม่ เป็นดุลยพินิจของศาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า อัยการมั่นใจในพยานหลักฐานที่ยื่นฟ้องมากเพียงใด นายสุเวชตอบว่า ก็ยืนยันได้ตามพยานหลักฐานที่ ป.ป.ช.ส่งมาให้ และอัยการสูงสุดตรวจแล้วว่าพยานหลักฐานสมบูรณ์เพียงพอแล้ว ส่วนศาลท่านจะมองอย่างไรก็เป็นดุลยพินิจที่จะต้องมาพิจารณากัน ซึ่งในการตรวจพยานหลักฐาน หากมีพยานหลักฐานติดขัด หรือมีอะไรขาดตกบกพร่อง ศาลก็จะประสานมายังอัยการได้ตามที่กฎหมายเปิดช่องไว้
เมื่อถามว่า หากคดีนี้ศาลพิพากษายกฟ้องจะดำเนินการอย่างไร นายสุเวชกล่าวว่า เป็นอำนาจของอัยการสูงสุดที่จะพิจารณาว่า ที่ศาลยกฟ้องชอบด้วยเหตุผลหรือไม่ และมีประเด็นใดที่ขาดตกบกพร่อง จะต้องให้ศาลวินิจฉัยอีก โดยเป็นดุลยพินิจของอัยการสูงสุดว่าจะต้องอุทธรณ์คดีหรือไม่
ด้านนายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม อดีตอัยการอาวุโส หนึ่งในจำเลย เปิดเผยว่า วันนี้รู้สึกดีใจและเสียใจ ซึ่งเรื่องนี้เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายวิชา มหาคุณ ตรวจสอบมหากาพย์คดี “บอส อยู่วิทยา” ซึ่งวันนี้ 29 สิงหาคม 2567 รวมระยะเวลา 49 เดือน หรือ 4 ปี 1 เดือนพอดี ยอมรับตนรู้สึกอึดอัดใจและเสียใจมาก เพราะตนไม่ใช่ผู้กระทําความผิด แต่ถูกคณะกรรมการชุดต่างๆ ทั้ง ป.ป.ช. อัยการสูงสุด ที่ไม่ให้ความเป็นธรรมและกีดกั้นเพื่อพิสูจน์ความจริง จนมาวันนี้รู้สึกดีใจ เพราะศาลยุติธรรมจะเป็นที่พึ่งสุดท้าย โดยตนจะนําพยานหลักฐานทั้งหมดที่ได้จากการฟ้องอดีตประธาน ก.อ.ในคดีหมิ่นประมาทฯ ซึ่งตอนนี้ตนได้รวบรวมพยานหลักฐานจนพบว่ามีการตัดต่อเทปจาก 1 ใน 8 ผู้ต้องหา ทําให้ ป.ป.ช. อัยการ และอัยการสูงสุด นําหลักฐานดังกล่าวมาเอาผิดตน ซึ่งตนได้มีการแจ้งความเอาผิดใน 7 คดี มีผู้ต้องหาหลายหน่วยงานเป็นทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้งอดีตและปัจจุบัน รวมทั้งยื่นฟ้องนายตํารวจที่ตัดต่อเทปไว้ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้แล้ว อยู่ระหว่างไต่สวนมูลฟ้อง
อย่างไรก็ตาม นายชัยณรงค์ยอมรับว่าตนได้เข้าไปช่วยให้คําปรึกษาคดี “บอส อยู่วิทยา” เนื่องจากเป็นเพื่อนของหลานสาว โดนยืนยันว่าตนไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้นแม้แต่สลึงเดียว ได้เพียงนํ้าใจเท่านั้น “ขาหนึ่งเป็นอัยการ อีกขาเป็นเพื่อนมนุษย์ เมื่อเพื่อนเดือดร้อนตนจะเข้าไปช่วยไม่ได้เลยหรืออย่างไร ก่อนจะช่วยตนได้ศึกษาข้อกฎหมายมาอย่างดี อีกทั้งตนเป็นอัยการมานานกว่า 30 ปี การเข้ามาช่วยให้คําปรึกษาสามารถทําได้ เพราะตนไม่มีอํานาจในการพิจารณาคดีของบอส”
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมในจริยธรรมของข้าราชการในกระบวนการยุติธรรมนั้น นายชัยณรงค์กล่าวด้วยนํ้าเสียงจริงจังว่า "สังคมจอมปลอม" พร้อมยกตัวอย่างเรื่องของตัวเองว่าเหตุใดจึงไม่มีใครให้ความเป็นธรรมในเรื่องที่ถูกปลอมแปลงเทป ซึ่งตนเตรียมที่จะเปิดเทปตัวเต็มในวันที่ 23 กันยายนนี้ หลังศาลไต่สวนมูลฟ้องคดีนายตํารวจตัดต่อเทปครั้งที่ 4 เสร็จ ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้
พล.ต.อ.สมยศกล่าวสั้นๆ ก่อนเดินทางกลับว่า หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของทนายความ คดีอยู่ในอำนาจศาลเเล้วก็ต้องให้เกียรติศาล ก็เชื่อว่าจะได้รับความยุติธรรม
โดยภายหลังศาลพิจารณาคําฟ้องของพนักงานอัยการที่ได้ยื่นพยานหลักฐานเอกสารต่างๆ จํานวน 9 ลัง 30 แฟ้ม มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีดังกล่าว และนัดสอบคําให้การในวันที่ 10 กันยายน 2567 เวลา 09.30 น. ขณะที่ผู้ต้องหา 8 คนได้ยื่นขอประกันตัวในชั้นศาล โดยใช้หลักทรัพย์ 200,000 บาท ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นได้รับอนุญาตจากศาล.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เร่งเบิกงบลงทุน ขีดเส้นให้ได้80% กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายกฯ อิ๊งค์นั่งหัวโต๊ะประชุมหัวหน้าส่วนราชการ บี้เร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุน 9.6 แสนล้าน
‘เวชระเบียน’หลอนทักษิณ โยนรพ.ตำรวจมอบให้ปปช.
นายกฯ พยักหน้ารับปม "ป.ป.ช." ทวงถามเวชระเบียนรักษาตัว
เพิ่มข้อหาแชร์ลูกโซ่18บอส จ่อหมายจับ‘ตั้ม’โกงเจ๊อ้อย
"ดีเอสไอ" แจ้งข้อหาเพิ่ม 18 บอสดิไอคอน คดีแชร์ลูกโซ่-ขายตรง
หึ่ง!เปลี่ยน‘พงษ์ภาณุ’แทน‘โต้ง’
“คปท.-ศปปส.-กองทัพธรรม” ลุกฮือ ยื่นหนังสือค้านคัดเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติ
กอดMOUเจรจาเขมร ‘อิ๊งค์’หวั่นโดนฟ้องยันเดินหน้าแบ่งเค้ก/กต.แจงมีข้อดีกว่าเสีย
นายกฯ อิ๊งค์ลั่นเป็นคนไทย 100% ประเทศต้องมาก่อน ยืนยันจะรักษาแผ่นดินไทยไว้อย่างเต็มที่
คลั่งชาติปลุกต้านขายชาติ!
นายกฯ เรียกพรรคร่วมถกปมเกาะกูด "นพดล" โต้เดือดไม่ได้ขายชาติ