งัดกม.กดดันนายกฯ พปชร.อ้างข้อบังคับพรรค ทวงใบกรอกประวัติ‘ป๊อด’

"อุ๊งอิ๊ง" ยังเล่นบทเตมีย์ใบ้ "หมอมิ้ง" ขึงขังไม่ขีดเส้นตายรายชื่อ รมต. แต่ถ้าไม่ส่งก็ถือว่าไม่ส่ง พลิ้วไม่รู้หนังสือ ด้าน "พปชร." ทวงถามทำไมไม่ส่งแบบข้อมูลกรอกประวัติของ "พัชรวาท" ยันทำตาม กม.และข้อบังคับพรรค "ไพบูลย์" อ้างสัญญาประชาคม แถลงจัดตั้งรัฐบาลโหวตนายกฯ แลกโควตา ย้ำชัดต้องยึดที่แถลงต่อสาธารณะ สุดพิลึก! "ธรรมนัส" ส่ง 3 ชื่อเป็นโควตาพรรคกล้าธรรม-พปชร.-พท. "เดชอิศม์" ซุุ่มเงียบส่งประวัติให้ สลค. "เทพไท"  ยกนิด้าโพลอัด "อิ๊งค์" เหมือนนายกฯ ตาบอดต้องมี "พ่อ" คอยจูงและกำกับ

เมื่อวันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความผ่าน X ขอบคุณนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับคำอวยพรและแสดงความยินดีในโอกาสที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ พร้อมยืนยันว่า ไทยและจีนมีมิตรภาพที่ใกล้ชิดกันบนพื้นฐานของความไว้วางใจ ความเคารพซึ่งกันและกัน และมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองและความก้าวหน้า ตลอดจนความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดดุจเครือญาติระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งมุ่งมั่นเสริมสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทย-จีนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และพร้อมเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศร่วมกันในปี 2568

และในเวลา 09.35 น. น.ส.แพทองธารเดินทางเข้าอาคารชินวัตร 3 โดยยังไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เพียงแต่หันมาโบกมือทักทายเท่านั้น ต่อมาเวลา 09.40 น. นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เดินทางมาถึงเพื่อส่งมอบงานต่อให้ น.ส.แพทองธาร

ทั้งนี้ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ได้เดินทางมาถึงก่อนหน้านี้แล้ว โดยกล่าวกับสื่อมวลชนเพียงสั้นๆ ว่า มีบางพรรคที่ส่งรายชื่อบุคคลที่คาดว่าจะเป็นรัฐมนตรีมาไม่ครบ ส่วนพรรคอื่นๆ ที่ส่งมาแล้วก็อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติ แต่ก็ไม่ได้มีการขีดเส้นตาย  เพียงแต่ถ้าไม่ส่งมาก็ถือว่าไม่ส่ง

นพ.พรหมินทร์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งในช่วงบ่าย ถึงการที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีหนังสือถึงนายกฯ ถามกรณี  พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ซึ่งมีชื่ออยู่ในโผคณะรัฐมนตรี (ครม.)  ชุดใหม่ของพรรค พปชร. แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อจากสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อส่งข้อมูลกรอกประวัติว่า “มีจดหมายของเขาแล้วไงครับ”

เมื่อถามว่า ได้ส่งเอกสารให้ พล.ต.อ.พัชรวาทไปแล้วหรือยัง นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า ให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีดูแล ไม่มีอะไร

เมื่อถามย้ำว่า ทำไมตอนแรกถึงยังไม่ส่งเอกสารให้  พล.ต.อ.พัชรวาท นพ.พรหมินทร์ระบุว่า เดี๋ยวขอพิจารณาดู  เดี๋ยวก็เห็นเอกสารออกมา

สำหรับหนังสือของพรรค พปชร.นั้น นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. ปฏิบัติหน้าที่แทนหัวหน้าพรรค พปชร. ได้ลงนามในหนังสือเลขที่ พปชร.138/2567 ลงวันที่ 26 ส.ค. 2567 ถึงนายกฯ  และ สลค.ได้รับหนังสือไว้แล้ว หัวเรื่องขอให้ สลค.ส่งแบบข้อมูลประกอบการเสนอเรื่องการแต่งตั้งรัฐมนตรีให้แก่ พล.ต.อ.พัชรวาท มีเนื้อว่าด้วยพรรค พปชร.ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเมื่อวันศุกร์ที่ 23 ส.ค. 2567  และได้พิจารณาเรื่องเสนอชื่อบุคคลให้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ. 2561 ข้อ 17 (1) (ฉ) และข้อ 92 โดยที่ประชุมได้พิจารณาการที่พรรคได้เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย (พท.) โดยได้แถลงข่าวร่วมกับพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลอื่นๆ ไปเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2567 และในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2567 สส.ของพรรค พปชร.ได้ลงมติเห็นชอบให้หัวหน้าพรรค พท. คือ น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ และเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2567 หัวหน้าพรรค พปชร.ได้เสนอรายชื่อบุคคลซึ่งพรรคเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคไปให้นายกฯ ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ผ่าน นพ.พรหมินทร์ จำนวน 4 ท่าน ดังนี้ 1.พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ดำรงตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ 2.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ดำรงตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ 3.นายสันติ พร้อมพัฒน์  ดำรงตำแหน่ง รมช.สาธารณสุข และ 4.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์

พปชร.ยกสัญญาประชาคม

โดยที่ประชุมได้พิจารณาแล้วได้มีมติเห็นชอบรายชื่อบุคคลดังกล่าวข้างต้น ให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรค ทั้งนี้หากรายชื่อบุคคลที่เสนอไปข้างต้น ปรากฏว่า มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่ผ่านคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ที่ประชุมมีมติมอบอำนาจให้หัวหน้าพรรค พปชร.เป็นผู้พิจารณาเปลี่ยนแปลงรายชื่อบุคคลใหม่และเสนอให้นายกฯ ดำเนินการทดแทน

 “มติ กก.บห.พรรคเสนอชื่อรัฐมนตรีของพรรค พปชร. เป็นการดำเนินการสืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ ที่นายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนร่วมกับพรรค พปชร.และพรรคอื่นที่ร่วมรัฐบาลทุกพรรค ประกาศเป็นสัญญาประชาคมว่าทุกพรรคจะร่วมกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาล  โดยสนับสนุนให้ท่านเป็นนายกฯ มีข้อตกลงให้มีสัดส่วนรัฐมนตรีของแต่ละพรรคตามจำนวนเดิมในรัฐบาลนายเศรษฐา ดังนั้นในวันประชุมสภาผู้แทนราษฎรในระเบียบวาระเลือกนายกฯ พรรค พปชร.จึงให้ สส.ทุกคนออกเสียง ด้วยการขานชื่อลงมติเห็นชอบให้ท่านดำรงตำแหน่งนายกฯ  จำนวน 39 เสียง เว้นแต่หัวหน้าพรรคเท่านั้นที่ติดภารกิจสำคัญอันไม่อาจหลีกเลี่ยง จึงไม่สามารถมาร่วมออกเสียงได้”

หนังสือระบุต่อว่า พรรค พปชร.ได้ดำเนินการตามกฏหมายพรรคการเมืองและข้อบังคับพรรค จัดให้มีการประชุม กก.บห.เพื่อมีมติรับรองการเสนอชื่อรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรค และหัวหน้าพรรคได้มีหนังสือนำส่งให้นายกฯ  ตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. 2567 เพื่อให้นายกฯ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปตามข้อตกลงร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลที่แถลงต่อสื่อมวลชน แต่ปรากฏว่าเมื่อพรรค พปชร.สอบถามไปยัง พล.ต.อ.พัชรวาท ซึ่งเป็นบุคคลที่พรรคเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี จึงทราบว่า สลค.ไม่ได้ติดต่อเพื่อส่งแบบข้อมูลประกอบการเสนอเรื่องการแต่งตั้งรัฐมนตรีให้ ดังนั้นเพื่อมิให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินการตรวจสอบ คุณสมบัติบุคคลผู้ที่จะดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี พรรค พปชร.จึงมีหนังสือฉบับนี้เพื่อกราบเรียนนายกฯ ได้โปรดมีบัญชาให้ สลค.ส่งแบบข้อมูลประกอบการเสนอเรื่องการแต่งตั้งรัฐมนตรีให้ พล.ต.อ.พัชรวาทเพื่อที่จะได้กรอกข้อมูลนำส่ง สลค.โดยเร็วต่อไป

นายไพบูลย์ให้สัมภาษณ์ภายหลังพรรค พปชร.มีหนังสือถึง น.ส.แพทองธารว่า ขอให้เป็นไปตามขั้นตอน ต้องให้มีความชัดเจนก่อน เพราะขณะนี้ยังไม่ชัด เนื่องจากเพิ่งส่งหนังสือไปเมื่อช่วงเที่ยงวันเดียวกันนี้ ซึ่งหากมีการผิดสัญญาประชาคมจะดำเนินการอย่างไรนั้นยังไม่อยากพูด แต่เชื่อว่านายกฯ จะปฏิบัติทุกอย่างให้เป็นไปตามข้อตกลง กติกาและสัญญาประชาคมที่ได้ทำกันไปแล้ว ซึ่งได้มีการตกลงต่อสาธารณะ และสังคมรับรู้

เมื่อถามว่า สุดท้ายหากไม่มีชื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท จะดำเนินการอย่างไร นายไพบูลย์กล่าวว่า รอไปก่อน เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น อย่าเพิ่งไปพูดอะไรที่เลยขั้นตอน เพราะนายกฯ อาจไม่ทราบเรื่องอะไรเลย เพราะฉะนั้นต้องให้เวลาท่านพิจารณา เพราะทุกอย่างเราทำตามข้อบังคับพรรค  ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดจากกฎหมายพรรคการเมือง

'เดชอิศม์' ซุ่มส่งชื่อเงียบ

ส่วนความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเฉพาะที่ตึก สลค. บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าได้มีทีมงานของผู้ที่มีกระแสข่าวได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี ทยอยนำเอกสารข้อมูลประวัติเพิ่มเติมเข้ามาส่งให้ตรวจสอบคุณสมบัติต่อเนื่อง โดยนายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้มอบหมายให้บุคคลใกล้ชิดเดินทางเข้าทำเนียบฯ เพื่อนำเอกสารมาส่ง

ส่วนช่วงบ่าย นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ได้ให้ทีมงานมาส่งเอกสารประวัติเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้นายสุทินมีชื่อหลุดโผ ครม.แพทองธาร 1 นอกจากนี้ยังมีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่มีตัวแทนมาส่งเอกสารด้วยเช่นกัน โดยมีกระแสข่าวว่านายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว จะมานั่งเป็น รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา  ทั้งนี้ การตรวจประวัติของ สลค.จากเดิมใช้เวลาเพียง 3-4 วันแต่ครั้งนี้ใช้เวลานานถึง 7 วัน

ขณะเดียวกัน ยังมีรายงานว่าในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ได้รวบรวมเอกสารของรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคทั้งหมดส่ง สลค.ไปตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. แต่เนื่องจากมีเอกสารบางส่วนที่ยังไม่เรียบร้อย จึงนำกลับไปแก้ไขเมื่อวันที่ 23 ส.ค. และให้แต่ละคนทยอยมาส่งเอกสารเองที่ตึก สลค.

ส่วนปัญหาในพรรค พปชร.ที่มีการส่งโผ ครม. 2 ชุด  ทั้งของฝั่ง พล.อ.ประวิตร และฝั่ง ร.อ.ธรรมนัสนั้น มีรายงานว่ารายชื่อที่ ร.อ.ธรรมนัสส่งไปมี นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์  มานั่งเป็น รมว.เกษตรฯ แทนตนเอง โดยเสนอในนามหัวหน้าพรรคกล้าธรรม ที่นางนฤมลนั่งเป็นหัวหน้าพรรค ส่วนนายอรรถกรมีชื่อเป็น รมช.เกษตรฯ มาในโควตาพรรค พปชร. และนายอัครา พรหมเผ่า ที่มีชื่อเป็น รมช.เกษตรฯ มาในโควตาพรรคเพื่อไทย ขณะที่รายชื่อที่ พล.อ.ประวิตรเสนอ 4 รายชื่อ ปรากฏว่ามีเพียง พล.ต.อ.พัชรวาทคนเดียวที่ไม่ได้กรอกประวัติ

สำหรับการส่งประวัติรัฐมนตรี คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ สอดคล้องกับที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า จะตั้ง ครม.ใหม่ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน ส.ค.นี้

ด้านนางนฤมลปฏิเสธให้สัมภาษณ์ หลังมีกระแสข่าวว่ามีชื่อลุ้นเป็นว่าที่รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่

ส่วนนายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวตอบคำถามที่ว่าได้รับเอกสารเพื่อกรอกประวัติจาก สลค.แล้วหรือยังแบบเสียงอ่อยๆ ว่า “ผมไม่ได้กรอกครับ” และเมื่อถามต่อว่าแสดงว่าไม่ได้ไปต่อใช่หรือไม่ นายจักรพงษ์ได้แต่หัวเราะ พร้อมบอกว่าแกนนำพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้บอกว่าจะได้ไปต่อหรือไม่

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ (ปช.) กล่าวว่า ได้ส่งชื่อไปแล้ว ยังไม่ยืนยันว่าเป็นกระทรวงเดิมหรือไม่ ถ้าดูตามข่าวก็ยังไม่ค่อยนิ่งเท่าไหร่ แต่ถ้าได้ร่วมรัฐบาลก็จะมีสัดส่วนรัฐมนตรี 1 เก้าอี้ ครั้งนี้มีการตรวจสอบคุณสมบัติของรัฐมนตรีค่อนข้างสูง เพราะตอนที่กรอกข้อมูลในเอกสารจะมีการนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในตอนต่างๆ มาพิจารณา เพื่อให้เรารับรองว่าเราอยู่ในเงื่อนไขที่กำหนดไว้หรือไม่

น.ต.สุธรรม ระหงษ์ รองหัวหน้าพรรคตามภารกิจและผู้อำนวยการพรรค ปชป. กล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวการร่วมรัฐบาลของพรรค ปชป.นั้น มีความจำเป็นต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ในขณะนี้ในส่วนของพรรค ปชป.ยังไม่ได้มีการพิจารณาแต่อย่างใด เนื่องจากยังไม่ได้มีการประสานงานมาอย่างเป็นทางการ คาดว่าน่าจะมาจากการพูดคุยเป็นการส่วนตัว

 “สำหรับการดำเนินการของพรรคประชาธิปัตย์ หากมีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น พรรคจำเป็นต้องได้รับการประสานงานอย่างเป็นทางการจากพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล  และเมื่อได้รับการประสานแล้ว พรรคก็พร้อมนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอนที่ระบุไว้ในข้อบังคับพรรค ซึ่งกำหนดให้ที่ประชุมร่วมระหว่าง กก.บห.กับ สส.ของพรรคพิจารณาลงมติต่อไป”

ยกโพลอัดเหมือนคนตาบอด

วันเดียวกัน นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อเรื่อง อุ๊งอิ๊งเหมือนคนตาบอด ต้องใช้ทักษิณจูงเดิน ระบุว่า  ผลการสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เรื่องบทบาทอดีตนายกฯ ทักษิณ ในรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง เมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนถึงความเป็นไปได้ที่นายกฯ น.ส.แพทองธารจะบริหารประเทศโดยปราศจากคุณทักษิณ พบว่า 59.01% ระบุว่าเป็นไปไม่ได้เลย รองลงมา 15.42% ระบุว่าไม่น่าเป็นไปได้ 14.96% ระบุว่าค่อนข้างเป็นไปได้  9.77% ระบุว่า เป็นไปได้แน่นอน และ 0.84% ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ  ผลการสำรวจในครั้งนี้จะเห็นได้ชัดว่า ความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่า คุณอุ๊งอิ๊งจะเป็นนายกฯ ได้โดยไม่มีนายทักษิณเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงช่วยเหลือ หรือกำกับการทำหน้าที่นายกฯ ซึ่งมีสัดส่วนที่สูงคือ 59.01% เป็นไปไม่ได้เลย และ 15.42% ไม่น่าเป็นไปได้ รวมความเห็นทิศทางที่เป็นไปไม่ได้ 74.43% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก  แสดงถึงวุฒิภาวะความเข้าใจของประชาชนที่ถูกต้อง และสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงมากที่สุด

 “คุณอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ ก็จริง แต่ต้องมีพี่เลี้ยงคอยกำกับช่วยเหลือ คือนายทักษิณ ผู้เป็นพ่อ ซึ่งประกาศต่อสาธารณะชนแล้วว่า เป็นผู้ครอบครองคุณอุ๊งอิ๊งแต่เพียงผู้เดียว สถานะของคุณอุ๊งอิ๊งในตอนนี้เปรียบเหมือนผู้พิการทางสายตา หรือคนตาบอดที่ช่วยตัวเองไม่ได้ ต้องใช้ไม้เท้านำทาง หรือพี่เลี้ยงคอยพยุงหรือคอยจูง มิฉะนั้นจะเดินไปไหนไม่ได้ เหมือนกับการบริหารประเทศในฐานะนายกฯ ถ้าคุณทักษิณไม่คอยกำกับอยู่เบื้องหลังหรือชี้นำ คุณอุ๊งอิ๊งก็ไม่สามารถบริหารประเทศได้สำเร็จ”

นายเทพไทโพสต์อีกว่า การลงพื้นที่ไปช่วยน้ำท่วมที่ภาคเหนือของคุณอุ๊งอิ๊ง ก็เป็นเพียงการไปทำกิจกรรมเพื่อไม่ให้ถูกสังคมวิจารณ์และเป็นการสร้างภาพเท่านั้น ท่ามกลางการห้อมล้อมของรัฐมนตรีและ สส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งให้ความยอมรับในฐานะลูกสาวนายใหญ่มากกว่านายกฯ เพราะนายกฯ ตัวจริงคือนายทักษิณเพียงผู้เดียว ซึ่งรอดูว่าการลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายของนายทักษิณในวันที่ 27 ส.ค.นี้ จะท็อปฟอร์มนายกฯ ตัวจริงหรือไม่ ตอนนี้แม้ว่าคุณอุ๊งอิ๊งจะเป็นนายกฯ ก็ตาม แต่นายกฯ ตัวจริงก็คือคุณทักษิณ ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่มีความฉลาดพอ ที่จะแยกแยะได้ว่าอำนาจที่แท้จริงอยู่ที่ใคร เห็นได้จากการตอบผลการสำรวจของนิด้าโพล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง