พท.จ้องรื้อ‘ครอบงำ-ยุบพรรค’

"ทักษิณ" บอกไม่รู้เรื่อง อย่าไปสนใจ หลังนักร้องทำงานร้อง กกต.ปมครอบงำเพื่อไทย ด้าน "วิสุทธิ์" ไม่กังวล หากสั่งได้จริง "ชัยเกษม" ได้นั่งนายกฯ ไปแล้ว ส่วน "ชูศักดิ์" เล่นใหญ่ถึงเวลาแก้ กม.พรรคการเมือง ใช้โอกาสยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อเลิกนำกับดักทางการเมืองมาทิ่มแทงกันเอง อ้างให้ประเทศเดินหน้าได้  

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2567 ที่อาคารชินวัตร ทาวเวอร์ 3 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สั้นๆ ก่อนเดินทางกลับ ถึงกรณีมีบุคคลไม่ประสงค์ออกนามยื่นร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ยุบพรรคเพื่อไทย และตัดสิทธิทางการเมืองของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ โดยให้เหตุผลว่านายทักษิณเข้าข่ายครอบงำพรรคว่า "ไม่รู้เรื่อง อย่าไปสนใจ" จากนั้นได้ขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับทันที

ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน สส.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบุคคลยื่นหนังสือถึง กกต.เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคเพื่อไทย อันเนื่องมาจากกรณีที่นายทักษิณครอบงำพรรคเพื่อไทยว่า เรื่องนี้ตนพอจะทราบมาบ้าง แต่การครอบงำพรรคจะต้องเป็นเรื่องของการสั่งการให้พรรคเพื่อไทยปฏิบัติตามในเรื่องต่างๆ เช่น การเลือกบุคคลดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ซึ่งที่ผ่านมาปรากฏข่าวว่านายทักษิณต้องการให้นายชัยเกษม นิติสิริ นั่งเก้าอี้ดังกล่าว แต่ท้ายที่สุดที่ประชุม  สส.พรรคเพื่อไทยก็มีมติเลือก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ หากนายทักษิณครอบงำได้ วันนี้นายชัยเกษมก็ต้องได้เป็นนายกฯ ไปแล้ว

 "วันนี้ไม่เห็นอดีตนายกฯ ทักษิณมาสั่งอะไรในพรรค ท่านมานั่งในที่ประชุมพรรคทุกครั้ง ก็ไม่เห็นว่าท่านมาสั่งอะไร แต่ท่านจะให้สัมภาษณ์อย่างไรก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของท่าน ในฐานะที่เป็นอดีตนายกฯ เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถท่านแนะนำได้ แต่พรรคจะทำตามหรือไม่มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง” นายวิสุทธิ์กล่าว

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยมีความกังวลเรื่องการครอบงำพรรค และอาจถูกยื่นเรื่องไปยัง กกต.หรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีความกังวล เพราะนายทักษิณไม่เคยมาครอบงำในเรื่องใด และเป็นธรรมดาที่มีนักร้องเยอะในด้านงานการเมือง แต่หากจะกังวลก็ควรกังวลในเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ ว่าจะแก้ปัญหาชดเชยและเยียวยาให้พี่น้องประชาชน ในเรื่องต่างๆ ทั้งการเกษตรและที่อยู่อาศัยอย่างไร

ประธาน สส.พรรคเพื่อไทยเผยด้วยว่า ไม่มีความกังวลเรื่องนายทักษิณครอบงำพรรค ตนอยู่ในพรรคเวลาประชุมก็เป็นประธานการประชุมทุกครั้ง ก็ไม่เห็นว่าเวลาประชุมจะมีใครมาสั่งอะไร

ส่วนกระแสข่าวที่บอกว่าหากนายทักษิณสั่งได้ นายชัยเกษม นิติสิริ ก็เป็นนายกฯ ไปแล้ว แต่นี่ทำไมถึงเป็นนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่มีใครคนนั้นคนนี้มาสั่ง เรื่องในพรรคมีความเป็นเหตุเป็นผล  สามารถชี้แจงได้ว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร ไม่ใช่ในพรรคเพื่อไทยมีใครมาสั่งได้ ข้อเท็จจริงทุกอย่างต้องเป็นมติพรรคเท่านั้น

กรณีที่นายทักษิณเรียกคนจากพรรคร่วมรัฐบาลไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ในวันที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง จะเป็นข้ออ้างได้หรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ไปอ่านรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนว่าแทรกแซงควบคุม เป็นอย่างไร ถ้าไม่ได้มาแทรกแซงและควบคุมพรรคเพื่อไทย  การเรียกไปปรึกษาหารือ ซึ่งตนไม่ได้ไปด้วย ก็ไม่ทราบว่าคุยอะไรกันบ้าง ที่มีข่าวออกมาในวันนั้นว่านายชัยเกษมจะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่อีกวัน สส.ก็ไม่ได้เลือกตรงกับที่สื่อออกไป ถ้าตรงกันอาจจะว่าแทรกแซงควบคุมได้ แต่นี่ตรงกันข้าม

ส่วนเรื่องการเลือกคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายทักษิณมีส่วนช่วยแนะนำหรือไม่ ประธาน สส.พรรคเพื่อไทยปฏิเสธว่า ไม่ทราบว่านายทักษิณไปแนะนำ น.ส.แพทองธารอย่างไรบ้าง เป็นเรื่องภายในของผู้บริหาร แต่เรื่องที่ไปพูดออกสื่อต่างๆ ก็เป็นข้อแนะนำที่ดี ท่านเป็นมืออาชีพ เคยทำให้บ้านเมืองพ้นจากเหตุการณ์ต่างๆ มาแล้ว เรื่องดีๆ มีเยอะแยะ จะแนะนำอะไรเป็นการส่วนตัวตนไม่ทราบ เรื่องการปรึกษาหารือเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรน่ากังวล

"ท่านอาจจะพูดเล่น อาจจะพูดถึงลูก พ่อแม่ก็คุยกันในครอบครัว เป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่ได้มาครอบงำอะไร ในพรรคผมก็ไม่เคยได้รับคำสั่งอะไร"

เมื่อถามว่า เชื่อมั่นใช่หรือไม่ว่า น.ส.แพทองธารจะสามารถแสดงศักยภาพในฐานะนายกรัฐมนตรีได้อย่างเต็มที่ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า แน่นอน

ส่วนจะเป็นเกมการเมืองเพื่อล้มพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น ประธาน สส.พรรคเพื่อไทยระบุว่า คงล้มยาก เราผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะแล้ว อะไรที่ผิดกติกาเราไม่ทำ

ขณะที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์มติชนออนไลน์ว่า ถือเป็นเรื่องเก่าๆ เดิมๆ เอาประเด็นการเมืองมาจับผิดกัน ทั้งนี้การที่บุคคลใดจะให้คำปรึกษาหรือข้อเสนอแนะ ถือเป็นเรื่องปกติในสังคมการเมือง

นายชูศักดิ์กล่าวต่อว่า เรื่องปัญหาการครอบงำนั้นเกิดขึ้นในยุคที่มีการทำรัฐประหารยึดอำนาจ และจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยมีเป้าหมายสกัดกั้นพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะ ซึ่งขัดหลักนิติธรรม ทั้งนี้ในส่วนที่มีผู้ยื่นเรื่องร้องยุบพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าพวกเราไม่ได้วิตกกังวลหรือหนักใจอะไร เพราะไม่ได้มีใครสั่งการหรือครอบงำให้เราทำอะไร มองว่าการที่นายกฯ จะขอคำปรึกษาบุคคลที่มีประสบการณ์ในด้านต่างๆ ถือเป็นเรื่องปกติ

 “เรากำลังติดกับดักทางการเมือง ดังนั้นขอให้เลิกเอากับดักทางการเมืองนี้มาทิ่มแทงกันเอง ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทบทวนกฎหมายพรรคการเมือง ในขณะที่เรากำลังจะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้” นายชูศักดิ์กล่าว

สำหรับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 (แก้ไขเพิ่มเติมถึงปัจจุบัน) ระบุมาตราที่เกี่ยวข้องกับกรณีข้างต้นไว้ดังนี้

มาตรา 28 ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ  ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม มาตรานี้นำไปสู่การยุบพรรคตามมาตรา 92

มาตรา 29 ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม

มาตรา 108 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 29 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'จตุพร' ตอกย้ำศาลรธน.รับคำร้องคดีล้มล้าง เพื่อหยุดอหังการอำนาจ เริ่มจุดเปลี่ยนบ้านเมือง

ลุ้นศาล รธน.พิจารณาคำร้อง 'จตุพร' เชื่อรับไว้วินิจฉัยเพื่อหยุดอหังการอำนาจ ลั่นจะเริ่มจุดเปลี่ยนบ้านเมือง เปิดความหวังประเทศก้าวเดินสู่ผลประโยชน์ชาติ

'นิพิฏฐ์' เฉลย 'ยิ่งลักษณ์' กลับไทยเป็นไปได้ 'ทักษิณ' ไม่ได้พูดเล่นๆ

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เปิดเผยว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหนีคดีทุจริตจำนำข้าว อาจจะกลับประเทศไทยก่อนสงกรานต์ปีหน้า ว่า ระบุว่า