พ่อนายกฯจ่อลงพื้นที่นํ้าท่วม

"ภูมิธรรม" บินน่าน-เชียงราย ปลอบขวัญผู้ประสบอุทกภัย เดินสายแจง "นายกฯ อิ๊งค์" ห่วงน้ำท่วม แต่ยังไม่มีอำนาจเต็มสั่งการ ช่วยได้ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยันรัฐบาลช่วยเหลือเยียวยาเต็มที่ ลั่นเอาอยู่ การันตีไม่ซ้ำรอยปี 54 สบายใจได้น้ำไม่ไปถึง กทม. "ปชป." เปิดวอร์รูมรับแจ้งเหตุน้ำท่วม เสียวส่อวิกฤตเตือนรัฐบาลอย่าประมาท "พ่อนายกฯ" ลงพื้นที่เชียงราย 27 ส.ค.

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม เวลา 09.00 น.  ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี  และคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์อุทกภัยภาคเหนือ จ.น่าน และเชียงราย

นายภูมิธรรมกล่าวถึงกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ลงพื้นที่ปฏิบัติหน้าที่ในขณะที่ประชาชนกำลังประสบอุทกภัยว่า  น.ส.แพทองธารได้รับเลือกจากสภาผู้แทนราษฎรเป็นนายกรัฐมนตรีเรียบร้อย แต่ยังเหลือขั้นตอนต่างๆ ที่จะต้องมีการโปรดเกล้าฯ และเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ฯ รวมถึงการเข้าแถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการต่างๆ ถึงจะมีอำนาจในการสั่งการ ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยและเฝ้าดูที่จะช่วยเหลือ ทั้งในนามหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และในนามส่วนตัว ทั้งนี้ ในฐานะรัฐบาล และปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี จะต้องลงพื้นที่และแก้ไขปัญหาโดยตรง จะสั่งการอย่างเต็มที่เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้า ทั้งนี้ ข้าราชการส่วนต่างๆ มีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ ซึ่งรัฐบาลพร้อมรับฟังและรวมพลังแก้ไขอย่างเต็มที่

จากนั้น เวลา 10.20 น. นายภูมิธรรม เดินถึงอากาศยานน่านนคร จ.น่าน โดยจุดแรกที่วัดอัมพวัน (ม่วงใต้) ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา ได้ตรวจสถานการณ์น้ำผ่านรถโมบายวอร์รูม และพบปะให้กำลังใจประชาชน พร้อมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัย จำนวน 728 หลังคาเรือน และฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำจากนางรอยบุญ รัศมีเทศ ผอ.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) โดยรายงานถึงปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำรายวันของกรมชลประทาน คลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ และหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ที่ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะนี้ทุกหน่วยงานบูรณาการทำงานร่วมกัน แม้ว่าขณะนี้ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือ ขณะเดียวกันในพื้นที่ภาคใต้เกิดเหตุเช่นเดียวกัน ซึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ไม่ใช่แค่ภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งแล้ว

'อิ๊งค์' อึดอัดยังสั่งการไม่ได้

ด้านนายภูมิธรรมกล่าวว่า ขอให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานรับทราบ และขอให้ติดตามสถานการณ์ อย่าเพิ่งวางใจ เพราะฝนยังตกอยู่ และขอให้มีการกระจายรถโมบายไปในหลายพื้นที่  รวมถึงให้เชื่อมโยงข้อมูลไปยังส่วนกลางด้วย เพราะขณะนี้สถานการณ์ยังต้องจับตา รวมถึงสถานการณ์ จ.สุโขทัย ที่สถานการณ์อาจจะหนักได้ เพราะน้ำเริ่มไหลลงไปยังพื้นที่ จ.สุโขทัย และขอให้ใช้โดรนติดตามความเคลื่อนไหวของมวลน้ำ  นอกจากนี้ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องช่วยให้ข้อมูลแก่ประชาชน จากกรณีกระแสข่าวว่าน้ำอาจจะท่วมหนักเหมือนปี 2554 เพื่อให้ประชาชนเกิดความสบายใจ

ต่อมานายภูมิธรรมได้พบปะให้กำลังใจประชาชน พร้อมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัย จำนวน 728 หลังคาเรือน  พร้อมระบุว่า รัฐบาลทราบปัญหา และพร้อมแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน จ.น่าน แพร่ และเชียงราย รัฐบาลพยายามคาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้าในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งเครื่องมือขณะนี้ค่อนข้างตรงกับสถานการณ์ จึงอยากให้ประชาชนรับฟังข่าวสารเพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายได้

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ไม่เหมือนเดิมจากภาวะโลกร้อน จึงต้องต้องช่วยกันดูแลตั้งแต่ต้นน้ำ ซึ่งเคยพูดเรื่องนี้กับนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ถึงปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่ใช้เงินมาก จึงควรทำเรื่องน้ำเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเคยพูดเรื่องนี้ตั้งแต่สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งช่วงต้นปี 2554 สั่งเตรียมงบประมาณไว้ 2-3 ล้านล้านบาท แต่ครั้งนี้ประมาณการไปว่า 5-6 ล้านล้านบาท คิดว่าจะทำตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ แม้ว่าจะใช้งบประมาณมากแต่คุ้มค่าในระยะยาว

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้เราควบคุมสถานการณ์ได้เรียบร้อย น้ำครั้งนี้เป็นน้ำหลากขังไม่นาน ดีกว่าปี 2554 ที่ครั้งนั้นน้ำไม่มีที่ไป การที่เราบริหารจัดการควบคุมได้ดีสถานการณ์จะเบาบางลง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากนี้คือการฟื้นฟูสภาพบ้านเรือน ซึ่งได้สั่งการทุกหน่วยงานไปแล้ว ทั้งกระทรวงพาณิชย์ว่าอย่าให้ของขาดตลาด และอย่าให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า กระทรวงคมนาคมให้ดูแลเรื่องการสัญจร และดูถึงอนาคตว่าเส้นทางไหนที่สามารถช่วยระบายน้ำได้โดยไม่ต้องรอให้น้ำมา สามารถเจาะถนนเพื่อเป็นการรอระบายได้เลย กระทรวงอื่นๆ มีการทำงานร่วมกันขอให้ประชาชนสบายใจได้

"การลงพื้นที่ครั้งนี้ นายกฯ ไม่ได้มาด้วย แม้ว่าท่านได้รับการเลือกจากสภา ให้เป็นนายกฯ แล้ว แต่กระบวนการจนกว่าจะปฏิบัติหน้าที่ได้มีอีกหลายขั้นตอน  น.ส.แพทองธารได้แต่แสดงความห่วงใย และอึดอัดใจ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น ขณะนี้จึงต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลปัจจุบันที่ทำหน้าที่แทนรัฐบาลเดิมโดยจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่” นายภูมิธรรม ระบุ

สบายใจได้น้ำไม่ไปถึง กทม.

จากนั้นนายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ว่า  รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ และประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา และไม่ว่าฝนจะตกอย่างไร จะไม่ไปถึงกรุงเทพมหานคร ขอให้สบายใจได้ ส่วนที่มีความกังวลว่าน้ำจะท่วมหนักเหมือนปี 2554 รัฐบาลเอาข้อมูลมาดูแล้วยังมีที่ว่างในอ่างเก็บน้ำ และเขื่อนเพียงพอรับน้ำได้ ขอความกรุณาวันนี้ประชาชนทุกข์ยากมากพอแล้ว อย่าสร้างความตื่นตระหนก อยากให้ช่วยให้ข่าวดี แต่ไม่โกหกพี่น้องประชาชน ให้ข้อเท็จจริง ยืนยันรัฐบาลดูแลเต็มที่ รวมถึงที่ จ.ภูเก็ต นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ลงไปดูแล และเมื่อร่วมทีมกับนายกฯ ได้ คงทำงานได้เต็มที่มากกว่านี้ และหาก น.ส.แพทองธารเข้ามาทำหน้าที่แล้ว ตนจะทำเรื่องเสนอให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) หรืออาจจะให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมมือกันส่งเสริมแผนบริหารจัดการน้ำ ซึ่งขณะนี้เราได้ใช้แผนแม่บทปี 2554 ยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ คิดว่าจำเป็นหากทำได้จะแก้ปัญหาระยะยาวได้ โดยจะนำเข้า ครม. ต่อไป

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ได้สั่งการให้นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือเกษตรกร ประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ และให้เข้าไปดูแลในเรื่องราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ และสินค้าซ่อมแซมบ้าน ได้รับรายงานว่ากรมการค้าภายใน ได้ประชุมหารือกับห้างค้าส่ง-ค้าปลีก ห้างท้องถิ่น ร้านสะดวกซื้อ  ห้างจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เพื่อป้อนสินค้าเข้าพื้นที่ ดูแลเรื่องการขนส่ง ซึ่งได้รับการยืนยันสินค้ามีเพียงพอ การขนส่งไม่มีปัญหา และพร้อมจัดโปรโมชันลดราคาสินค้าเพื่อช่วยเหลือประชาชนด้วย

ต่อมาช่วงบ่าย นายภูมิธรรมออกเดินทางจากท่าอากาศยานน่านนคร ไปยังท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย โดยเวลา 15.30 น. นายภูมิธรรมติดตามสถานการณ์อุทกภัย ณ ศาลาอเนกประสงค์บ้านหนองบัว ตำบลสันทรายงาม อำเภอเทิง พร้อมพบปะและให้กำลังใจประชาชน

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ได้รับข่าวจาก สส. ในพื้นที่ว่าที่นี่ท่วมหนักมีปัญหา เราไม่ได้นิ่งนอนใจ เป็นห่วง อยากให้กำลังใจพี่น้องประชาชน ที่สำคัญนายกฯ ที่ยังมาไม่ได้ เพราะยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ได้ส่งความห่วงใยและความปรารถนาดีมา ซึ่งตน รัฐบาล ที่ปฏิบัติหน้าที่ขณะนี้มีอำนาจ น้ำมาคราวนี้เป็นน้ำหลากเข้ามารวดเดียว ทำให้เกิดซากปรักหักพังและความสูญเสียไร่นา โดย รมว.เกษตรและสหกรณ์จะดูแลเรื่องพืชผลที่เสียหาย พาณิชย์จะช่วยดูแลเรื่องของอุปโภคที่จำเป็น และกรมทางหลวงโดยกระทรวงคมนาคม ลงมาในพื้นที่พร้อมช่วยซ่อมแซมเส้นทางที่สามารถทำได้ทันที ส่วนบ้านเรือนต่างๆ ที่มีปัญหาได้ประสานงานผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว จะทำเป็นโมเดล ติดต่อภาคเอกชนต่างๆ นำวัสดุที่ซ่อมแซมบ้านและใช้โรงเรียนเทคนิคอาชีวะต่างๆ ในจังหวัดช่วยกันดูแล

ทั้งนี้ จากการเกิดสภาวะโลกร้อน ดังนั้นในระยะยาวคงต้องแก้ที่การไม่ทำลายป่า เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ว่าต้องดูแล ในส่วนเฉพาะหน้าจะหาเครื่องอุปโภคบริโภคมาให้ และบอกทางจังหวัดต้องดูพยากรณ์อากาศเฉพาะจุดที่วิกฤตให้ชัดเจนและมีรถโมบายมาเก็บข้อมูล หากตรงไหนแก้ปัญหาได้ให้ชี้จุด จึงอยากให้พี่น้องสบายใจขึ้น จากนั้นนายภูมิธรรมได้มอบถุงยังชีพแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมเดินทักทายให้กำลังใจ ขณะที่ชาวบ้านกล่าวกับนายภูมิธรรมว่า “ช่วยด้วยนะคะ หมดเนื้อหมดตัวแล้ว พืชสวนไร่นาได้รับความเสียหาย กังวลจะไม่ได้รับความช่วยเหลือเพราะไม่ได้ลงทะเบียน” ซึ่งนายภูมิธรรมระบุว่า เดี๋ยวจะให้สำรวจ และดูเรื่องการเยียวยา รวมถึงผู้ที่ตกหล่นด้วย

พ่อนายกฯ บินเชียงราย 27 ส.ค.

ด้านนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาฯ และอดีต สส.เชียงราย เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 ส.ค. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะเดินทางมายังจังหวัดเชียงราย มาให้กำลังใจและช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบกับปัญหาอยู่ในขณะนี้ด้วย รวมทั้งอาจมีโอกาสให้คำแนะนำเกี่ยวกับการฟื้นฟูฟื้นที่ รวมถึงจะได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันในพื้นที่เชียงรายด้วย

น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมประชาสัมพันธ์จัดตั้งศูนย์ข้อมูลข่าวสารร่วม ซึ่งจะทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรวบรวมข้อมูลข่าวสารสำคัญเกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัย ระดมผู้ปฏิบัติงานสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ที่มีอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ พร้อมทั้งรายงานข่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อนำไปสู่การให้ความช่วยเหลือประชาชนต่อไป ทั้งนี้ ผู้ประสบภัยสามารถประสานมายังช่องทางต่างๆ ที่กรมประชาสัมพันธ์ดำเนินการ หรือโทร.สายด่วน 1111 ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล, สายด่วน 1784 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, สายด่วน 1567 ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย, สายด่วน 1586 ทางหลวง และทุกช่องทางของหน่วยงานภาครัฐ      

น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากเหตุอุทกภัยในพื้นที่หลายจังหวัดภาคเหนือ ส่งผลให้ประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจประสบปัญหาต่อการใช้ชีวิต และการประกอบอาชีพ จึงสั่งการให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ลงพื้นที่ และดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 12 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง แพร่ เพชรบูรณ์ อุดรธานี ระยอง ภูเก็ต ยะลา และนครศรีธรรมราช รวม 64 อำเภอ 260 ตำบล 1,459 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 30,807 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 22 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 19 ราย ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 6 จังหวัด รวม 37 อำเภอ 156 ตำบล 940 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 21,824 ครัวเรือน

 นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน ได้ออกประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำ และการบริหารน้ำลุ่มเจ้าพระยา ฉบับที่ 4 ไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัด 11 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วย จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานครฯ เนื่องจากพบว่าร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน  และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ 24-30 ส.ค.2567 คาดว่าในอีก 1-3 วันข้างหน้า ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมืองฯ จ.นครสวรรค์ จะมีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที รวมปริมาณน้ำสาอีก 200 ลบ.ม./วินาที และรับน้ำเข้าระบบชลประทาน 2 ฝั่ง ในอัตรา 300 ลบ.ม./วินาที จึงต้องปรับการระบายผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตราระหว่าง 700-900 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 0.40 – 0.80 เมตร บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และ ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) โดยจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน หากมีการระบาย มากกว่า 1,000 ลบ.ม./วินาที จะแจ้งให้ทราบต่อไป

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสมบัติ ยะสินธุ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลภาคเหนือ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรค ดูแล กทม. และนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค ตามภารกิจ และ น.ส.เจนจิรา รัตนเพียร รองโฆษกพรรค ร่วมกันแถลงข่าวเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือ ในการสนับสนุนของมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช โดยนายสมบัติกล่าวว่า ในวันที่ 28 ส.ค. จะลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ส่วนนายนราพัฒน์ จะลงพื้นที่จังหวัดน่าน และทำงานร่วมกับอาสาของพรรค

นายนราพัฒน์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ได้มอบหมายให้ศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งอยู่ในการดูแลของนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรค ดูแลพื้นที่ กทม. เป็นตัวขับเคลื่อน พร้อมกับมีการจัดทำแพลตฟอร์มเพื่อรับแจ้งความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ซึ่งสามารถส่งข้อความมาได้ที่ https://form.democrat.or.th/flooding2567 เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์ โดยมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ฯ ทั้ง สส.และอดีต สส.ของพรรค ตลอดจนเครือข่ายของพรรค ประธานสาขาของพรรค และอาสาของพรรค ได้เข้าไปดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิดต่อไป

เสียวท่วมหนักซ้ำรอยปี 54

นายสุชัชวีร์กล่าวว่า สถานการณ์วันนี้มีกลิ่นคล้ายกับน้ำท่วมปี 54 ที่เริ่มต้นในลักษณะเดียวกัน คือมีฝนตกหนักทางตอนเหนือของประเทศ และมวลน้ำทั้งหมดไหลลงสู่อ่าวไทย แต่วันนี้ก่อนที่มวลน้ำจะเข้าสู่ภาคกลาง และอาจเป็น กทม. พรรคประชาธิปัตย์จึงได้เปิดระบบติดตามวิกฤติน้ำท่วม ท่านเดือดร้อนตรงไหน เราจะรวบรวมเพื่อส่งให้พรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่เข้าไปดูแลและทำหน้าที่ประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบ ทั้งนี้ หากฝนตกมากกว่าที่พยากรณ์ และมีพายุซ้ำเติม จะทำให้แม่น้ำเจ้าพระยารับเละ ถ้าเกิดจะประทังจะไปตายที่อยุธยา กลายเป็นว่าคนอยุธยาต้องไปรับเคราะห์แทนคนกรุงเทพฯ วันนี้ถ้าตัดไฟตั้งแต่ต้นลม จัดการน้ำให้ได้ตั้งแต่ภาคเหนือตอนบน ภาคเหนือตอนกลางให้เรียบร้อย มาถึงตรงนี้ก็จะบรรเทาลงไปได้

"วันนี้จะเห็นว่าการรับมือสถานการณ์ตั้งแต่เชียงราย มาถึงน่าน ยังไม่ดีเท่าที่ควร เพราะชาวบ้านได้รับความเสียหายหนัก และยังไม่มีการประเมินข้อเท็จจริง เพราะการมาบอกว่าไม่เหมือนกัน ไหนตัวเลข การประเมินบอกว่าเอาอยู่ ไหนตัวเลข ถ้าวันนี้เราพอบอกได้ว่ามีมวลน้ำอยู่แค่ไหน การจัดการของกระทรวงเกษตรฯ ทำอย่างไร เราพอจะประเมินได้ แต่วันนี้บอกจริงๆ ว่าเราเสียวนะ แล้วเราก็กลัวด้วย ยิ่งกว่านั้น ปี 54 สถานการณ์โลกร้อน น้ำทะเลหนุนยังไม่เท่าปีนี้ ผมห่วงเหลือเกิน ปีนี้เพิ่งเดือนสิงหา. ยังไม่กันยา. แต่ที่น่ากลัวคือตุลาคม ซึ่งเป็นจุดสำคัญ ถ้าน้ำทะเลหนุนแม่น้ำเจ้าพระยา ผมว่าสถานการณ์นี้เราประมาทไม่ได้” นายสุชัชวีร์ระบุ

ที่ จ.นครพนม ระดับน้ำโขงวัดปริมาณได้ 9.97 เมตร ห่างจากจุดวิกฤตล้นตลิ่งประมาณ  2 เมตร ลักษณะเช่นนี้จึงส่งผลกระทบ ต่อลำน้ำสาขารวมทั้งลำห้วยต่างๆ มีปริมาณน้ำสูงเกินความจุ เนื่องจากไม่สามารถไหลระบายลงน้ำโขงได้ เช่นเดียวกับลำน้ำอูนที่ไหลมาบรรจบกับลำน้ำสงคราม บริเวณประตูระบายน้ำปากอูน ในพื้นที่ อ.ศรีสงคราม ก่อนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่ ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน หลังระดับน้ำโขงหนุนสูง จนไม่สามารถไหลระบายลงน้ำโขง ทำให้ปริมาณน้ำในลำน้ำอูน ลำน้ำสงคราม เกินความจุประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้เกิดปัญหาเอ่อท่วมพื้นที่ลุ่ม นาข้าวของเกษตรกร เป็นพื้นที่แล้วกว่า 20,000 ไร่ คาดว่าจะได้รับความเสียหายไม่ต่ำกว่า 15,000 ไร่ หากระดับน้ำโขงไม่ลดลงในช่วง 1-2 สัปดาห์ จะส่งผลกระทบขยายวงกว้างมากขึ้น

ที่ จ.บึงกาฬ ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านมีระดับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีมวลน้ำเหนือจากจังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย และน้ำจากลำน้ำสาขาต่างๆ ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านไหลลงมาสมทบทำให้เช้าวันนี้ระดับน้ำโขงทะลุ 12.05 เมตร ซึ่งสูงสุดในรอบ 5 ปี ต่ำกว่าตลิ่ง 2.95 เมตร ใกล้จุดถึงวิกฤตเพียง 95 เซนติเมตร (จุดวิกฤติ 13 เมตร) มวลน้ำจำนวนมากไหลกลับเข้าตามลำห้วยสาขาต่างๆ ตั้งแต่อำเภอปากคาด อำเภอเมืองบึงกาฬ อำเภอบุ่งคล้า และอำเภอบึงโขงหลง ที่อยู่ติดริมแม่น้ำโขง ทำให้มีน้ำจำนวนมากท่วมพื้นที่การเกษตร ของชาวบ้านขยายวงกว้างหลาย 1,000 ไร่ โดยเฉพาะนาข้าว ในบางพื้นที่จมน้ำมานานกว่า 2 สัปดาห์ แล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เรืองไกร' ร้อง ป.ป.ช. ตรวจสอบ แพทองธาร เป็นพนักงานรัฐ ฝ่าฝืน ม.128

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า วันนี้ ตนได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในฐานะที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองประธานกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ , รองประประธานกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ