ธปท. แจงยิบ แนวคิด ‘แม้ว’ ‘ต้นทุน’ บาน!

“แบงก์ชาติ” ตอก “ทักษิณ” แนะหั่นค่าต๋งแบงก์ครึ่งหนึ่ง ช่วยแก้หนี้ประชาชน ลั่น ธปท.ไม่ได้อมไว้ เผยถ้าเอาตามที่บอกจะเกิดต้นทุน ทำให้เงินต้นลดลงช้าไปอีกครึ่งปี “ชนินทร์” ให้อดใจรอ  ครม.ใหม่เคาะดิจิทัลวอลเล็ต-โวตลาดหุ้นบวกหลายวันหลังได้ “อิ๊งค์” เป็นนายกฯ 

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2567 นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย  (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เสนอแนะให้ ธปท.ปรับลดเงินนำส่งของสถาบันการเงินที่ให้มาใช้หนี้คืนกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงิน (FIDF) ที่ปัจจุบันเก็บอยู่ 0.47% ลดลงมาให้เหลือ 0.23%  เพื่อนำมาแก้หนี้และลดหนี้คนไทยในปัจจุบันว่า  “ยังเร็วเกินไปที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้”

ด้าน น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ  สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท. ระบุว่า ปัจจุบันเงินนำส่งที่เก็บจากสถาบันการเงิน อยู่ที่ 0.47%  ต่อปี โดยแบ่งเป็นส่งให้สถาบันคุ้มครองเงินฝาก 1% ต่อปี และเพื่อใช้หนี้คืน FIDF 0.46% ต่อปี ซึ่งในส่วนนี้จะได้ประมาณ 70,000 ล้านบาทต่อปี  แบ่งเป็นปีละสองงวด หรืองวดละ 35,000 ล้านบาท โดยปัจจุบัน FIDF ยังมีหนี้ที่ต้องใช้คืนราว 580,000 ล้านบาท มีดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายปีละ 16,000 ล้านบาท และคาดว่าในสิ้นเดือน ก.ย.2567 ซึ่งจะมีการชำระหนี้อีกงวด จะทำให้หนี้ลดลงเหลือราว 5.5 แสนล้านบาท

“เงินนำส่ง 0.46% ต่อปี ไม่ใช่ ธปท.อมไว้หรือเก็บไว้แต่อย่างใด แต่เป็นการนำไปชำระหนี้กองทุน FIDF โดยหากให้ลดเงินนำส่งเหลือ 0.23% ตามข้อเสนอ จะทำให้เงินสำหรับนำไปชำระดอกเบี้ยลดลงไป 5,000 ล้านบาท และจะเกิดต้นทุน ทำให้เงินต้นลดลงช้าไปอีกครึ่งปี หากให้ลดเงินนำส่งเหลือ 0.23% เป็นระยะเวลา 1 ปี” น.ส.สุวรรณีระบุ

อย่างไรก็ตาม หนี้จากกองทุน FIDF นี้ยังอยู่ภายใต้บัญชีงบดุลของกระทรวงการคลัง และถูกคิดเป็นหนี้สาธารณะด้วย

นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวถึงการปรับเปลี่ยนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในรูปแบบต่างๆ ว่า กระแสข่าวส่วนใหญ่มาจากข้อเสนอในขั้นปฏิบัติการ ทั้งจากฝ่ายราชการและฝ่ายการเมือง แต่การตัดสินใจใดๆ ต้องรอความชัดเจนหลังรัฐบาลใหม่มีการแถลงนโยบายต่อสภา และมีอำนาจเต็มในการบริหารงานแล้วเท่านั้น ทั้งนี้ การกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน และรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยยืนยันได้ว่าต้องเดินหน้าต่ออย่างแน่นอน แต่อาจมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนขั้นตอนหรือรูปแบบเล็กน้อยให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และมีความรัดกุมรอบคอบสูงที่สุด เพื่อลดโอกาสของอุปสรรคที่จะมาขัดขวางผลประโยชน์ของประเทศและพี่น้องประชาชนในอนาคต

นายชนินทร์กล่าวว่า ถึงแม้การดำเนินการในฝั่งบริหารจะสะดุดจากกรณีที่ต้องดำเนินการให้ได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในช่วงที่ผ่านมา แต่ในเชิงของความพร้อมของงบประมาณนั้น ส่วนของงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 1.22 แสนล้านบาท ภายใต้พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว และงบประมาณส่วนที่เหลือที่จัดเตรียมไว้ในปีงบประมาณ 2568 ก็กำลังจะกลับเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรในช่วงต้นเดือน ก.ย.นี้ จึงสามารถมั่นใจได้ว่าเมื่อรัฐบาลชุดใหม่แถลงนโยบายต่อสภาเสร็จแล้ว จะดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้งบประมาณทั้ง 2 ส่วนนี้ได้อย่างต่อเนื่องโดยทันที

“ตั้งแต่ที่คุณแพทองธาร ชินวัตร ได้รับเลือกจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีดัชนีบวกขึ้นต่อเนื่องทั้งสัปดาห์ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจอย่างชัดเจน ส่วนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ จะส่งผลบวกทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว เติมกำลังซื้อ เติมน้ำในบ่อปลาที่แห้งเหือดทั่วประเทศให้มีความชุ่มชื้น มีเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น” นายชนินทร์กล่าว".

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘อุ๊งอิ๊ง’ แจ้นตรวจนํ้าท่วม ชาวบ้านลำบากแต่ยิ้มได้

นายกฯ อิ๊งค์ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมภาคเหนือ เสียงสั่นเครือเห็นใจชาวบ้านยังคงลำบากไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่ชาวบ้านยังยิ้มแย้ม ดีใจและโบกมือให้

โวเลือกตั้งซ่อม ‘เพื่อไทย’ มาแน่ กระแส ‘อิ๊งค์’ พุ่ง

"สมศักดิ์" โวลั่น! เลือกตั้งซ่อมพิษณุโลกเขต 1 กระแสเพื่อไทยสูง เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ หลัง "อุ๊งอิ๊ง" เป็นนายกฯ ตอนนี้มันเปลี่ยนแล้ว กระแสพรรคประชาชนหดหาย

'ทักษิณ' แถลงนโยบายรัฐบาล การเมือง-ทุนปึ้ก-ประชาชนอยู่ไหน?

เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา เสมือนเป็นภาพชัยชนะของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ นับตั้งแต่บินกลับมารับโทษในไทยเป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่ 22 ส.ค. 2566

คนเยอะกว่าเก้าอี้! ‘ภูมิธรรม’ ยอมรับบางรายเสนอชื่อไปแล้วเกรงมีปัญหาจริยธรรม

"ภูมิธรรม" เผยตั้งรัฐบาลยังไม่สะเด็ดน้ำ ไทยอยู่ในกระบวนการที่กำลังดูกันอยู่ เพราะคนเยอะกว่าตำแหน่ง ยอมรับตรวจเข้มกลัวมีปัญหาในเชิงจริยธรรม ว่าที่ รมต.ทยอยส่งประวัติ