อิ๊งค์ลุยน้ำท่วม‘แพร่-น่าน’

“แพทองธาร” ลงพื้นที่แพร่-น่าน   “อ้วน” ไปเชียงราย รัฐบาลมอบถุงยังชีพเบื้องต้น  11,932 ชุด มท.ให้อำนาจ ผวจ.อนุมัติงบได้เลย  เชียงใหม่เกาะติดน้ำปิงใกล้ชิด สุโขทัยจ่อรับมวลน้ำจากแพร่ เตรียมระบายไปทุ่งบางระกำ น่านยังอ่วม “มส.” เร่งระดมช่วยเหลือ

เมื่อวันที่ 23 ส.ค. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร   นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วม โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือในขณะนี้ว่า ได้ปรึกษากับทาง สส.ของพรรค แต่ในฐานะนายกรัฐมนตรีขณะนี้ต้องชี้แจงให้ทราบก่อนว่า เรายังไม่สามารถสั่งการหรือบอกกับข้าราชการใดๆ ได้ จนกว่าจะมีการถวายสัตย์ปฏิญาณและแถลงนโยบายต่อสภา คาดว่าจะเป็นช่วงเดือน ก.ย.  หรือปลายเดือน ก.ย. แต่ขณะนี้ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วยนั้น จึงได้พูดคุยกับทาง  สส.ตลอด และตนมีความห่วงใยเป็นอย่างมาก  ในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่งรู้สึกว่าครั้งนี้น้ำท่วมหนัก และมีหลายช่วงหลายตอนที่จะต้องลุ้นเรื่องของคนที่ไปติดอยู่ในสถานที่ต่างๆ จึงได้พูดคุยกับทาง สส.และเลขาธิการพรรคว่า วันที่ 24 ส.ค. จะเดินทางไปลงพื้นที่ จ.แพร่และน่าน ร่วมกับทาง สส.

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ในส่วนของภาครัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ จะลงพื้นที่ในวันอาทิตย์ที่ 25 ส.ค. ที่ จ.เชียงราย จะแยกกันอย่างชัดเจน ทั้งนี้ ขอย้ำอีกครั้งว่า ตนจะเดินทางไปในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะไม่มีพิธีการในฐานะนายกฯ ถือว่าไปในนามส่วนตัวและ สส. โดยจะไปดูว่าจะสามารถช่วยพี่น้องประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน และตั้งแต่วันแรกที่ทราบข่าว ได้ส่งแรงใจไปเป็นอันดับแรก และได้พูดคุยกันภายในพรรคตลอด และขณะนี้ สส.ภาคเหนือของพรรคก็อยู่ในพื้นที่

ด้านนายภูมิธรรม ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ได้ติดตามการเร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือขณะนี้ โดยได้รับรายงานจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีว่าได้ดำเนินการจัดหาถุงยังชีพ จำนวน 11,932 ชุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในการดำรงชีพแก่ผู้ประสบอุทกภัยในเบื้องต้นแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการทยอยจัดส่งถุงยังชีพเพื่อแจกจ่ายให้พี่น้องประชาชนในจังหวัดอื่นๆ และจะทยอยความช่วยเหลือเพิ่มเติมลงไปในพื้นที่ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้กับประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งการประเมินความเสียหายทรัพย์สิน บ้านเรือน และพื้นที่ทางการเกษตร เพื่อเยียวยาประชาชนต่อไป ประชาชนสามารถแจ้งเหตุหรือขอความช่วยเหลือได้ที่ ปภ.จังหวัด หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ได้ 24 ชม.

ทั้งนี้ จากสถานการณ์อุทกภัย ช่วงระหว่างวันที่ 16-22 ส.ค.67 มีฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม ในหลายจังหวัดภาคเหนือ ราษฎรได้รับผลกระทบกว่า 15,000 ครัวเรือน บ้านเรือนได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมขังบ้านเรือน รวมทั้งพื้นที่การเกษตรและสิ่งสาธารณประโยชน์ได้รับผลกระทบจำนวนมาก

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยได้รับมอบหมายให้ดูแลในเรื่องของการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ถ้ามีการอพยพเรามีการจัดตั้งศูนย์พักพิงในเขตจังหวัดที่เกิดเหตุน้ำท่วม  ตอนนี้หลักเน้นใน 5 จังหวัดคือ เชียงราย แพร่ น่าน สุโขทัย และพะเยา

ผวจ.อนุมัติงบช่วยได้เลย

นายอนุทินกล่าวว่า หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นในวันที่ 24 ส.ค. ตนจะเข้าไปในพื้นที่ เพื่อสนับสนุนภารกิจต่างๆ ทั้งนี้ โดยหลักการปฏิบัติ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดสามารถจะประกาศเป็นเขตประสบภัย ทำให้อนุมัติเรื่องการช่วยเหลือได้โดยไม่ต้องรอส่วนกลาง และถ้างบประมาณในส่วนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการไปแล้วไม่เพียงพอ เราก็มีงบทดรอง และสามารถใช้งบกลางเข้าไปเสริมในการแก้ไขปัญหา มีอุปสรรคให้น้อยที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการประเมินว่าจะรุนแรงมากกว่าปี 54 หรือไม่ นายอนุทินระบุว่า น่าจะมีการจัดการที่ดีกว่าปี 54 อย่างน้ำที่จะไหลจากพะเยา แพร่ ไปถึงสุโขทัย จะใช้เวลาสองวัน เราต้องรีบไปจัดการในเรื่องของการบริหารเส้นทางน้ำให้เกิดความเสียหายให้น้อยที่สุด

พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก กล่าวว่า ได้สั่งการให้ลงไปในพื้นที่แล้ว โดยได้สั่งการไปทาง พล.ท.ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 ให้เข้าไปกำกับดูแลตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค. และเน้นย้ำให้ใช้ศักยภาพทุกอย่างที่มีอยู่ของทุกหน่วยในพื้นที่เข้าไปดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ

พล.อ.เจริญชัยกล่าวอีกว่า ส่วนภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นภัยพิบัติในระดับสอง ซึ่งในจังหวัดยังสามารถรับมือได้ แต่หากต้องการยุทโธปกรณ์ต่างๆ รวมถึงกำลังพลจากส่วนกลางขึ้นไปช่วยเหลือนั้น ต้องรอการประเมินสถานการณ์จากแม่ทัพภาคที่ 3 หากมีการร้องขอมา เราสามารถสนับสนุนได้ทันที

ผบ.ทบ.ระบุว่า ทางกองทัพบกได้ตั้งวอร์รูม หรือศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.)  ติดตามสถานการณ์โดยเน้นย้ำให้รายงานสถานการณ์ทุกเวลา เช้า-เย็น ช่วงเช้าเวลา 10.00 น. ช่วงเย็นในเวลา 16.00 น. เราใช้ระบบ VTC ประชุมร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 และในทุกกองทัพภาคที่ยังไม่เกิดอุทกภัย โดยได้เน้นย้ำให้บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน อาทิ จังหวัด จิตอาสาภาค กอ.รมน.ภาค รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจและป้องกันภัยจังหวัด

ผบ.ทบ.กล่าวอีกว่า ช่วงเช้าวันที่ 23 ส.ค. ได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 3 ทางภาคเหนือตอนบน จ.เชียงราย พะเยา สถานการณ์เริ่มเบาลง และตอนนี้สถานการณ์นี้ลงมาที่ จ.น่าน และจังหวัดล่างๆ ลงมา ตนได้สั่งการให้เตรียมความพร้อม หากเกิดเหตุสามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ทันที

พล.อ.เจริญชัยกล่าวด้วยว่า ในส่วนการช่วยเหลือประชาชนหลังน้ำลด ทางกองทัพบกได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 3 เปิดศูนย์รับบริจาคสิ่งของเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน หากว่าเปิดที่ศูนย์การหรือกองทัพบกนั้น การขนส่งความช่วยเหลือขึ้นไปมอบให้ค่อนข้างจะลำบาก เพราะฉะนั้นจึงได้สั่งการให้แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นผู้เปิดรับบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ โดยล่าสุดได้รับการประสานงานจากบริษัท บางจาก จำกัด (มหาชน) จะเดินทางมาบริจาคน้ำมันและสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคขึ้นไปมอบให้ที่กองทัพภาคที่ 3

พล.อ.เจริญชัยกล่าวว่า สำหรับส่วนกลางที่กองบัญชาการกองทัพบก ได้มอบให้ พล.ท.อานุภาพ ศิริมณฑล เจ้ากรมกิจการพลเรือน เป็นผู้รับผิดชอบในการดูแลในเรื่องของสิ่งของบริจาค  รวมถึงเครื่องอุปโภคบริโภค สามารถติดต่อเข้ามาบริจาคร่วมกันได้ทุกวัน

นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า แม้รัฐบาลชุดใหม่ยังไม่เริ่มปฏิบัติหน้าที่ แต่รัฐบาลชุดปัจจุบันที่ยังรักษาการ สามารถทำงานได้ มีอำนาจในการสั่งการ เบิกงบประมาณฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือได้ ขอให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน ต้องเร่งประสานความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทันที เพื่อรองรับสถานการณ์น้ำเพื่อป้องกันน้ำไม่ให้ไหลเข้าในพื้นที่ภาคกลาง  ปริมณฑล และกรุงเทพมหานครไว้ล่วงหน้าไม่ให้เกิดผลกระทบหนักในพื้นที่เศรษฐกิจได้

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า วันนี้ในเขตตัวเมืองแพร่น้ำท่วมตามที่คาดการณ์ โดยริมฝั่งแม่น้ำยมกระแสน้ำเร็วและแรงหนักกว่าทุกปี ซึ่งหนักกว่าปี 2554 มาก ขณะนี้ชาวบ้านที่อพยพ เคลื่อนย้ายรถ สัตว์เลี้ยง และเก็บสิ่งของไม่พ้นน้ำ ได้รับความเสียหายกันอย่างหนัก ไม่เกินวันนี้มวลน้ำน่าจะไหลท่วมในเขต อ.ลอง และ อ.วังชิ้นด้วย คาดการณ์ว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ (24 ส.ค.)  จะเข้าศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย และ จ.พิษณุโลก ต่อไป

 “ผมขอย้ำนะครับ ว่าน้ำที่ไหลผ่านพื้นที่แพร่ หนักกว่าปี 54 ขอให้ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง เตรียมรับมือด้วย โดยเฉพาะ จ.สุโขทัย และ จ.พิษณุโลก ที่อยู่ริมน้ำอพยพได้เลยครับ เพราะเพียงแค่เก็บย้ายของน่าจะเอาไม่อยู่แล้ว”

สุโขทัยเตรียมรับมวลน้ำ

นายวรวัจน์กล่าวอีกว่า ระเบียบของกรมป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนต้องรอให้ความเสียหายเกิดขึ้นก่อนแล้วจึงประกาศพื้นที่ประสบภัย โดยมีปัญหาการตีความกับ สตง. ทำให้ประกาศภัยก่อนเกิดเหตุไม่ได้ เรื่องนี้ควรต้องแก้ไขด่วนมากๆ  ครับ ไม่ควรรอให้ความเสียหายเกิดขึ้นก่อนแล้วจึงจะเข้าช่วยเหลือได้นั้น น่าจะไม่เหมาะกับสถานการณ์ ฝากท่านผู้ว่าราชการทุกจังหวัดเตรียมงบประมาณฉุกเฉิน แก้ไขปัญหาเหตุการณ์อุทกภัย ได้มอบหมายให้แต่ละท้องถิ่นเตรียมการป้องกันโดยด่วนครับ

ที่ห้องประชุมสำนักชลประทานที่ 3 อ.เมืองฯ จ.พิษณุโลก นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานในการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคเหนือ โดยช่วงนี้เป็นช่วงที่ร่องฝนพาดผ่าน ทำให้เกิดฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่ภาคเหนือ เกิดอุทกภัยขึ้นในหลายจังหวัด เช่น เชียง ราย พะเยา น่าน แพร่ และจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังน้ำหลาก ได้แก่ แพร่ สุโขทัย พิษณุโลก และพิจิตร โดยปริมาณน้ำขณะนี้ ระดับน้ำที่พีกจุดสูงสุดอยู่ที่ จ.แพร่ ทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้างที่ จ.แพร่ และเริ่มไหลลงสู่ จ.สุโขทัยแล้ว คาดว่าจะหลากมาถึง จ.สุโขทัย ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ โดยการประชุมมีการวางแผนเตรียมการจัดการจราจรทางน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำท่วมในเขตตัวเมืองหรือเขตเศรษฐกิจ

โดยจะมีการตัดยอดน้ำออกไปหลายทาง จากจุดประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ด้วยการผันน้ำไปสู่แม่น้ำน่าน แต่ต้องประสบปัญหา เนื่องจากมีทางรถไฟกีดขวางทางน้ำอยู่ ในเขต อ.ศรีนคร น้ำจึงระบายไปได้ประมาณ 100 คิวเท่านั้น ที่ประชุมจึงขอให้สำนักชลประทานที่ 4 ประสานไปยังการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อขอขุดขยายให้น้ำผ่าน เราจะสามารถผันน้ำไปได้เพิ่มมากถึง 300 คิว  อีกทางหนึ่ง จะผันน้ำไปสู่คลองหกบาท เข้าสู่แม่น้ำยมสายเก่า หรือคลองเมม แล้วผันเข้าสู่ทุ่งบางระกำโมเดล ซึ่งกำหนดให้ผันเข้าไปแค่ 30-40 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพื่อคงสภาพพื้นที่ว่างไว้รับน้ำระลอกใหม่ อีกทั้งยังขอให้มีการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรที่ยังมีพืชผลทางการเกษตรที่ปลูกอยู่ในพื้นที่ทุ่งบางระกำโมเดลฝั่งขวา ประมาณ 2 แสนไร่ ได้เก็บเกี่ยวผลผลิตก่อนจะเสียหายด้วย ซึ่งจะมีกำลังพลจากกองทัพภาคที่ 3 เข้าไปช่วย 

นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สำหรับแผนรับมือในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของเมืองเชียงใหม่ ที่รับน้ำจากดอยสุเทพ ได้ประสานโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตง วางแผนดำเนินการจัดจราจรน้ำในคลองส่งน้ำสายใหญ่ บริเวณอาคารอัดน้ำเชค 17 ซึ่งยังสามารถรองรับน้ำได้อีกมากหากเกิดฝนตกหนักบนดอยสุเทพ

นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เผยว่า ได้สั่งการให้จัดตั้งศูนย์ CMFORCE : ศูนย์ป้องกันและบรรเทาอุทกภัยเฉพาะกิจเทศบาลนครเชียงใหม่ขึ้น โดยให้ผู้อำนวยการสำนักช่าง เป็นผู้อำนวยการศูนย์ดังกล่าว เพื่อเตรียมรับสถานการณ์หากเกิดน้ำท่วมในเขตพื้นที่เทศบาล ทั้งนี้ ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านเขตเมืองหรือเทศบาลนครเชียงใหม่ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่ได้ล้น ยังห่างจุดวิกฤตอีกมาก จึงขอให้ประชาชนตื่นตัว แต่อย่าตื่นตระหนก รับฟังข่าวสารจากศูนย์ราชการที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากมีข้อมูลที่มีทั้งจริงและไม่จริงถูกแชร์อยู่ในขณะนี้เป็นจำนวนมาก

มส.ระดมช่วยเหลือ

พระธรรมวชิโรดม เจ้าคณะภาค 6 กล่าวว่า  ได้สั่งการให้รองเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ ฝ่ายสาธารณสงเคราะห์จังหวัด และเจ้าคณะผู้ปกครองทุกระดับในพื้นที่ประสบภัย เร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง โดยมีแนวทางการช่วยเหลือที่สำคัญดังนี้  1.จัดตั้งโรงทานในวัดต่างๆ เพื่อแจกจ่ายอาหาร  น้ำดื่ม และเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นแก่ผู้ประสบภัย 2.ใช้วัดที่ไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเป็นสถานที่รองรับผู้ประสบภัย โดยจัดเตรียมพื้นที่ให้เป็นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับประชาชนที่ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน 3.จัดตั้งศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ ในวัด เพื่อเป็นจุดกลางในการรับแจ้งความเดือดร้อน ประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ตลอดจนรับบริจาคสิ่งของเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อไป

สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพน ในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ ของมหาเถรสมาคม ได้สนับสนุนให้จัดตั้งโรงทานเพื่อประกอบอาหารถวายพระภิกษุสามเณรและเกื้อกูลเยียวยาประชาชน พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค น้ำดื่ม ยาเวชภัณฑ์ ในพื้นที่ประสบอุทกภัย

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอเมืองน่าน จ.น่าน ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แม้ระดับน้ำจะเริ่มทรงตัวและลดลงเล็กน้อย แต่ขยายแผ่กว้างออกไปในหลายจุด ทุกพื้นที่ยังเต็มไปด้วยน้ำที่ทะลักท่วมมาตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 22 ส.ค. โดยน้ำได้ท่วมขยายวงกว้างออกไปจากริมแม่น้ำน่านราว 3 กิโลเมตร เข้าท่วมใน 23 ชุมชนของเขตเทศบาลเมืองน่าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเดือดร้อน ถูกน้ำท่วมขังรวมกว่า 2,000 หลังคาเรือน บางจุดโดยเฉพาะบ้านเรือนที่อยู่ใกล้ริมแม่น้ำน่าน ระดับน้ำยังท่วมขังสูงกว่า 2  เมตร นอกจากนี้ น้ำยังผุดออกท่อระบายน้ำเข้าท่วมโรงพยาบาลน่านแล้วบางส่วน ซึ่งเป็นบริเวณที่ต่ำสุดของโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเก็บของและเอกสารผู้ป่วยหนีน้ำ แต่ยังไม่กระทบกับผู้ที่เข้ามารับการรักษา โรงพยาบาลยังคงเปิดบริการตามปกติ ซึ่งโรงพยาบาลได้เตรียมแผนรับมือไว้พร้อมแล้วหากสถานการณ์แย่กว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม แม้ระดับน้ำเริ่มทรงตัวและลดลงไปเล็กน้อย แต่ยังคงสูงอยู่ที่ 8.50 เมตร ซึ่งก็ปริ่มพอดีกับพนังกั้นน้ำ ทำให้วันนี้โรงเรียนยังประกาศปิดการเรียนการสอน รวมถึงธนาคาร ร้านค้าปิดให้บริการไปโดยปริยาย

นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า ได้วางแผนให้สำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดใกล้เคียงกับจังหวัดที่ประสบน้ำท่วมในการดูและประสานความช่วยเหลือร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ รวมถึงศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน Fix it Center ในการเตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือและการฟื้นฟูเยียวยา เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ในการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องยนต์ เครื่องจักรกลการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย พร้อมจัดหน่วยให้บริการอาหารแจกผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ สอศ.จะดูแลนักเรียน นักศึกษา ครูและบุคลากร รวมถึงประชาชนอย่างเต็มที่ และได้กำชับให้สถานศึกษาติดตามสถานการณ์ และคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยให้ประเมินจากสถานการณ์ในพื้นที่.