20ปีที่เฝ้ารอคอย ศาลประทับฟ้อง 7จนท.คดีตากใบ

ศาลนราธิวาสประทับรับฟ้องคดีตากใบแล้ว เอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐ 7 ราย ทั้งทหาร-ตำรวจ-ข้าราชการ ยกฟ้อง 2 ราย นัดสืบพยาน 12 ก.ย.นี้  “รอมฎอน-แอมเนสตี้” ชี้เป็นข่าวดีหลังรอคอยมา 20 ปี

เมื่อวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2567 ที่ศาลจังหวัดนราธิวาส ศาลนัดฟังคำสั่งคดี อ 578/2567 ที่ น.ส.ฟาตีฮะห์ ปะจูกูเล็ง ผู้แทนนายอาแวเลาะ ปะจูกูเล็ง ผู้ตายที่ 1 กับพวก รวม 48 คน เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตเเม่ทัพภาคที่ 4   กับพวก รวม 9 คน จำเลย ข้อหาหรือฐานความผิดฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยทารุณโหดร้าย,  พยายามฆ่า, หน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง, ข่มขืนใจ โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายและเสรีภาพ จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่ สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส หรือคดีตากใบ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2547 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 78 คน

โดยภายหลังโจทก์นำพยานขึ้นไต่สวนมูลฟ้อง  ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่ามีมูล มีคำสั่งประทับฟ้อง  ในส่วนจำเลยที่ 1, 3-6 และ 8, 9 มีมูลความผิดในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 83 มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80, 83 มาตรา 310 วรรคสอง ประกอบมาตรา 290, 83 ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา และให้ยกฟ้องในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นรับอันตรายสาหัสโดยกระทำทารุณโหดร้าย และยกฟ้องจำเลยที่ 2 เเละ 7 เเละนัดสอบคำให้การจำเลยและตรวจพยานหลักฐานเพื่อกำหนดวันนัดสืบพยาน ในวันที่ 12 ก.ย.2567 ซึ่งเป็นการรับฟ้องก่อนที่คดีจะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.2567

สำหรับคดีนี้จำเลยที่ถูกยื่นฟ้องทั้ง 9 ประกอบด้วย จำเลยที่ 1 พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ปัจจุบันเป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.), จำเลยที่ 2 พล.ท.สินชัย นุตสถิตย์  อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 4 (ยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง), จำเลยที่ 3 พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร ยศในขณะนั้น อดีตผู้บัญชาการ พล.ร.5, จำเลยที่ 4 พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า และเป็นอดีต สว., จำเลยที่ 5 พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์  ยศขณะนั้น ในฐานะอดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และเป็นอดีต สว., จำเลยที่ 6 พล.ต.ต.ศักดิ์สมหมาย พุทธกุล อดีตผู้กำกับ สภ.อ.ตากใบ ในขณะนั้น, จำเลยที่ 7 พ.ต.อ.ภักดี ปรีชาชน อดีตรองผู้กำกับ สภ.อ.ตากใบ ปัจจุบันเป็น รอง ผบก.ภ.จว.ปัตตานี (ยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง), จำเลยที่ 8 นายศิวะ แสงมณี ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และจำเลยที่ 9 นายวิชม ทองสงค์ ขณะนั้นเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส

นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชช.) ซึ่งร่วมสังเกตการณ์การอ่านคำสั่งไต่สวนมูลฟ้องคดีตากใบ กล่าวว่า นี่คือโอกาสครั้งสำคัญในการพิสูจน์ตัวเองของกระบวนการยุติธรรมไทย ว่าจะคืนความเป็นธรรมให้ประชาชนได้หรือไม่ หลังจากรอคอยมายาวนานเกือบ 20 ปี และหวังว่าจำเลยทุกคนจะให้ความร่วมมือเข้ามาพิสูจน์ตัวเองในชั้นศาลต่อไป

ด้านนายชนาธิป ตติยการุณวงศ์ นักวิจัยประจำประเทศไทย แอมเนสตี้  อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่า คำตัดสินของศาลในวันนี้ นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญเพื่อคืนความยุติธรรมที่ควรเกิดขึ้นมานานแล้วสำหรับผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อการใช้กำลังจนเกินขอบเขตของเจ้าหน้าที่ ระหว่างการสลายการชุมนุมที่ด้านหน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ ทำให้ผู้เสียหายและครอบครัวได้ใช้เวลาเกือบ 20 ปี เพื่อรอความยุติธรรมและความรับผิดชอบจากอาชญากรรมที่โหดร้ายครั้งนี้

“ทางการไทยต้องเร่งดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลโดยทันที และใช้มาตรการทั้งปวงที่จำเป็น เพื่อประกันไม่ให้คดีนี้ต้องหมดอายุความไป ทางการต้องรับรองให้ผู้เสียหายและครอบครัวของพวกเขาสามารถเข้าถึงความยุติธรรมและการเยียวยาอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังต้องมีการประกาศยอมรับอย่างเป็นทางการถึงความจริงเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนซึ่งเกิดขึ้นในเหตุการณ์ตากใบ”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘อุ๊งอิ๊ง’ แจ้นตรวจนํ้าท่วม ชาวบ้านลำบากแต่ยิ้มได้

นายกฯ อิ๊งค์ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมภาคเหนือ เสียงสั่นเครือเห็นใจชาวบ้านยังคงลำบากไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่ชาวบ้านยังยิ้มแย้ม ดีใจและโบกมือให้

โวเลือกตั้งซ่อม ‘เพื่อไทย’ มาแน่ กระแส ‘อิ๊งค์’ พุ่ง

"สมศักดิ์" โวลั่น! เลือกตั้งซ่อมพิษณุโลกเขต 1 กระแสเพื่อไทยสูง เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ หลัง "อุ๊งอิ๊ง" เป็นนายกฯ ตอนนี้มันเปลี่ยนแล้ว กระแสพรรคประชาชนหดหาย

คนเยอะกว่าเก้าอี้! ‘ภูมิธรรม’ ยอมรับบางรายเสนอชื่อไปแล้วเกรงมีปัญหาจริยธรรม

"ภูมิธรรม" เผยตั้งรัฐบาลยังไม่สะเด็ดน้ำ ไทยอยู่ในกระบวนการที่กำลังดูกันอยู่ เพราะคนเยอะกว่าตำแหน่ง ยอมรับตรวจเข้มกลัวมีปัญหาในเชิงจริยธรรม ว่าที่ รมต.ทยอยส่งประวัติ