เคาะ15ก.ย.เลือกตั้งซ่อม จี้สอบปชช.รับเงินบริจาค

กกต.เคาะแล้วเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก แทน "หมออ๋อง" 15 ก.ย.นี้ เปิดรับสมัคร 21-25 ส.ค. "ราเชน" จี้ กกต.ตอบชัดปมไฟเขียว "พรรคประชาชน" ใช้บัญชีกลางรับบริจาคเงินแล้วค่อยส่งเงินเข้าบัญชีพรรค ทำได้หรือไม่ หวั่นบุคคลต้องห้ามต่างด้าว-อายุ 16 ปะปนบริจาค ขอ กกต.ใช้อำนาจเรียกเอกสารสอบเร่งด่วน

เมื่อวันจันทร์ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีการจัดประชุมประจำสัปดาห์ โดยมีวาระการพิจารณาเรื่องกำหนดวันรับสมัครและวันรับเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขตเลือกตั้งที่ 1 แทนตำแหน่ง หรือแทนนายปดิพัทธ์ สันติภาดา หรือหมออ๋อง ซึ่งพ้นจากตำแหน่ง สส.เนื่องจากถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล พร้อมกับตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี เนื่องจากมีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองและเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครอง ตามพระราชบัญญัติ​ประกอบ​รัฐธรรมนูญ​ (พ.ร.ป.)​ ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92

โดยที่ประชุม กกต.กำหนดให้มีการรับสมัครผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส.พิษณุโลก เขต 1 ระหว่างวันที่ 21-25 ส.ค. 2567 และกำหนดวันลงคะแนนเลือกตั้งซ่อมในวันอาทิตย์ที่ 15 ก.ย. 2567

​ วันเดียวกัน นายราเชน ตระกูลเวียง หัวหน้าพรรคทางเลือกใหม่ ยื่นหนังสือถึงประธาน กกต.ให้ตรวจสอบข้อสงสัย เนื่องจากพรรคประชาชนออกมาแถลงว่ามีการบริจาคเงินผ่านบัญชีคนกลาง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วพรรคการเมืองจะมีบัญชี 3 บัญชี คือ บัญชีพรรคการเมือง, บัญชีที่รับบริจาค และบัญชีขอเงินอุดหนุน โดยนายราเชนกล่าวว่า ตามปกติหากประชาชนประสงค์ที่จะบริจาคเงินให้พรรคการเมือง สามารถบริจาคเข้าโดยตรงที่บัญชีของพรรคการเมืองที่เปิดกับธนาคารพาณิชย์โดยทั่วไป เมื่อเปิดบัญชีกับธนาคารพาณิชย์แล้ว ภายใน 7 วันพรรคการเมืองจะต้องส่งบัญชีให้ กกต.เป็นหลักฐาน ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติโดยทั่วไปของพรรคการเมืองอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดกรรมการบริหารพรรคประชาชนออกมาแถลงว่า การบริจาคเงินของพรรคประชาชนต้องผ่านบริษัทกลาง หรือบัญชีกลางก่อน แล้วถึงจะบริจาคเงินให้บัญชีของพรรค

"จึงตั้งข้อสังเกตและข้อสงสัยว่า ทำไมจึงต้องบริจาคผ่านบัญชีกลางก่อนมีบริษัทกลาง แล้วค่อยนำส่งเงินให้บัญชีของพรรคประชาชน ดังนั้นบัญชีที่เป็นบัญชีกลางจะตรวจสอบการโอนเงินได้อย่างไร และตรวจสอบได้หรือไม่ จึงขอให้ กกต.ดำเนินการ อีกทั้งในการตรวจสอบบัญชีสามารถตรวจสอบลงลึกว่ามีบุคคลต้องห้ามในการบริจาคให้พรรคการเมืองหรือไม่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 24 ที่ระบุว่า บุคคลต่างด้าวที่ไม่ใช่สัญชาติไทยถือว่าเป็นข้อห้ามในการที่จะบริจาคให้พรรคการเมือง เพื่อความโปร่งใสในการดำเนินการของพรรคการเมือง"

นายราเชนกล่าวต่อว่า พรรคประชาชนได้ทำหนังสือสอบถามถึง กกต.และ กกต.อนุญาต ตนจึงตั้งประเด็นนี้เพื่อสอบถาม กกต.ว่า ถ้าบัญชีแบบนี้สามารถทำได้หรือไม่  และ กกต.อนุญาตได้อย่างไร แล้ววิธีการตรวจสอบ กกต.จะตรวจสอบกับธนาคารพาณิชย์ที่เปิดบัญชีได้อย่างไร หากมีบุคคลต้องห้ามในการบริจาคเงินให้พรรคการเมือง แต่เป็นบัญชีที่ถูกกลั่นกรองมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงอยากให้กกต.ทำความกระจ่างแก่สาธารณชน โดยการตรวจสอบว่ามีบุคคลต้องห้ามได้บริจาคให้พรรคการเมืองหรือไม่ ถ้ามีการบริจาคก็ถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น กกต.ต้องเร่งดำเนินการให้กระจ่าง

"ตามที่เขาแถลงบอกว่าได้ทำเรื่องขออนุญาต กกต.แล้ว แต่วิธีปฏิบัติทั่วๆ ไปผมเชื่อได้ว่าไม่มีพรรคการเมืองไหนเขาถาม เพราะปกติแล้วจะโอนให้พรรคการเมืองโดยตรงเลย เพราะบัญชีที่เปิดมาทุกบัญชี ไม่ว่าจะเป็นบัญชีอุดหนุน บัญชีเงินบริจาค บัญชีสมาชิก เขาจะต้องระบุชัดเจนเลยว่าเปิดบัญชีเพื่ออะไร แล้วทุกเดือนจะต้องไปอัปเดต และทุกปีต้องทำงบดุล แล้วต้องส่งให้ กกต.ตรวจสอบทุกเดือน และการที่มีบัญชีกลางแบบนี้ ผมก็เพิ่งทราบว่ามีบัญชีกลางในการรับบริจาคก่อนกรรมการบริหารพรรคประชาชนได้แถลง จึงตั้งข้อสังเกตเพื่อให้ กกต.ดำเนินการอย่างถูกต้องและตรงไปตรงมา เพราะเกรงว่าจะมีบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติในการบริจาคให้พรรคการเมืองปะปนอยู่ด้วย เพราะก่อนหน้านี้ก็มีบุคคลที่มีอายุแค่ 16 ปีเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ทั้งที่ตามกฎหมายกำหนดจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ดังนั้นก็อาจมีประเด็นเหล่านี้หลุดเข้าไปได้เหมือนกันไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ จึงจำเป็นต้องยื่น กกต.ตรวจสอบโดยด่วน" นายราเชนกล่าว

นายราเชนกล่าวอีกว่า อยากให้ กกต.ชี้แจงว่าพรรคการเมืองมีอำนาจทำได้หรือไม่ตามที่ได้กล่าวอ้าง ถ้าทำได้จริงประเด็นต่อมาคือ การจะตรวจสอบบัญชีเหล่านั้นสามารถทำได้หรือไม่ เพราะตอนนี้มีข้อกำหนดว่าจะต้องส่งบัญชีให้ กกต.ตรวจสอบ และ กกต.มีอำนาจทางกฎหมายที่จะเรียกตรวจสอบบัญชีบุคคลภายนอกหรือไม่ และบัญชีกลางสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ว่า มีบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติที่จะสนับสนุนเงินบริจาคให้พรรคการเมือง ซึ่งมองว่าทั้ง 2 ประเด็นเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะประเด็นที่มีบุคคลต้องห้ามบริจาคเข้ามาหรือไม่ จึงต้องเร่งตรวจสอบโดยด่วน

เมื่อถามว่า บุคคลที่มีอายุ 16 ปีสามารถบริจาคเงินให้พรรคการเมืองได้หรือไม่ นายราเชนกล่าวว่า จะต้องไปตรวจสอบและจะต้องไปดูข้อกฎหมายว่าอายุ 16 ปีสามารถบริจาคเงินได้หรือไม่ โดยบริจาคในลักษณะไหนอย่างไร โดยกฎหมายวางกรอบไว้ค่อนข้างชัดเจนว่าทุกอย่างต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ จึงขอให้ กกต.ตรวจสอบลงลึกในรายละเอียด กกต.มีกฎหมายว่าจะลงโทษสั่งปรับ โดยมีมาตรการจากเบาไปหาหนักอยู่แล้ว ปรับตั้งแต่ 50,000 บาท หรือวันละ 1,000 บาท จนกว่าจะปรับปรุงให้แล้วเสร็จแล้วแต่ประเด็น ส่วนจะยุบพรรคหรือไม่อยู่ที่กฎหมายของ กกต. เรื่องนี้ กกต.จะต้องดำเนินการทันที  แล้วต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ภายใน 3 วันถึง 7 วันด้วยซ้ำ เพราะเป็นเรื่องไม่ยาก ก็ขอให้ กกต.ใช้อำนาจเรียกเอกสารแล้วตรวจสอบว่ามีบุคคลต้องห้ามหรือไม่ ถ้ามีบุคคลต้องห้ามต้องดำเนินการทันที.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พปชร.แตก!ถีบป้อม ธรรมนัสโชว์สส.29+5 แม้วเคาะกะลา‘ปชป.’

"พท." ชื่นมื่นจัดเซอร์ไพรส์วันเกิด "อิ๊งค์" ล่วงหน้า "นายกฯ" ย้ำต้องสกรีนคุณสมบัติรัฐมนตรีให้เข้ม แย้ม รมต.เพื่อไทยรอสรุป 1-2 วันนี้

พ่อนายกฯไฟเขียวแจกดิจิทัล

“ทักษิณ” ปูดบอกเดินผ่านได้ยิน  “อุ๊งอิ๊ง” คุยเดินหน้าแจกหมื่นแน่ แต่อาจปรับรูปแบบ บอกตอนนี้การเรียนรู้เรื่อง “ดิจิทัล” ไม่รีบ