ราชทัณฑ์โต้ปม ครม.แก้เกณฑ์ขออภัยโทษ ไม่เกี่ยว "ทักษิณ" ชี้พ้นโทษสิ้นเดือนนี้ ไม่อยู่บัญชีผู้ต้องขังอภัยโทษทั่วไปปี 67 “ปธ.วิปรัฐบาล” โบ้ย “ภท.” ยังไม่ส่งชื่อ “รองประธานสภาฯ คนที่ 1” คาดสัปดาห์หน้ารู้เรื่อง พท.ยันไร้ปัญหาภูมิใจไทยค้าน กม.กาสิโน เชื่อเคลียร์ข้อข้องใจได้แน่ "กกต." แจงสถานะ "ประชาชน" สาขาไม่ครบยังมีสภาพเป็นพรรค ชี้รับบริจาคออนไลน์ได้ เตือนผู้บริจาคต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ผิดถึงขั้นยุบพรรค
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม นพ.สมภพ สังคุตแก้ว รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงกรณีมีข่าวว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 13 ส.ค. ได้มีการประชุมลับหารือวาระจร ที่กระทรวงยุติธรรมเสนอเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษสำหรับบุคคลบางกรณีว่า การประชุมดังกล่าว กระทรวงยุติธรรมได้เสนอวาระจรเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป อภัยโทษหมู่เนื่องในวาระมหามงคล ไม่ใช่หลักเกณฑ์การขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย โดยปกติแล้วจะมีการกำหนดรายละเอียดต่างๆ ลงในประกาศพระราชกฤษฎีกา โดยระบุเป็นรายมาตรา ซึ่งจะแตกต่างกันออกไป อาทิ คุณสมบัติของผู้ต้องราชทัณฑ์ ว่าต้องเป็นผู้ต้องขังจากรายคดีใด ผู้ต้องขังเด็ดขาดชั้นใด ต้องรับโทษจำคุกมาแล้วกี่ปี และเหลือโทษเท่าไร อีกทั้งจะมีการระบุรายละเอียดการพ้นโทษด้วยว่าจะให้เป็นผลอย่างไร เช่น ให้ผู้ต้องขังรับโทษจำคุกต่อไปเหลือกี่ปี (ลดโทษ) หรือให้พ้นโทษทันที
ทั้งนี้ ตามขั้นตอนแล้ว ในวาระวันมหามงคล กรมราชทัณฑ์ โดยเรือนจำ ทัณฑสถานทั่วประเทศ จะมีการจัดทำสำรวจรายชื่อและคุณสมบัติของผู้ต้องขังที่มีเกณฑ์เบื้องต้น เข้าข่ายอาจได้รับการพิจารณาอภัยโทษเป็นการทั่วไป ซึ่งยังไม่ทราบจำนวนผู้ต้องขังที่มีเกณฑ์ได้รับการอภัยโทษเป็นการทั่วไป เนื่องจากขณะนี้เรือนจำและทัณฑสถานต่างๆ ยังอยู่ระหว่างรวบรวมรายชื่อผู้ต้องขังเพื่อส่งมายังกรมราชทัณฑ์รับทราบ
อีกทั้งในที่ประชุมของ ครม.ยังไม่ปรากฏรายละเอียดของประกาศกฤษฎีกา ว่าจะมีการพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไปหรือไม่ ส่วนเกณฑ์การอภัยโทษเป็นการทั่วไปในชั้น ครม.ที่ใช้พิจารณากัน มักจะมีการกำหนดคุณสมบัติผู้ต้องขังลงในกฤษฎีกา ดังนี้ เป็นผู้ต้องขังโทษเหลือน้อยไม่ถึงปี, เป็นผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย, เป็นผู้ต้องขังที่รับโทษจำคุกมาแล้ว 1 ใน 3, เป็นผู้ต้องขังชั้นดี, เป็นผู้ต้องขังที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีแนบท้าย เป็นต้น จากนั้นกรมราชทัณฑ์ โดยเรือนจำและทัณฑสถาน จึงจะนำคุณสมบัติที่ปรากฏในกฤษฎีกาไปทำการค้นหาผู้ต้องขังที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว เพื่อดำเนินการตามสิทธิประโยชน์ของผู้ต้องขัง ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยตัวพ้นโทษ หรือการลดโทษ ส่วนของรายคดีที่ได้รับการยกเว้นไม่เข้าหลักเกณฑ์อภัยโทษเป็นการทั่วไป ได้แก่ คดียาเสพติดร้ายแรง คดีเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย (คดีอุกฉกรรจ์) คดีที่ผู้ต้องขังรายนั้นๆ ยังอยู่ระหว่างกระบวนการยื่นอุทธรณ์หรือฎีกา
กรมคุกโต้ไม่เกี่ยวทักษิณ
เมื่อถามว่า กรณีของพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 70 พรรษา 28 กรกฎาคม 2565 ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พ.ศ.2565 พบว่า มาตรา 3 บางวรรค ระบุถึงผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ กรณีนี้เข้าเกณฑ์สอดคล้องกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ หากภายในปี 2567 มีพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไปนั้น นพ.สมภพกล่าวว่า นายทักษิณกำลังจะครบกำหนดพักการลงโทษ และจะพ้นโทษในสิ้นเดือน ส.ค.นี้ ซึ่งอภัยโทษเป็นการทั่วไปจะไม่มีผลใดๆ กับนายทักษิณ
ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงวาระการเลือกรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แทนนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ว่าการนำเรื่องบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระ เป็นหน้าที่ของวิปรัฐบาล ไม่ว่าข้อกฎหมายของรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน หรือญัตติต่างๆ ต้องผ่านที่ประชุมวิปฯ แต่วันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่ได้รับเอกสารอะไรเลย ว่าให้ดำเนินการเลือกวันนี้ (14 ส.ค.) ซึ่งจริงๆ วิปฯ พร้อมดำเนินการ และพรรคภูมิใจไทยไม่ได้พูดอะไร โดยต้องมีเอกสาร หรือหัวหน้าพรรคนั้นๆ ต้องแจ้งมาทางวิปรัฐบาลว่าจะส่งใคร ทั้งนี้ ยังคงมีเวลาอยู่ อาจเป็นสัปดาห์หน้า หากส่งเรื่องมา ตนพร้อมที่จะบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระได้ทันที ไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อถามถึงกระแสข่าวการเปลี่ยนตัวนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ได้ยินเหมือนที่สื่อมวลชนพูด มีคนมาเล่าให้ฟัง แต่ยังไม่ได้ยินจากปากของประธานสภาฯ ถ้าประธานสภาฯ บอกตน ถึงยืนยันได้ ตำแหน่งประธานฯ หรือรองประธานสภาฯ จะออกได้มี 2 ทางคือ ลาออกกับเสียชีวิต กรณีอื่นๆ ไม่ว่ารัฐบาลหรือใคร จะไปปลดไม่ได้ วันนี้ยังเห็นประธานสภาฯ ทำหน้าที่อยู่
นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เปิดเผยถึงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) พ.ศ.. … ว่าปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการหารือ ซึ่งรัฐบาลจะมีการพิจารณาร่วมกันเพื่อหาทางออก เพราะพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการของสมาชิกรัฐสภาแล้ว ส่วนที่พรรคภูมิใจไทยมีความเห็นไม่ตรงกับรัฐบาลในหลายประเด็นนั้น เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะหน่วยงานที่รับผิดชอบพร้อมชี้แจงในรายละเอียดทุกอย่าง รวมทั้งจะต้องมีการหารือเป็นการภายในกับพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค เพื่อนำเสนอข้อมูลทุกด้านที่ยังคงมีความเคลือบแคลงสงสัย เชื่อว่าหลังจากที่ได้มีการพูดคุยกันจะได้ข้อยุติอย่างแน่นอน
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง และนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวกรณีที่มีการยื่นให้ กกต.ตรวจสอบการตั้งสาขาพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ที่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นพรรคประชาชน ว่าในอดีตมีการจัดตั้งครบ 4 สาขาในแต่ละภาค เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 1 ปีจริงหรือไม่ ว่าตามกฎหมายแล้วความเป็นพรรคการเมืองมีอยู่ 3 ลักษณะ 1.ความเป็นพรรคการเมืองเกิดขึ้นทันทีในวันที่จดทะเบียนจัดตั้ง ซึ่ง ณ เวลานั้นพรรคอาจยังไม่มีสาขาพรรค มีสมาชิกไม่ครบ แต่พรรคสามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆ ได้ทันที รวมถึงสามารถรับบริจาคได้ โดยพรรคจะต้องหาสมาชิกพรรคให้ได้ไม่น้อยกว่า 5,000 คน และจัดตั้งสาขาพรรคการเมืองอย่างน้อยภาคละ 1 สาขาภายในกำหนดเวลา 1 ปี
'ปชช.' มีสถานะเป็นพรรค
2.พรรคที่มีความสมบูรณ์ คือมีสมาชิก มีสาขาพรรคครบตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดภายในระยะเวลา 1 ปี และ 3.พรรคที่ดำเนินกิจการไปแล้วอยู่ๆ สาขาพรรคหาย จากหลายสาเหตุ เช่น สมาชิกไม่ครบ ก็ขอยกเลิกสาขาพรรค แต่กฎหมายให้เวลาจัดตั้งสาขาพรรคในส่วนที่ขาดให้ครบ 4 ภาค ภายใน 1 ปี กรณีของพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล เมื่อวันที่ 4 เม.ย.67 มีหนังสือแจ้งนายทะเบียนพรรคการเมืองขอยกเลิกสาขาพรรค 3 แห่ง เหลือเพียงสาขาภาคเหนือที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อกฎหมายให้เวลาจัดตั้งสาขาให้ครบภายใน 1 ปี คือภายในวันที่ 3 เม.ย.68
"ดังนั้นความเป็นพรรคการเมืองยังคงอยู่ เมื่อพรรคก้าวไกลซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคและสมาชิกย้ายมาอยู่พรรคถิ่นกาขาวชาววิไลแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน ไม่ว่าพรรคจะมีสาขาพรรคครบหรือไม่ ก็ยังคงดำเนินกิจการต่อไปได้ โดยผู้บริหารพรรคชุดใหม่ที่เข้ามาก็ต้องมาจัดตั้งสาขาพรรคให้ครบตามเงื่อนไขภายใน 1 ปี ที่กฎหมายเปิดโอกาสให้ ซึ่งเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา พรรคก็มีการแจ้งการจัดตั้งสาขาพรรคเพิ่มเติมมายังนายทะเบียนฯ แล้ว นายทะเบียนพรรคการเมืองมีหน้าที่ควบคุมการดำเนินกิจการของพรรคให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งนายทะเบียนฯ จะรู้อยู่ตลอดเวลาว่าพรรคไหนมีการเพิ่มลดสมาชิก มีการจัดระดมทุน สาขาพรรคขาด ซึ่งก็จะมีการแจ้งเตือนก่อนครบกำหนดเวลา จึงไม่ต้องมาตรวจสอบย้อนหลังอะไร" นายแสวงระบุ
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า พรรคประชาชนยังไม่มีบัญชีธนาคารของพรรค ผู้รับเงินไม่ใช่พรรค และรับบริจาคโดยวิธีออนไลน์ ผิดกฎหมายหรือไม่นั้น นายแสวงกล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริงก่อน กฎหมายกำหนดว่าเมื่อพรรคการเมืองรับบริจาคต้องรายงานนายทะเบียนพรรคการเมืองทราบภายใน 15 วัน ในส่วนบัญชีธนาคารของพรรคการเมือง ธนาคารจะไม่ออกเล่มบัญชีให้จนกว่าพรรคการเมืองนั้นจะได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ที่ผ่านมาพรรคการเมืองที่จะตั้งขึ้นใหม่จะประสบปัญหานี้ไม่สามารถนำเงินที่เป็นทุนประเดิมจัดตั้งพรรคเข้าบัญชีได้ แต่ในส่วนของพรรคประชาชน เปลี่ยนชื่อมาจากพรรคถิ่นกาขาวฯ จึงมีบัญชีธนาคารของพรรคเดิม ซึ่งต้องดูข้อเท็จจริงว่าเขารับบริจาคผ่านเข้าบัญชีนี้หรือไม่ หรือเงินบริจาคเข้าบัญชีชื่ออื่นเพราะอะไร
เลขาธิการ กกต.ยังอธิบายด้วยว่า วิธีการรับบริจาคกฎหมายไม่ได้เขียนไว้ ต้องดูว่าข้อบังคับพรรคเขียนอย่างไร ถ้าเขียนว่ารับบริจาคออนไลน์ได้ แต่ก็ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมายด้วย ทั้งนี้ เมื่อได้รับบริจาคไม่น้อยกว่า 5,000 บาท จะต้องมีการออกใบเสร็จให้กับผู้บริจาคภายใน 7 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด และแต่ละเดือนต้องติดประกาศรายชื่อผู้บริจาคให้ประชาชนทราบ รวมถึงแจ้งนายทะเบียนทราบด้วย ที่สำคัญการรับบริจาคไม่ว่าจะรับเงินสดหรือออนไลน์ พรรคต้องตรวจสอบคุณสมบัติผู้บริจาคด้วยว่าเป็นบุคคลที่กฎหมายห้ามพรรคการเมืองรับบริจาคหรือไม่ เพราะตรงนี้มีโทษถึงขั้นยุบพรรค
เมื่อถามว่า มีการคัดค้านไม่ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตอบรับการเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน นายแสวงกล่าวว่า กฎหมายพรรคการเมืองกำหนดหลักเกณฑ์การใช้ชื่อ ชื่อย่อ ภาพเครื่องหมายของพรรคการเมืองไว้ชัดเจนอยู่แล้ว นายทะเบียนฯ ต้องพิจารณาอยู่บนหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด จะใช้ความรู้สึกมาพิจารณาไม่ได้ ซึ่งขณะนี้ทางพรรคยังไม่ได้ส่งเรื่องดังกล่าวมา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พปชร.ขับก๊วนธรรมนัส ตัดจบที่ดิน‘หวานใจลุง’
"บิ๊กป้อม" ไฟเขียว พปชร.มีมติขับ 20 สส.ก๊วนธรรมนัสพ้นพรรค "ไพบูลย์" เผยเหตุอุดมการณ์ไม่ตรงกัน
พ่อนายกฯเคลียร์MOUสยบม็อบ
อิ๊งค์พร้อม! จัดชุดใหญ่แถลงผลงานรัฐบาล ลั่นรอจังหวะไปตอบกระทู้
รบ.อิ๊งค์ไม่มีปฏิวัติ! ทักษิณชิ่งสั่งยึดกองทัพ เหน็บอนุทินชิงหล่อเกิน
"ทักษิณ" โบ้ยไม่รู้ "หัวเขียง" ชงแก้ร่าง กม.จัดระเบียบกลาโหม
ศาลรับคำร้อง ให้สว.สมชาย หยุดทำหน้าที่
ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง “สมชาย เล่งหลัก” หยุดปฏิบัติหน้าที่ สว.
คิกออฟแพ็กเกจแก้หนี้ ลุ้นบอร์ดขึ้นค่าแรง400
นายกฯ เผยข่าวดี ครม.คลอดชุดใหญ่แก้หนี้ครัวเรือน "คลัง-แบงก์ชาติ"
เร่งตั้ง‘สสร.’ให้ทันปี70
รัฐสภาจัดงานวันรัฐธรรมนูญคึกคัก แต่พรรคประชาชนเมินเข้าร่วม