แห่ร้องยุบ‘พรรคปชช.’ ‘ซี้ทอน’อ้างกกต.รับรอง

"สนธิญา" ไล่บี้พรรคส้ม ยื่นเอกสารเพิ่มจี้ ป.ป.ช.เร่งฟันจริยธรรม 44 สส. ขู่ยื่นเอาผิด  "สส.พรรคประชาชน" อีกร่วมร้อย หลังหัวหน้าพรรคประกาศไม่ลดเพดานแก้ ม.112 ด้าน "ไทยภักดี" ชง  กกต.สอบพรรคถิ่นกาขาวฯ-ประชาชน" ตรวจย้อนหลังตั้งสาขาพรรค-สอบเงินบริจาค ชี้สุ่มเสี่ยงหลอกลวงประชาชน “ศรายุทธิ์” แจงตั้งสาขาครบ 4 ภาค หากไม่ครบ กกต.คงไม่ปล่อยให้ "ถิ่นกาขาวฯ" อยู่มาได้กว่า 10 ปี ส่วนบัญชีรับเงินบริจาคก็ต่อเนื่องมาจากบัญชีพรรคเดิม และยึดแนวทาง กกต.ทุกประการ  

เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม นายสนธิญา สวัสดี เข้ายื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีก่อนหน้านี้ได้ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วินิจฉัยตัดสิทธิการเมืองตลอดชีวิต 44 สส.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) เนื่องจากเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อประธานรัฐสภา และต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าเข้าข่ายเป็นการกระทำล้มล้างการปกครองตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 (1) ว่า วันนี้ได้นำคำให้สัมภาษณ์ของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน  (ปชช.) ซึ่งเป็นหนึ่งใน 44 สส.ของพรรค ก.ก.เดิม  โดยนายณัฐพงษ์ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการกรรมกรข่าว เมื่อวันที่ 6 ส.ค.67 ยืนยันว่าจะไม่ลดเพดานการแก้ไข ป.อาญา มาตรา 112

รวมถึงคำให้สัมภาษณ์ของนายณัฐพงษ์ ในการประชุมและเปิดตัวพรรค ปชช. หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรค ก.ก. เมื่อวันที่ 9 ส.ค.67 ซึ่งในขณะนั้นมี สส.พรรค ก.ก.ที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค ปชช. 143 คนรวมอยู่ด้วย และนายณัฐพงษ์ยังคงยืนยันว่าพรรค ปชช.จะไม่ลดเพดานการแก้ไข ป.อาญา มาตรา 112

"สส.มีเอกสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้อยู่ใต้อาณัติหรือคำสั่งของบุคคลใด สส.ของพรรคประชาชนจึงต้องกล้าที่จะบอกว่าตนเองร่วมหรือไม่ร่วมกับการแก้ไขมาตรา 112 ตามที่นายณัฐพงษ์หัวหน้าพรรคพูดจริงหรือไม่ ถ้าไม่ปฏิเสธใน 1-2 สัปดาห์นี้ ผมก็จะร้องสมาชิกพรรคพลังประชาชนเกือบ 100 คนว่าทำผิดจริยธรรมร้ายแรงเช่นเดียวกับที่ 44 สส.ของพรรคก้าวไกลเดิมกำลังถูก ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนอยู่" นายสนธิญากล่าว

นายสนธิญาระบุว่า เอกสารที่นำมายื่นเพิ่มเติมเป็นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับ ที่วินิจฉัยเกี่ยวข้องกับการยุบพรรคอนาคตใหม่ การวินิจฉัยว่าพรรคก้าวไกลกระทำการล้มล้างการปกครอง และคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล เพื่อเร่งรัดให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบและส่งเรื่องให้ศาลฎีกาฯ  ตัดสิทธิตลอดชีวิตโดยเร็ว

"วันนี้ประชาชนคนไทยประสบปัญหาข้าวยากหมากแพง พรรคประชาชนจึงควรที่จะประกาศว่าจะทำอย่างไรถึงจะแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอยู่ดี กินดี มีความสุข มากกว่าที่จะไปหมกมุ่นกับการแก้ไขมาตรา 112 อีก" นายสนธิญากล่าวทิ้งท้าย

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พรรคไทยภักดี นำโดยนายทศพล พรหมเกตุ  เลขาธิการพรรคไทยภักดี ยื่นหนังสือต่อ กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบการมีสาขาพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล โดยนายทศพลกล่าวว่า ให้ กกต.ตรวจสอบข้อเท็จจริงใน 2 ประเด็น คือ 1.จากการตรวจสอบข้อมูลของ กกต. ณ ปัจจุบัน พบว่าพรรคถิ่นกาขาวชาววิไลมีสาขาพรรคเพียง 3 สาขา คือ ภาคกลาง 2 สาขา และภาคเหนือ 1 สาขา ซึ่งอาจสิ้นสภาพการเป็นพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 91 (3) ที่บัญญัติว่า พรรคการเมืองย่อมสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองเมื่อภายหลังจากที่ดำเนินการครบตามมาตรา 33 (2) มีจำนวนสาขาพรรคการเมืองเหลือไม่ถึงภาคละ 1 สาขา เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 1 ปี 

เตือนซ้่ำรอยพรรคก้าวไกล

ประเด็นที่ 2 ได้รับข้อมูลว่า วันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา พรรคถิ่นกาขาวชาววิไลได้จัดประชุมใหญ่ โดยมีมติเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน ตราสัญลักษณ์พรรค และเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่  อีกทั้งเชิญชวนให้ประชาชนร่วมบริจาคเงินให้กับพรรค โดยเป็นเงินจำนวนมาก ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการรับบริจาคของพรรคการเมืองต้องเป็นไปตามข้อ 42 ของระเบียบ กกต.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2563 ที่ให้อำนาจหัวหน้าพรรคและเหรัญญิกเป็นผู้เปิดบัญชีธนาคารพาณิชย์ โดยมีหลักฐานสำคัญประกอบการเปิดบัญชีคือ หนังสือรับรองรายชื่อคณะกรรมการบริหารพรรคจาก กกต. ซึ่งมีระยะเวลาในการดำเนินการ ไม่ใช่ประชุมวันนี้แล้วมีหนังสือรับรองไปเลย จึงถามว่าได้ให้การรับรองไปแล้วหรือไม่ อาจจะเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนให้เข้าใจผิดหรือไม่

เลขาธิการพรรคไทยภักดีกล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาชนยืนยันว่าจะไม่ลดเพดานการแก้มาตรา 112 ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในการยุบพรรคก้าวไกลค่อนข้างมีรายละเอียดที่ชัดเจน และครอบคลุมรอบด้านแล้ว หากคนที่อ่านกฎหมายเป็นก็จะรู้อยู่แล้วว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการล้มล้างการปกครองฯ หรือเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯ จึงอาจทำให้ซ้ำรอยกับพรรคก้าวไกลก็เป็นไปได้ อยู่ที่ว่าเงื่อนไขเขาเป็นแบบไหน ทั้งนี้ ไม่เห็นด้วยกับการแก้ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เกี่ยวกับการยุบพรรคการเมือง เพราะบางพรรคการเมืองเราเห็นชัดเจนว่าพวกเขามีการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ และบ่อนเซาะกร่อนทำลายสถาบันจริงๆ   หากไม่มีการยุบพรรคการเมือง แล้วพวกเราจะทำอย่างไรเพื่อที่จะหยุดยั้งการกระทำดังกล่าวที่เป็นภัยความมั่นคงของรัฐ

​ขณะเดียวกัน นายราเชน ตระกูลเวียง หัวหน้าพรรคทางเลือกใหม่ เข้ายื่นหนังสือถึง กกต. เพื่อขอให้มีการตรวจสอบ "พรรคประชาชน"  กรณีการเปลี่ยนผ่านจากพรรคถิ่นกาขาวชาววิไลมาเป็นพรรคประชาชน ที่เห็นว่าไม่ชอบมาพากล และไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายประเด็น รวมทั้งการรับบริจาค ถือว่าเป็นการหลอกลวง ผิดเงื่อนไขหรือไม่ เป็นไปได้หรือไม่ว่าพรรคประชาชนตั้งมาเพื่อนำไปสู่การยุบ เป็นการเพิ่มอุณหภูมิทางการเมืองให้กับพรรค สร้างหมาก หลอกให้กินตัวนั้นตัวนี้ เพื่อรอวันกินรวบ จะเป็นการสร้างความชอบธรรมให้ฟากนี้ให้ชอบธรรม เพื่อดิสเครดิตศาลรัฐธรรมนูญ

ด้านนายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน ชี้แจงว่า การตั้งสาขาพรรค ตามกฎหมายกำหนดว่าจะต้องตั้งให้ครบทั้ง 4 ภาคภายใน 1 ปี ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ติดตามการมีอยู่ของสาขาพรรคแต่ละพรรคโดยตลอด หากพรรคใดมีปัญหาสาขาพรรคไม่ครบถ้วน หรือมีการเปลี่ยนแปลง จะต้องมีหนังสือแจ้งเตือนจากนายทะเบียนพรรคการเมืองขอให้ดำเนินการให้ครบถ้วนตามกฎหมาย กรณีนี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่สำนักงาน กกต.จะปล่อยประเด็นนี้ให้หลุดไปได้ การที่พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ซึ่งเป็นชื่อเดิมของพรรคประชาชน ดำรงความเป็นพรรคมานานกว่า 10 ปี ก็เป็นเครื่องการันตีอยู่แล้วว่าการจัดตั้งสาขาพรรคไม่มีปัญหา

ปปช.ทำตามข้อหารือ กกต.

ส่วนเรื่องการเปิดบัญชีรับบริจาคในนามพรรคประชาชน นายศรายุทธิ์กล่าวว่า พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ทะเบียนนิติบุคคลเลขที่ 9/2555 มีการเปิดบัญชีธนาคารเพื่อการรับบริจาคไว้นานแล้ว มีทั้งบัญชีที่วงเล็บว่า เป็นค่าบำรุง และวงเล็บว่า สำหรับการบริจาค ตามที่กฎหมายกำหนดทุกประการ แม้ปัจจุบันจะเปลี่ยนชื่อพรรคเป็นพรรคประชาชน แต่ก็เป็นนิติบุคคลเดียวกัน มีความสืบเนื่องของนิติบุคคล พรรคประชาชนจึงใช้บัญชีดังกล่าวในการรับเงินค่าสมาชิกและเงินบริจาค แยกคนละบัญชีตามกฎหมาย 

ส่วนการเปลี่ยนชื่อบัญชีเป็นพรรคประชาชน เป็นขั้นตอนทางธุรการที่พรรคดำเนินการแล้วหลังที่ประชุมใหญ่มีมติเปลี่ยนชื่อพรรค ขณะนี้กำลังรอธนาคารอนุมัติเปลี่ยนชื่อตามขั้นตอนปกติ ซึ่งใช้เวลาหลายวันทำการ ส่วนใบเสร็จรับเงินเป็นใบเสร็จที่ออกในนามพรรคประชาชนตั้งแต่วันที่มีการเปลี่ยนชื่อพรรค เพราะการเปลี่ยนแปลงชื่อพรรคและข้อบังคับพรรคมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่มีมติ สามารถใช้ชื่อพรรคประชาชนได้ทันที

นอกจากนี้ การรับบริจาคผ่านผู้ให้บริการระบบการรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ก็เป็นเรื่องที่ กกต.เคยตอบข้อหารือทางกฎหมายเป็นหนังสือให้แก่พรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล และเผยแพร่คำตอบข้อหารือผ่านเว็บไซต์ของ กกต.ไว้แล้ว จึงแสดงให้เห็นชัดเจนว่า สามารถทำได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ

"ยืนยันอย่างหนักแน่นชัดเจนว่า พรรคประชาชนจัดตั้งสาขาพรรคและมีบัญชีรับเงินบริจาคที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ไม่ได้หลบเลี่ยงหรือปฏิบัติตามขั้นตอนไม่ครบถ้วนตามที่บุคคลต่างๆ กล่าวอ้าง" นายศรายุทธิ์กล่าว 

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคไทยภักดีไม่ควรมีกฎหมายยุบพรรคว่า เรื่องนี้ถูกพูดคุยในสภาผู้แทนราษฎร จากหลากหลายพรรคการเมืองที่มี สส.อยู่ในสภา หากจำกันได้ 1 สัปดาห์ก่อนที่จะมีการยุบพรรคก้าวไกล ก็มีรายงานของคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ ที่นำเสนอในที่ประชุมให้มีการปรับปรุง พ.ร.ป.พรรคการเมือง เพื่อทำให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันที่ยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น เกิดง่าย อยู่ง่าย ตายยาก ซึ่งก็มีหลากหลายข้อเสนอ  หนึ่งในนั้นคือการทบทวนเรื่องการยุบพรรค ซึ่งมี สส.หลายพรรคการเมืองอภิปรายสนับสนุน ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ตอนนี้เราอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมรายชื่อของตัวแทนพรรคการเมืองพี่มีความประสงค์จะร่วมเสนอร่างแก้ไข พ.ร.ป.พรรคการเมืองที่แนบท้ายรายงานดังกล่าว

 “ถ้าเกิดว่าคุณวรงค์หรือพรรคไทยภักดี ในเมื่อไม่ได้มี สส.ในสภา ถ้าอยากจะฝากความเห็นอะไร ก็ฝากความเห็นมาทางพรรคที่มีตัวแทนจากในสภา หรือสมาชิกวุฒิสภาที่พร้อมจะรับฟังความเห็น”  นายพริษฐ์กล่าว

เมื่อถามว่า พรรคไทยภักดีใช้คำว่าการยุบพรรคเป็นการตรวจสอบพรรคที่ “เซาะกร่อนบ่อนทำลาย” นายพริษฐ์ระบุว่า ร่างแก้ไข พ.ร.ป.พรรคการเมืองก็ไม่ได้จะยกเลิกเรื่องการยุบพรรคไปทั้งหมด เพียงแค่ทบทวนเงื่อนไขการยุบพรรคให้สอดคล้องกับหลักสากลมากขึ้น เรามองว่าบทลงโทษไม่ควรจะเป็นการยุบพรรค แต่ควรจะเป็นการลงโทษกรรมการบริหารหลายคนหรือหลายคณะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง