อภินิหารกฎหมาย! มัดนายกฯแน่นหวั่นบกพร่องโดยสุจริต

สัปดาห์ชี้อนาคตรัฐบาล “นครินทร์” เมินตอบปมสังคมจับจ้องคดี “เศรษฐา” ชงชื่อทนายถุงขนม 14 ส.ค.นี้ “ประพันธุ์-ดร.ณฐพร” ชี้คำแถลงปิดคดีนายกฯ ไร้น้ำหนัก แต่ยังผวาอภินิหารทางกฎหมาย บอกมีสิทธิ์ 50:50 ออกแนวบกพร่องโดยสุจริต “ตี๋เต้” ให้นับถอยหลัง 48 ชม. จับตาอดีตพ่อค้าขายบ้านตัดสินใจยุบสภา-ลาออกหรือไปลุ้นคดี “เสี่ยนิด” แสดงความมั่นใจกางไทม์ไลน์ทัวร์เหนือ-กลาง-อีสานถึงปลายเดือนหลังจบคดี

เมื่อวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2567 ถือเป็นการเริ่มต้นสัปดาห์ทางการเมืองที่มีความน่าสนใจยิ่ง เพราะในวันพุธที่ 14 สิงหาคมนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้กำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือและลงมติในเวลา 09.30 น. ก่อนนัดฟังคำวินิจฉัยเวลา 15.00 น. ในคดีที่อดีตสมาชิกวุฒิสภา 40 คน ยื่นคำร้องต่ออดีตประธานวุฒิสภา (ผู้ร้อง) ว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้องที่ 1) ได้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน (อดีต) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้องที่ 2) เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าผู้ถูกร้องที่ 2 ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากผู้ถูกร้องที่ 2 เคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้งสองสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่

โดยนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวที่สังคมจับจ้อง และเมื่อถามย้ำว่า ในเดือน ส.ค.นี้มีหลายคดีที่กำลังเป็นที่จับตาถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายนครินทร์เพียงแต่พยักหน้ารับ ก่อนกล่าวสั้นๆ ว่าครับ

เมื่อถามต่อว่า รู้สึกกดดันหรือไม่เพราะมีนิสิตนักศึกษาออกมาเคลื่อนไหว กดดันองค์คณะตุลาการที่สอนนักศึกษาตามมหาวิทยาลัยต่างๆ นายนครินทร์ปฏิเสธตอบคำถาม

ด้านนายประพันธุ์ คูณมี อดีต สว. ในฐานะหนึ่งในผู้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ในมุมมองของนักกฎหมายและทนายความจากที่อ่านคำชี้แจง และคำแถลงปิดคดีของนายเศรษฐาไม่ค่อยแหลมคม รู้สึกผิดหวัง เพราะแก้ตัวไม่ค่อยมีน้ำหนัก และคาดหวังว่าเมื่อมีนายวิษณุ  เครืองาม เป็นที่ปรึกษาของนายกฯ แล้ว คอยเป็นกุนซือให้คำปรึกษา แต่คำชี้แจงแถลงกลับเป็นแบบพื้นๆ ไม่มีอะไรใหม่ หรือมีน้ำหนักหักล้างข้อกล่าวหาของผู้ร้อง 40 สว.ได้ อีกทั้งยังอ้างความเป็นนักธุรกิจที่ไม่คุ้นเคยกับข้อกฎหมายและเรื่องรัฐศาสตร์ ไม่น่าใช้เป็นข้ออ้างหักล้างข้อกล่าวหาได้

นายประพันธุ์กล่าวอีกว่า ขณะที่คำแถลงปิดคดีของ 40 สว.ค่อนข้างละเอียด โดยเฉพาะคำสั่งของศาลฎีกาที่ให้จำคุกนายพิชิตเปรียบเสมือนคำพิพากษา เพราะเรื่องเกิดขึ้นที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงไปจบที่ชั้นศาลฎีกาโดยไม่มีอุทธรณ์ เพราะผู้กระทำความผิดไปกระทำความผิดในศาลฎีกาฯ และศาลฎีกาฯ เป็นผู้ไต่สวนสอบสวนเรื่องนี้ของนายพิชิต พวกตนในฐานะผู้ร้องได้ยื่นเอกสารที่เป็นหนังสือของเลขาฯ ศาลที่ส่งถึงสภาทนายความ ที่เป็นผู้ขอให้เพิกถอนใบอนุญาตของนายพิชิตและพวก เนื่องจากประพฤติผิดมารยาททนายความอย่างร้ายแรง มีหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรจากสำนักงานศาล อีกทั้งศาลยังมอบให้เลขาฯ ศาลไปแจ้งความดำเนินคดีเองกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งนายกฯ ต้องทราบข้อเท็จจริงนี้อยู่แล้ว

นายประพันธุ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตนยังเคยมอบให้ทนายไปฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อให้เพิกถอนคำสั่งของสภาทนายความจนคดีถึงศาลปกครองสูงสุด ซึ่งตัดสินว่าคำวินิจฉัยของสภาทนายความเป็นคำสั่งโดยชอบแล้ว รายละเอียดเหล่านี้นายกฯ อ้างไม่รู้ไม่ได้ สำคัญคือนายกฯ ไม่ได้นำรายละเอียดดังกล่าวไปถามสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แตกต่างจากกรณีของนายไผ่ ลิกค์ ที่ให้รายละเอียดกับกฤษฎีกาเลยว่านายไผ่ต้องคดีที่ไหน ท้องที่ใด  คำพิพากษาว่าอย่างไร ถามว่าทำไมคุณถึงให้รายละเอียดได้ ซ้ำยังถามด้วยว่านายไผ่มีคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรีหรือไม่

“ในทางกฎหมายและข้อเท็จจริงพยานหลักฐาน นายกฯ ค่อนข้างลำบาก แก้ตัวแบบขว้างงูไม่พ้นคอ แก้ตัวว่าไม่รู้ลำบาก ครั้งแรกที่ไม่แต่งตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรีก็เพราะสาเหตุนี้ แต่พอมาครั้งที่สองไม่ถามใครเลย ตั้งเลย แล้วจะเอาผลครั้งแรกมาใช้กับครั้งหลังได้หรือไม่ แต่ครั้งแรกก็ถามไม่ละเอียดอยู่แล้ว ความจริงต้องถามทุกมาตรา  ไม่ใช่ถามแค่เฉพาะวงเล็บใดวงเล็บหนึ่ง แต่ปัญหาคือครั้งที่สองไม่ได้ถามเลย ดังนั้นในทางกฎหมายและข้อเท็จจริงเราไม่ได้หนักใจ ถ้าหากเขาจะพ้นหรือจะหลุดมันต้องเหตุอื่นแล้ว ไม่ใช่เหตุทางกฎหมาย อาจมีเหตุอภินิหารทางกฎหมายอย่างอื่น ซึ่งในชั้นนี้ก็ต้องบอกว่า 50:50” นายประพันธุ์กล่าว

อดีต สว.ผู้นี้กล่าวทิ้งท้ายว่า ในวันที่ 14 ส.ค.นี้ ตนเอง  นายสมชาย แสวงการ และนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม  จะไปรับฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญด้วยตนเอง

ขณะที่นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวประเด็นเดียวกันว่า จากที่ได้อ่านคำแถลงปิดคดีของนายกฯ ที่ได้ระบุว่า ดำเนินการทุกอย่างด้วยกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงทำด้วยความสุจริตใจนั้น เราก็หวังว่าคำวินิจฉัยจะออกมาอย่างเรียบร้อย  แต่อย่างไรก็ตามคงพูดอะไรได้ไม่มาก เพราะต้องระมัดระวัง ไม่ไปก้าวล่วงการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้หรือไม่ นายนพดลกล่าวว่า ไม่มี เพราะนายกฯ มีทีมกฎหมายของท่าน และพรรคไม่มีการประเมินหรือแผนสำรอง ซึ่งพรรคก็ยังดำเนินงานไปตามปกติ

ส่วนนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า วันนี้ 12 ส.ค. 2567  มีเวลาไม่เกิน  48 ชม. นายกฯ เศรษฐาจะตัดสินใจลาออกหรือยุบสภา เพื่อหนีศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน หรือฝืนรอฟังก็ 50:50 รอดไม่รอด อึดใจเดียวรู้พร้อมๆ กัน

ดร.ณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า คดีนายกฯ ตัวแทน ถ้าพิจารณาจากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและข้อเท็จจริงพยานหลักฐาน เชื่อว่าไม่มีทางรอด ส่วนข้ออ้างฝีมือนายวิษณุฟังไม่ขึ้น เพราะคดีนี้มีข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ ไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้ทางนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ และความเชี่ยวชาญใดๆ และข้ออ้างว่าไม่รู้ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะเคยมีการจะเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีมาแล้ว

“ประเด็นสำคัญอยู่ที่ท่านพิชิตมีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญนูญ เรื่องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ ก็พิจารณาได้จากการที่ศาลพิพากษาให้จำคุก คดีนี้ไม่มีปัญหาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงพยานหลักฐาน จะมีอย่างเดียวเท่านั้นบกพร่องโดยสุจริตครับ”

ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์เฟซบุ๊กว่า 4 ต่อ 5 ต่อมา 5 ต่อ 4 ต่อมา 6 ต่อ 3 ต่อมา 7 ต่อ 2 ถุงขนมฮ่องกงคงชนะอีกแล้ว ได้ยินมาเช่นนี้ รอฟัง

ต่อมา ดร.อานนท์ยังได้แชร์โพสต์ของนายประสงค์  เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา ที่ว่า "เสียงพรายกระซิบ 7:2"

ขณะเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวของนายเศรษฐาที่น่าสนใจ โดยมีกำหนดการตรวจราชการภาคเหนือ กลางและอีสาน ระหว่างวันที่ 15-19 ส.ค.ออกมาแล้ว รวมถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ในวันที่ 20 ส.ค.นี้ จากนั้นลงพื้นที่ต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 21-31 ส.ค.เพื่อติดตามงานตามนโยบายรัฐบาล

โดยวันที่ 15-16 ส.ค. นายเศรษฐาจะเดินทางไปร่วมประชุมแม่โขงล้านช้าง ณ จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นวันที่ 17 ส.ค. เดินทางไปจังหวัดปทุมธานี นครนายก และสระบุรี  เพื่อติดตามเรื่องการท่องเที่ยว สำหรับวันที่ 18 ส.ค. เดินทางไปจังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี และอ่างทอง เพื่อติดตามแผนการระบายน้ำรับมือฤดูน้ำหลากที่กำลังจะมาถึง

วันที่ 19 ส.ค. เดินทางไปอำเภอเมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี เพื่อดูพนังกั้นน้ำและคลองแม่น้ำบางไทร-บางบาลในการผันน้ำออกสู่ทะเล รวมทั้งดูแก้มลิงในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริเวณสี่แยกมิยาซาวา และดูนิคมอุตสาหกรรมที่เคยได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเมื่อปี 2554 และ ปี 2565

ต่อจากนั้นวันที่ 20 ส.ค. นายกฯ ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

สำหรับวันที่ 21 สิงหาคม นายกฯ จะเดินทางไปอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาแนวชายแดน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยาเสพติดและปัญหาความมั่นคง และวันที่ 22 ส.ค. เดินทางไปจังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดน และการค้าระหว่างประเทศ จากนั้นวันที่ 23 ส.ค. นายกฯ จะเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหา PM2.5 และเร่งรัดการรับมือการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซันที่กำลังจะมาถึง และวันที่ 31 ส.ค.  นายกฯ จะเดินทางไปจังหวัดนครพนมและบึงกาฬ เพื่อติดตามการค้าชายแดน ปัญหายาเสพติด ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่อีสานตอนบน

ช่วงค่ำ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล ได้มีการพูดคุยถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีอดีต 40 สว.ร้องถอดถอนนายกรัฐมนตรีในวันที่ 14 ส.ค.นี้หรือไม่ว่า ในวันที่ 14 ส.ค.นี้ไม่ได้มีความกังวลใด โดยนายกฯ ให้พรรคร่วมรัฐบาลสบายใจและให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้มีความกังวลในเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่มีอะไรน่ากังวล ให้กระบวนการยุติธรรมทำไปตามหน้าที่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

14 ส.ค. ชี้ชะตาเก้าอี้นายกฯ เศรษฐามั่นใจอยู่ต่อมีตุนแล้ว3!

หลังจากวันที่ 23 พ.ค.2567 ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 รับคำร้องคดีที่กลุ่ม 40 อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ยื่นคำร้องให้ศาล รธน.วินิจฉัยกรณี เศรษฐา ทวีสิน

'ณฐพร' ฟันธงเศรษฐาไม่รอด คดีไม่มีปัญหาข้อกฎหมาย ยกเว้นบกพร่องโดยสุจริต

นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ผมจำเป็นต้องแสดงความคิดเห็นทางกฎหมาย ที่มิได้มีเจตนาชี้นำศาล คดี ”นายกตัวแทน“ถ้าพิจารณาจากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และข้อเท็จจริงพยานหลักฐาน”

นายกฯ ตื่นสั่งสกัดสินค้านำเข้าไร้มาตรฐาน

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มุ่งยกระดับการดำเนินงานเพื่อคุ้มครองผู้ประกอบการและผู้บริโภคของไทย สกัดกั้นสินค้านำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ละเมิดลิขสิทธิ์ และสินค้าผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด

'นพดล' เผยเพื่อไทยไม่มีแผนสำรอง คดีถอดถอนเศรษฐา

นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยคดี 40 สว. ยื่นถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ในวันที่ 14 ส.ค. นี้

'ประพันธุ์ คูณมี' ชี้คดีเศรษฐา เสี่ยงตกเก้าอี้ 50:50 หวั่นอาจมีอภินิหารทางกฎหมาย

นายประพันธุ์ คูณมี อดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะหนึ่งในผู้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากกรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ

นั่นไง! กางกำหนดการ 'เศรษฐา' หลัง 14 สิงหาออนทัวร์ยาวทั้งเดือน

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการตรวจราชการภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน ระหว่างวันที่ 15 -