เอาแน่! ผุดกาสิโน ‘ภูมิธรรม’ นัดคุยพรรคร่วมรัฐบาลเตรียมยัดร่างพ.ร.บ.เข้าสภา

แรงไม่ตกจริงๆ รัฐบาลเอาแน่  ผุดกาสิโนถูกกฎหมายทั่วไทย "ภูมิธรรม" นัดประชุมหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล 12 สิงหา. ถกร่าง พ.ร.บ.ที่จะเข้าสภา หนึ่งในนั้นคือร่างกฎหมายประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร

               เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2567 นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะผู้ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล เปิดเผยถึงการเชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล และเลขาธิการพรรค ประชุมในช่วงเย็นวันที่ 12 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่าการเรียกประชุมในวันดังกล่าว เนื่องจากตนติดภารกิจเดินทางไปประเทศคาซัคสถานในวันที่ 13 ส.ค. จึงต้องเรียกประชุม แต่ไม่ได้มีวาระอะไรเป็นพิเศษ ถือเป็นการประชุมประจำเดือนอยู่แล้ว

เขากล่าวว่า ในการประชุมจะมีการหารือกฎหมายที่จะนำเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรว่ามีกฎหมายอะไรบ้าง และมีกฎหมายกี่ฉบับ รวมถึงจะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ..… (กฎหมายกาสิโน)

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 ต.ค.2566 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้แต่งตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน

ต่อมามีร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจรเป็นที่เรียบร้อย ประกอบด้วย 10 หมวด 69 มาตรา ประกอบด้วยหลักการสำคัญคือ  1.การจัดองค์กร และ 2.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ดังนี้

1.ด้านการจัดองค์กร

ด้านการจัดองค์กร ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการขึ้นมา 2 คณะ คือ "คณะกรรมการนโยบายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร" และ "คณะกรรมการบริหารสถานบันเทิงครบวงจร"  โดยมี "สำนักงานกำกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (กธบ.)" ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการ

คณะกรรมการนโยบายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีองค์ประกอบคือ มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ, รองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นรองประธานกรรมการ, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นกรรมการ และมีผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจากนักวิชาการหรือตัวแทนภาคประชาสังคม จำนวนไม่เกิน 4 คน เป็นกรรมการ

คณะกรรมการฯ มีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร การอนุมัติ และเพิกถอนใบอนุญาตกำหนดพื้นที่ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร กำหนดลักษณะประเภทของธุรกิจ พนักงานและเจ้าหน้าที่ที่ได้รับอนุญาตในสถานบันเทิงครบวงจร กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอรับใบอนุญาต และอัตราค่าธรรมเนียม กำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ฯลฯ รวมถึงปฏิบัติการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ หรือตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นต้น

คณะกรรมการบริหารสถานบันเทิงครบวงจร หรือเรียกว่า คณะกรรมการบริหาร ประกอบด้วย  ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะกรรมการนโยบายแต่งตั้งจำนวนไม่เกิน 4 คน เป็นกรรมการ มีปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปลัดกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการ

คณะกรรมการบริหารสถานบันเทิงครบวงจร มีอำนาจที่สำคัญคือ พิจารณาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร  กำหนดดูแลการปฏิบัติงาน แผนการดำเนินงาน ค่าใช้จ่ายของข้าราชการในสำนักงานกำกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (กธบ.) รวมถึงการทำหน้าที่บริหาร “กองทุนป้องกันและฟื้นฟูผลกระทบจากการประกอบธุรกิจสถานบันเทิง”

“สำนักงานกำกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร” หรือ “สำนักงาน กธบ.” จะมีสถานะเป็น “นิติบุคคล” ที่เป็นหน่วยงานของรัฐ แต่ไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายอื่น มี “เลขาธิการ” โดยการแต่งตั้งของคณะกรรมการนโยบายฯ โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ

ด้านการประกอบธุรกิจใน "ร่าง พ.ร.บ.กาสิโน" ได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือกาสิโนถูกกฎหมาย ทั้งหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาต ประเภทของใบอนุญาต จำนวนใบอนุญาต ระยะเวลาของใบอนุญาต การกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาต เงื่อนไขการเปลี่ยนเจ้าของใบอนุญาต บทกำหนดโทษ และการเพิกถอนใบอนุญาต โดยการประกอบธุรกิจ

หลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมาย เบื้องต้นในร่างกฎหมายของ กมธ. กำหนดให้สถานบันเทิงครบวงจรต้องได้รับการอนุญาตจากรัฐบาลผ่านการประมูลใบอนุญาต (License) อายุ 20 ปี ต่อใบอนุญาตได้คราวละไม่เกิน 5 ปี

นอกจากนี้ กมธ.ยังเห็นว่า การเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย ควรตั้งอยู่ในบริเวณเขตพื้นที่ตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด เบื้องต้น กมธ.เห็นว่าควรตั้งอยู่ในรัศมีไม่เกิน 100 กิโลเมตรจากสนามบิน ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา ครอบคลุม 17 จังหวัด ภาคกลางและภาคตะวันออก รวมถึงพื้นที่จังหวัดที่เป็นท่องเที่ยวหลัก จำนวน 22 จังหวัด และพื้นที่ตามแนวชายแดนรวม 22 จังหวัด

ส่วนคุณสมบัติของผู้ประกอบการที่จะจัดตั้งกาสิโนถูกกฎหมาย ต้องเป็น “นิติบุคคล” จดทะเบียนในไทย มีทุนจดทะเบียนซึ่งชำระเต็มไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท พร้อมแผนผังบริเวณ-อาคาร รูปแบบ-แผนประกอบธุรกิจ โครงสร้างองค์กร กรรมการ-ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น แหล่งเงินทุน

สำหรับการจะเปิดให้มีสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ในประเทศไทยนั้น ในด้านการลงทุนและการหารายได้เข้ารัฐ อาจให้มีใบอนุญาตในหลายๆ ประเภท แบ่งตามมูลค่าการลงทุน ได้แก่ size S, M, L และ XL ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ในระยะแรกใบอนุญาตควรมีประเภทเดียว  ได้แก่ ใบอนุญาต size XL มูลค่าการลงทุนขั้นต่ำ 100,000 ล้านบาท

การให้ใบอนุญาต size อื่นๆ จะมีการพิจารณาเป็นลำดับถัดไป หากการอนุญาตชุดแรกประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ เพื่อดึงดูดสถานบันเทิงครบวงจรที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูงลงทุนในประเทศไทยก่อน อันเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ดีให้กับสถานบันเทิงครบวงจรประเภทอื่นๆ ที่จะตามเข้ามาในอนาคต" รายงาน กมธ.ระบุ

สำหรับประเภทธุรกิจของสถานบันเทิงครบวงจร ที่จะอนุญาตให้มีกาสิโนถูกกฎหมาย กำหนดไว้ 12 ประเภท ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าครบวงจร  โรงแรมระดับ 5 ดาว ร้านอาหารและบาร์ ศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการขนาดใหญ่ ศูนย์สุขภาพครบวงจร สนามกีฬา ยอชต์และครูซซิ่งคลับ สถานที่เล่นเกม สระว่ายน้ำและสวนน้ำ สวนสนุก พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้า OTOP กิจการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการบริหารกำหนด ประเภทธุรกิจของสถานบันเทิงครบวงจร ที่จะอนุญาตให้มีกาสิโนถูกกฎหมาย ประเภทธุรกิจของสถานบันเทิงครบวงจร ที่จะอนุญาตให้มีกาสิโนถูกกฎหมาย

รายงานของ กมธ.ยังเสนอให้กำหนดหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้เข้าใช้บริการ (Entry levy) การป้องกันกลุ่มเปราะบางเข้าใช้บริการ ซึ่งประเทศไทยควรใช้การเก็บภาษีการเข้าใช้บริการ เนื่องจากเป็นวิธีที่สะดวกในการปฏิบัติ และมีประสิทธิภาพในการป้องกันกลุ่มคนเปราะบางเข้าใช้บริการ ทั้งนี้ การเก็บภาษีการเข้าใช้บริการควรกำหนดในอัตราที่เหมาะสมกับฐานรายได้ของคนไทย และเก็บแค่บุคคลที่มีสัญชาติไทย

โดยตัวอย่างอัตราการเก็บในประเทศอื่นๆ เช่น ประเทศสิงคโปร์ จัดเก็บที่อัตรา 4,500 บาทต่อวัน  ประเทศญี่ปุ่นที่อัตรา 1,300 บาทต่อวัน เป็นต้น ซึ่งนอกจากการกำหนดอายุและการป้องกันกลุ่มคนเปราะบางแล้ว ควรมีการกำหนด Negative list อื่นๆ เพื่อป้องกันบุคคลต้องห้ามกลุ่มอื่นๆ เข้าใช้พื้นที่กาสิโนตามมาตรฐานสากล เช่น บุคคลซึ่งศาลสั่งห้ามเข้า บุคคลซึ่งถูกสมาชิกในครอบครัวร้องขอให้ห้ามเข้า เป็นต้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง