ยังไม่ปรับครม. ‘อ้วน’ ยํ้าไร้แผน คดีถอดนายกฯ

"ภูมิธรรม" ยันยังไม่มีการปรับ ครม. รัฐบาลไม่กังวลคดีถอดถอนนายกฯ 14 ส.ค.นี้ ไม่มีแผนรองรับ ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม   ด้านนักวิชาการเชื่อ "เศรษฐา" ได้ไปต่อ 3 หมื่นล้านเปอร์เซ็นต์ ระบุภูมิใจไทยพลังต่อรองสูงมาก

ภายหลังนายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะผู้ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล เชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล และเลขาธิการพรรคประชุมในช่วงเย็นวันที่ 12  สิงหาคมนี้​ ท่ามกลางกระแสข่าวเป็นการหารือเพื่อส่งรายชื่อการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น เมื่อวันที่ 10 ส.ค. นายภูมิธรรมปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวกัน  เนื่องจากเป็นเพียงเรื่องการประสานงานที่ตนทำหน้าที่อยู่แล้ว​ เป็นการพูดคุยกันเฉพาะหัวหน้าพรรคและผู้แทนพรรคเท่านั้น ถือเป็นวาระปกติ ซึ่งจะเป็นการคุยกันก่อนที่จะกินข้าวร่วมกัน ยืนยันอีกครั้งว่าเป็นการพูดคุยกันปกติที่ทำเนียบรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการหารือในตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ที่ว่างลง​หรือไม่ ว่าจะเป็นโควตาของพรรคเพื่อไทยหรือพรรคภูมิใจไทย หรือจะเลื่อนให้นายพิเชษฐ์​ เชื้อเมืองพาน​ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ลาออก เพื่อมานั่งเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 รองนายกฯ ปฏิเสธว่า ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ เป็นเรื่องของสภา ปล่อยให้สภาหารือ​

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องได้ตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 นายภูมิธรรมตอบว่า​ ยังไม่ได้พูดคุยกันแต่อย่างใด ซึ่งคงจะมีการหารือกันก่อนถึงวันเลือกตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 และไม่แน่ใจว่าจะเลือกในวันที่ 14 ส.ค.นี้หรือเปล่า

ถามอีกว่า ในวันที่ 14 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยกรณีนายเศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรี ปมแต่งตั้งนายพิชิต​ ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐบาลมีการเตรียมตั้งรับอย่างไร นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ได้เตรียมอะไร  อย่างที่นายกฯ เคยกล่าวไว้แล้ว ก็ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม เป็นหน้าที่ที่ต้องปล่อยให้ศาลรัฐธรรมนูญได้ทำงานอย่างอิสระ ถูกต้องตามกระบวนการที่จะพิจารณา ในฐานะเป็นผู้ที่เกี่ยวข้อง ก็ต้องรอดูเท่านั้นเอง ถ้าตัดสินออกมาเป็นอย่างไร เราค่อยดูสถานการณ์ตอนนั้นว่าควรจะปรับปรุงแก้ไข เปลี่ยนแปลงอย่างไร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญได้ใช้ดุลยพินิจ​วินิจฉัยตามข้อกฎหมายและความเป็นจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้กังวลหรือติดใจในเรื่องนี้  ทุกพรรคมุ่งหน้าทำงานอย่างเดียว รอให้เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วค่อยมาว่ากัน

ด้านนายธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย กล่าวถึงคดีของนายเศรษฐาว่า นายกรัฐมนตรีได้ไปต่อ 3 หมื่นล้านเปอร์เซ็นต์ สิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคก้าวไกล คือรวมกันรุมกระทืบ การยุบพรรคจึงเกิดขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคม ดังนั้นในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ขั้วอำนาจเดิมจึงได้ไปต่อ

เขากล่าวว่า การปรับคณะรัฐมนตรีเป็นสไตล์ของนายใหญ่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ส่งสัญญาณว่านายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังไม่ได้ลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ ก็เป็น 2 กระทรวงแรกที่ตนฟันธงว่า ไปแน่ เพราะแกนนำพรรคคนอื่นๆ ได้ลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อไปหมดแล้ว เท่ากับว่า 2 คนนี้จะต้องกลับไปทำงานที่สภา การที่พรรคเพื่อไทยส่งสัญญาณเช่นนี้ มันจะหมายถึงพรรคอื่นก็จะต้องปรับคณะรัฐมนตรีไปด้วย

ส่วนการหารือเรื่องของรองประธานสภาฯ คนที่ 1 นายธนพรกล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะชั่วโมงนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายเนวิน ชิดชอบ ต้องการอะไร พรรคเพื่อไทยกล้าขัดหรือไม่ ถ้าเพื่อไทยกล้าขัด ก็ต้องเจอองค์กรอิสระสีน้ำเงินแน่ ตอนนี้การเมืองไทยเราอยู่ในสภาพ พรรคภูมิใจไทยแฮปปี้ที่สุด

นายธนพรมองว่า พรรคภูมิใจไทยส่งใครขึ้นชิงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ไม่ว่าจะเป็นนายภราดร ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สส.จังหวัดอ่างทอง หรือนายโสภณ ซารัมย์  สส.จังหวัดบุรีรัมย์ ก็มีความเหมาะสม แต่ถ้าจะตอบโจทย์พรรคภูมิใจไทย ที่อยากจะรีโนเวทเพื่อเตรียมคนรุ่นใหม่ ก็น่าจะเป็นนายภราดร เพราะจะตอบโจทย์กับการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรค ที่มีการผลักดันคนรุ่นใหม่ขึ้นมา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง