เดินหน้าแก้‘ม.112’ ‘เท้ง’ลั่นอุดมการณ์‘พรรคประชาชน’ฟุ้ง2570ตั้งรัฐบาล!

เปิดตัว "พรรคประชาชน" ใช้โลโก้สามเหลี่ยมมุมกลับสีส้ม ตั้ง กก.บริหารพรรคเพียง 5 ราย "ณัฐพงษ์" นั่งหัวหน้าพรรค ปชช. "เพื่อนซี้ธนาธร" เป็นเลขาฯ พรรค "อดีต สส.ก้าวไกล" 143  มาไม่แตกแถวสมัครเข้าสังกัดครบ "เท้ง" ประกาศนำทัพสร้างรัฐบาลพรรคเดียวเลือกตั้งปี 70 ลั่นยึดมั่นอุดมการณ์เดิม เดินหน้าลุยแก้ ม.112 อ้างศาล รธน.ไม่ห้าม "ศิริกัญญา" ออกตัวขอทำงานเบื้องหลัง ไม่อยากเป็นหัวหน้าพรรค "ปกรณ์วุฒิ" ชี้ยังยึด  "ผู้นำฝ่ายค้าน" เหมือนเดิม "ศูนย์ทนายฯ" ห่วงปมยุบก้าวไกลไม่มีใครกล้าเป็นนายประกันคดี 112 ที่ยังอยู่ในศาล

ที่อาคารไทยซัมมิท วันที่ 9 สิงหาคม 2567 เวลา 12.00 น. มีการประชุม สส.อดีตพรรคก้าวไกล ซึ่งย้ายไปสังกัดพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ซึ่งมีมติเปลี่ยนชื่อเป็น พรรคประชาชน ใช้ชื่อย่อว่า  ปชช. เขียนภาษาอังกฤษว่า  PEOPLE'S PARTY มีชื่อย่อในภาษาอังกฤษว่า PP เครื่องหมายพรรคมีภาพสัญลักษณ์ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม  และมุมทุกด้านของสามเหลี่ยมมุมแต่ละมุมเท่ากันกลายเป็นสามเหลี่ยมหกด้าน

โดยใช้สีส้มเป็นสีของสามเหลี่ยม ภาพสัญลักษณ์ตัวอักษรคำว่า พรรคประชาชน  PEOPLE'S PARTY ซึ่งเป็นชื่อพรรคปรากฏอยู่ด้านล่างสามเหลี่ยมดังกล่าว โดยใช้สีกรมท่าเป็นสีของตัวอักษรคำว่า พรรคประชาชน และใช้สีส้มเป็นสีของตัวอักษรคำว่า PEOPLE'S PARTY

นอกจากนี้ ในที่ประชุม นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ ได้รับการเสนอชื่อเป็นหัวหน้าพรรคประชาชน และนายศรายุทธ ใจหลัก อดีตผู้อำนวยการพรรคก้าวไกล และเป็น 1 ใน 2 เพื่อนสนิทของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้รับการเสนอชื่อเป็นเลขาธิการพรรค

ต่อมานายณัฐพงษ์พร้อมด้วยนายศรายุทธ,  น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ อดีต สส.บัญชีรายชื่อและอดีตโฆษกพรรคก้าวไกล ร่วมแถลงข่าวผลการประชุมพรรคประชาชน

นายพริษฐ์แถลงว่า นับไม่ถึง 48 ชั่วโมง หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค ขอประกาศอย่างเป็นทางการว่า พวกเราฟื้นคืนชีพกลับมาแล้วในนามพรรคประชาชน วันนี้อดีต สส.พรรคก้าวไกลทั้งหมด 143 คน ที่ไม่ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง และ สก. 11 คน จากอดีตพรรคก้าวไกล รวมถึงแนวร่วมเครือข่ายทั่วประเทศ มาประชุมกันเพื่อตกลงร่วมกัน จะเดินหน้าต่อขับเคลื่อนและผลักดันการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ในนามของพรรคประชาชน

นายพริษฐ์กล่าวว่า เหตุผลที่เลือกชื่อพรรคประชาชนนั้นเรียบง่าย เพราะเราต้องการเป็นพรรคการเมืองโดยประชาชน เพื่อประชาชน และเดินหน้าสู่การสร้างประเทศไทยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน เราเชื่อว่าระบอบประชาธิปไตยคุณค่าสูงสุดอยู่ที่ประชาชน สถาบันการเมืองทุกสถาบันควรยึดโยงกับประชาชน ถูกตรวจสอบได้โดยประชาชน และดำรงอยู่อย่างมั่นคงและชอบธรรม ด้วยความยินยอมพร้อมใจของประชาชนทุกคน  สัญลักษณ์ของพรรคที่มีชื่อภาษาอังกฤษ PEOPLE'S PARTY จะเป็นสัญลักษณ์สามเหลี่ยมมุมกลับ ต่อยอดมาจากแนวคิดของพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล

นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค 5 คน คือ 1.นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นหัวหน้าพรรค 2.นายศรายุทธ ใจหลัก เป็นเลขาธิการพรรค 3.น.ส.ชุติมา คชพันธ์ เป็นเหรัญญิก 4.นายณัฐวุฒิ บัวประทุม อดีตรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นกรรมการที่จะมาดูแลทะเบียนพรรค 5.นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ เป็นกรรมการบริหารพรรค โดยมีภารกิจมุ่งมั่นเชิญชวนประชาชนและอดีตสมาชิกก้าวไกล กว่า 100,000 คน เป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยบทถัดไป สามารถสมัครสมาชิกผ่านเว็บไซต์ ที่ตั้งเป้าหมายให้ทะลุ 100,000 คน และการร่วมบริจาคให้กับพรรคอีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งตั้งเป้าหมายให้ทะลุ 10 ล้านบาทโดยเร็วที่สุด

"นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของพรรคประชาชนได้ ผ่านทางช่องทางออนไลน์ โดยในวันที่ 10 ส.ค. จะจัดกิจกรรมทั่วประเทศ เพื่อเปิดรับสมาชิกและเปิดรับบริจาค โดยใน กทม.จะมีงานใหญ่ที่ Stadium One บรรทัดทอง" นายพริษฐ์กล่าว

เป้าพรรค ปชช.ปี 70 แลนด์สไลด์

 ด้านนายณัฐพงษ์กล่าวว่า เราแสดงให้เห็นแล้วว่ากระบวนการทำให้พรรคประชาชนเป็นสถาบันทางการเมืองสืบต่ออุดมการณ์พรรคตั้งแต่อนาคตใหม่และก้าวไกล วันนี้จากที่ตนได้รับการเลือกเป็นหัวหน้าพรรค สามารถออกมาพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า ภารกิจของตนและพวกเราจากนี้ 

"เรามีภารกิจสร้างรัฐบาลแห่งการเปลี่ยนแปลงในการเลือกตั้งปี 2570 ซึ่งเราจำเป็นที่จะต้องชนะการเลือกตั้งครั้งหน้า และต้องตั้งเป้าหมายให้สูงยิ่งขึ้น นอกจากการเป็นพรรคอันดับหนึ่งในปี 2566 เป้าหมายขั้นต่ำของเรา อยากจะชนะการเลือกตั้งโดยสามารถเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้ นั่นคือเป้าหมายสูงสุดของพวกเรา" ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าว

ส่วนนายศรายุทธกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา ซึ่งเราตระหนักเรื่องนี้ดี ตั้งแต่สร้างพรรคอนาคตใหม่ เราจำเป็นต้องมีคนจำนวนมาก นี่คือที่ที่ต้องสร้างพรรคให้เป็นสถาบัน เราคาดหวังว่าในอนาคตอันใกล้เราจะเพิ่มโครงสร้างการเมืองท้องถิ่น และคาดหวังที่สมาชิกพรรคจะไปเป็นรัฐบาลทำหน้าที่บริหารประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวะที่ว่าที่เลขาธิการพรรคประชาชนกำลังกล่าวถึงความพยายามเพิ่มโครงสร้างให้ไปสู่รัฐบาล ได้หยุดพูดพร้อมกับกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “เรามั่นใจว่า จะมีพรรคที่ต้องการทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในอนาคต แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้วก็ตาม ขอบคุณครับ”

ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ข่าวที่ผ่านมาเราได้ยินข่าวว่าแคนดิเดตหัวหน้าพรรคคนใหม่มีใครบ้าง และตนเองเป็นหนึ่งในนั้น คาดเดากันไปต่างๆ นานา ตนไม่มีความประสงค์ที่จะเป็นหัวหน้าพรรคตั้งแต่ต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าวเกิดการขัดข้องของไมโครโฟนในจังหวะที่ทุกคนแถลง   จนกระทั่ง น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า “แม้เราจะเปลี่ยนจากพรรคก้าวไกลไปแล้ว ก็ยังมีปัญหาเรื่องไมโครโฟนอยู่”

น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า เมื่อวานนี้ (8 ส.ค.) ตอนกลางคืน เราได้เริ่มต้นกระบวนการภายในในส่วนของ สส.อดีตพรรคก้าวไกล ซึ่งได้มีการหยั่งเสียงผู้รับรองว่าที่หัวหน้าพรรคคนใหม่ ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการของที่ประชุมใหญ่ในวันนี้ ซึ่งเมื่อวานนี้ในการเสนอชื่อ มีการเสนอชื่อนายณัฐพงษ์เพียงคนเดียว และผู้ที่เสนอชื่อคือตน

"ขอย้ำว่าไม่ได้มีความประสงค์ที่จะลงแข่งขันตำแหน่งหัวหน้าพรรคตั้งแต่ต้น และดิฉันก็เป็นคนเสนอชื่อนายณัฐพงษ์ด้วยความมั่นใจ และมั่นใจว่านายณัฐพงษ์มีคุณสมบัติที่จะเป็นหัวหน้าพรรคใหม่ที่จะสู้เลือกตั้งในปี 2570 ด้วยความที่นายณัฐพงษ์เป็นคนที่ครบเครื่อง ตั้งแต่เป็น สส.เขตและ สส.บัญชีรายชื่อ และบริหารงานเบื้องหลังของพรรคในสายเทคโนโลยี และเป็นคนทำระบบต่างๆ มีส่วนร่วมในการบริหารพรรคโดยทำให้ดิฉันและเพื่อนสมาชิกมั่นใจให้เสียงสนับสนุนในการรับรองนายณัฐพงษ์เมื่อคืนที่ผ่านมา ขอโอกาสนี้ในการแก้ข่าวว่าไม่ได้ต้องการที่จะเป็นหัวหน้าพรรคประชาชน" น.ส.ศิริกัญญากล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าว ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศซักถามเพิ่มเติม เริ่มจากคำถามถึงกรณีการแก้ไขมาตรา 112 หลังจากนี้จะลดเพดานลงหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เราไม่เคยสื่อสารว่าลดเพดานอะไร เรายืนยันว่าเราเสนอร่างแก้ไขกฎหมาย มาตรา 112 เพื่อไม่ให้มีการกลั่นแกล้งพรรคฝั่งตรงข้าม และคำวินิจฉัยศาลไม่ได้สั่งห้ามแก้ไข แน่นอนว่าเราไม่ประมาท เราทำทุกอย่างรอบคอบ คำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาจนยุบพรรคก้าวไกลเราต้องศึกษาอย่างดี แต่คิดว่าพวกเราต้องผลักดันเดินหน้าการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย โดยเฉพาะในส่วนนี้ที่ปัจจุบันยังมีปัญหาอยู่

"เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เราเซ็นเซอร์ปิดปากตัวเอง เราเสนอบนหลักการ เราไม่ได้มุ่งเป้าเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันใดตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน เราต้องยึดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เรายืนยันเดินหน้าทุกอย่างต่อ แต่เราต้องกลับมาศึกษาข้อกฎหมายทุกอย่างด้วย" ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าว

ยึดอุดมการณ์เดิมแก้ ม.112

ซักถึงคดีความของ 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ที่อยู่ระหว่างไต่สวนในชั้นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายณัฐพงษ์กล่าวว่า คำร้องของ ป.ป.ช.คิดว่าต่างจากการยุบพรรค เพราะเป็นศาลยุติธรรมต้องพิจารณาเป็นรายกรณี การกระทำของ สส.แต่ละคน องค์ประกอบอาจต่างกันบ้าง บางคนอาจเรียกร้องแทนผู้ชุมนุม บางคนใช้สิทธิประกันตัว แต่ทุกคนได้ลงนามเสนอแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งแต่ละคนมีสิทธิชี้แจงกันไป แต่โดยในส่วนของตนไม่มีข้อกังวล

เมื่อถามว่า พรรคประชาชนที่เพิ่งตั้งมานี้จะมีอายุสั้นหรือยืนยาว นายณัฐพงษ์กล่าวว่า สั้นหรือยืนไม่ได้อยู่ที่เรา ที่ผ่านมาเห็นว่าสั้นหรือยืนอยู่ที่กลุ่มขั้วอำนาจเก่าใช้เครื่องมือในการทุบทำลายเรา เอาสิ่งเหล่านั้นมากดทับไม่ให้เราเดินหน้าต่อก็ไม่ได้ เพราะประชาชนอาจขาดศรัทธาในตัวเรา ยืนยันจะเดินหน้าต่อไป แต่ไม่ประมาท ทำงานด้วยความสุขุมรอบคอบ ดังนั้นอายุยืนหรือไม่อยู่ที่พวกเขาด้วย และอยู่ที่ประชาชนสนับสนุน

ถามว่า ที่ผ่านมาพรรคพยายามมุ่งมั่นแก้ไขเรื่องใหญ่ๆ เช่น มาตรา 112 นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เราเองไม่ได้พุ่งเป้าที่จะเสนอแก้ไขมาตรา 112 อย่างเดียว แต่เสนอแก้ไขเรื่องนโยบายอื่นๆ ด้วย ตนขอสื่อสารไปยังประชาชนที่อาจยังไม่ได้โหวตเลือกเราในอดีต พรรคประชาชนในปัจจุบันไม่ได้พุ่งเป้าใดๆ ต่อสถาบัน ทางการเมืองใดๆ ก็ตามเราตั้งใจเสนอนโยบายต่างๆ ในโครงสร้างสังคมไทยที่ยังมีปัญหา นี่คือวิธีสื่อสารตรงไปตรงมา ทำงานหนักและจริงใจ เราคิดว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนมากขึ้น

ถามอีกว่า การตั้งกรรมการบริหารพรรคแค่ 5 คน เพื่อหลบเลี่ยงอุบัติเหตุทางการเมืองในอนาคตใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า การตั้งกรรมการบริหารพรรค 5 คน ไม่ได้หลบเลี่ยงอันตราย แต่เป็นข้อกำหนดขั้นต่ำกฎหมาย เราต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงไร้รอยต่อ จากพรรคที่ถูกยุบสู่พรรคประชาชน เราต้องการหาสมาชิก 1 แสนคน บริจาค 10 ล้านภายใน 1 เดือน พวกเรายังเปิดกว้าง หารือในพรรคว่าการออกแบบโครงสร้างพรรค อย่างที่เรียนไปตอนต้นจะมีกรรมการบริหารพรรคสัดส่วนมากขึ้นหรือไม่ ยังหารือในพรรคได้ต่อ อาจได้ข้อสรุปปลายเดือนหน้า จะมีการประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่ง

พอถามถึงกรณี สส.งูเห่า นายณัฐพงษ์กล่าวว่า  ตอนนี้บทพิสูจน์เราย้ายมาพรรคประชาชนได้หมด รวมถึง สก.ก็ตามมาหมดด้วย คิดว่าเรื่องนี้บทพิสูจน์งูเห่าไม่น่าเป็นประเด็นตอนนี้

เมื่อถามว่า ใครจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน ขอพูดตรงๆ คิดว่าวันนี้ตนยังไม่ได้ดีพร้อม แต่พร้อมพัฒนาตัวเอง ตราบใดที่ประชาชนสนับสนุน ส่วนแคนดิเดตนายกฯ เราได้ถอดบทเรียนมาในอดีต เราเปิดกว้าง เสนอหลายชื่อได้ แต่ต้องผ่านการหารือในอนาคตด้วย คิดว่าตนพร้อมทำหน้าที่แทนทุกคน ส่วนคนเป็นนายกฯ ต้องพร้อมทุกด้าน

เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหากมีการจัดตั้งรัฐบาล จะจับมือกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ตอนนี้เร็วไปที่จะตอบตรงนั้น แต่ขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งหรือไม่ว่าเราชนะการเลือกตั้งเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้หรือไม่ แต่ถ้าไม่ได้เสียงเกินครึ่ง ก็ต้องจับมือกับพรรคการเมืองต่างพรรคด้วย แต่จะจับมือใครบ้าง ก็ต้องดูนโยบายในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าพรรคที่เสนอนโยบายไม่ได้ขัดแย้งเรา เราก็พร้อมทำงานกับทุกฝ่าย

ถามด้วยว่า ก่อนมาเป็นหัวหน้าพรรค นายธนาธรให้คำแนะนำอะไรบ้างหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ไม่กี่วันก่อนได้พูดคุยกับนายธนาธรบ้าง และเขาได้สื่อสารตรงๆ โดยบอกว่าถ้ามารับตำแหน่งตรงนี้ ถ้าคุณต้องเป็นแคนดิเดตนายกฯ คุณต้องพัฒนาตัวเอง ต้องเห็นนโยบายอีกหลายด้าน ต้องทำงานอย่างหนัก

"คิดว่าสิ่งที่นายธนาธรแนะนำมาถูกต้องที่สุด วันนี้ที่มาแถลงข่าวคิดว่าสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือ ถ้าเสนอตัวเองเป็นแคนดิเดตนายกฯ จะสื่อสารตรงไปตรงมา โดยสิ่งที่เป็นอิทธิพลกับผมคืออุดมการณ์ความเชื่อ ไม่ใช่เรื่องตัวบุคคล" นายณัฐพงษ์กล่าว

ซี้ธนาธรลั่นสัมพันธ์ตัดไม่ขาด

เมื่อถามนายศรายุทธถึงความสัมพันธ์เป็นเพื่อนรักนายธนาธร จะมีการรับฟังความเห็นนายธนาธรมาขับเคลื่อนพรรคหรือไม่ นายศราวุธกล่าวว่า ความเป็นเพื่อนกับนายธนาธรไม่ปฏิเสธ เรารู้จักกันมา 20 กว่าปี ตั้งแต่เป็นรองสหพันธ์นิสิตนักศึกษาปี 2543 เราคบค้าสมาคมตลอดในฐานะมิตรสหาย ร่วมตั้งพรรคด้วยกันตั้งแต่อนาคตใหม่ ความคิดเราปกติคุยกันตลอดเวลา ในฐานะเพื่อนแลกเปลี่ยน แม้วันนี้อยู่คนละองค์กร ก็ต้องมีเจอบ้าง ในฐานะเพื่อนก็คุยกัน แต่เราเข้าใจกันดีว่าการบริหารงานแต่ละองค์กรจะมีผู้บริหารแต่ละองค์กร มีโครงสร้างการทำงานของมัน ความเห็นต่างๆ อาจผ่านหูตนอาจเสนอบ้าง แต่อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่กรรมการบริหารพรรค

"ส่วนการดีลลับต่างๆ มั่นใจเพื่อนเราทุกคน ไม่ว่านายธนาธร นายปิยบุตร แสงกนกกุล นายชัยธวัช ตุลาธน ในการคุยกับคนอื่นไม่ใช่เรื่องมีปัญหาอะไรในการรับฟังว่าคนนั้นคนนี้คิดเห็นอย่างไร มาเล่าสู่กันฟัง ไม่ได้มีปัญหาอะไรในความคิดของผม ปัญหาอยู่ที่คณะกรรมการบริหารจะตัดสินใจอย่างไรกับข้อมูลที่ได้รับมา นี่คือหลักการสำคัญ เรายืนบนหลักการนี้ตลอดตั้งแต่ก้าวไกล” ว่าที่เลขาฯ พรรคประชาชนกล่าว

ถาม น.ส.ศิริกัญญาว่าเหตุที่ไม่เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ เพราะมีดีลลับหลีกเลี่ยงไม่ให้ไปชน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า เรามุ่งหน้าโฟกัสไปที่การเลือกตั้งครั้งต่อไป ตนมีภารกิจหน้าที่ทำงานลงลึกเรื่องนโยบาย ต้องพัฒนานโยบายต่อ ทำงานหลังบ้าน สร้างมาตรฐานพรรคประชาชน และ สส.พรรคประชาชนสืบทอดมาตรฐานเดิมตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล รักษาไว้เป็นอย่างดี เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบที่เต็มใจรับ จึงควรอยู่ในฐานะที่เป็นมือไม้ซัพพอร์ตหัวหน้าพรรคคนต่อไป ไม่ได้มีคุยเรื่องปะทะหรือหลีกเลี่ยงการปะทะกับใครแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง และอดีต สส.พิษณุโลก พรรคเป็นธรรม เดินทางมาให้กำลังใจ พร้อมกับบุตรสาวทั้ง 2 คน พร้อมยืนยันว่า วันนี้ไม่ได้มาสมัครสมาชิกพรรค แค่มาสังเกตการณ์

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ว่า เชื่อมั่นการที่นายณัฐพงษ์ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาชน เพราะได้พิสูจน์ตัวเองมาเยอะ ผ่านการทำงานที่ได้รับการยอมรับทั้งจาก สส.และสมาชิกพรรค เหมาะสมในการเป็นผู้นำพรรคในเวลานี้

ถามถึงกรณีหลายฝ่ายจับตาพรรคอาจจะมีการลดระดับประเด็นเรื่องมาตรา 112 นายรังสิมันต์กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะคุยเรื่องนี้ เรามีเวลาพอสมควรที่จะคุยเรื่องทิศทางของพรรคในอนาคต

ส่วนนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านว่า ตำแหน่งนี้จะว่างลง แต่วันนี้ (9 ส.ค.) กระบวนการต่างๆ จะแล้วเสร็จ หากเอกสารเรียบร้อยจะให้ กกต.และ กกต.จะต้องนำเอกสารส่งให้กับสภาผู้แทนราษฎร จากนั้นสภาผู้แทนราษฎรจะจัดเตรียมรายชื่อพรรค และบัตรแสดงตนของ สส.ที่สังกัดพรรคใหม่ทั้งหมด รวมถึงหัวหน้าพรรคคนใหม่ที่ กกต.รับรองเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ต้องเสนอให้ประธานสภาฯ รับทราบกระบวนการเสนอให้แต่งตั้งผู้แทนฝ่ายค้านคนใหม่ ส่วนจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการเท่าไหร่ ยังไม่แน่ชัด เจ้าหน้าที่สภารับปากว่าจะจัดการให้โดยเร็วที่สุด

ยึดเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้านตามเดิม

"เรื่องวิปฝ่ายค้านตอนนี้ได้ประสานกับทางเลขาฯ สภาผู้แทนราษฎร สถานะในการเป็นฝ่ายค้านยังคงเดิมทั้งหมด และปัจจุบันผมก็เป็นประธานวิปฝ่ายค้านอยู่เหมือนเดิม แต่จะมีการเปลี่ยนหรือไม่ จะต้องมีการประชุม สส.พรรคอีกครั้ง" นายปกรณ์วุฒิกล่าว

ถามถึงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ที่เดิมอยู่ในสัดส่วนโควตาของ สส.พรรคฝ่ายค้าน นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า การเลือกตั้งประธานสภาฯ เป็นการเลือกตั้งของ สส. ไม่ใช่โควตาของพรรคใดพรรคหนึ่ง ในวันที่มีการเลือกใหม่ สมาชิกจะลงคะแนนเสียงให้กับผู้ที่ได้รับตำแหน่ง ส่วนภายในพรรคประชาชนจะต้องให้กรรมการบริหารพรรคพูดคุยกันก่อน 

ซักถึงจำนวน สส.ตอนนี้มีลดลง พรรค ประชาชนมีความกังวลในส่วนของสัดส่วนกรรมาธิการหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า เรายังเป็นพรรคการเมืองที่มี สส.มากที่สุดในสภา ดังนั้นโควตาต่างๆ ยังเทียบเท่ากับพรรคเพื่อไทยทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร รวมทั้งตำแหน่งประธานกรรมาธิการหรือประธานกรรมาธิการวิสามัญก็ยังเหมือนเดิม แม้สัดส่วนของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเท่ากัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวเปิดตัวพรรคประชาชนพร้อมกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ มีกลุ่มมวลชนส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่คอยเชียร์พรรคก้าวไกลประมาณ 30 คน กระจายทั่วบริเวณโถงอาคาร ซึ่งมีชาย-หญิงไม่ทราบชื่อ มีพฤติการณ์ถ่ายภาพผู้ชุนนุม ทำให้เกิดความไม่พอใจระหว่างมวลชนที่คอยให้กำลังใจ เนื่องจากมวลชนบ้างส่วนอ้างว่าจำหน้าบุคคลดังกล่าวที่ถ่ายภาพได้ ซึ่งระบุว่าเป็นชาย-หญิงที่เคยแจ้งความนายอานนท์ นำภา (ทนายอานนท์) ทำให้มวลชนตะโกนส่งเสียงตำหนิไม่พอใจ และเกิดการปะทะคารมประมาณ 5 นาที ก่อนที่ รปภ.ตึกจะขอให้ทั้งคู่ลบภาพที่ถ่ายไว้และออกจากตึกไทยซัมมิท  เหตุการณ์จึงสงบลง

วันเดียวกัน นายภวัต เชี่ยวชาญเรือ โฆษกพรรคอนาคตไกล กล่าวถึงการเปิดตัวพรรคประชาชนว่า ไม่ว่าจะชื่อพรรคประชาชนหรือชื่อพรรคใดก็ตาม หากไม่ปรับเปลี่ยนอุดมการณ์ทางการเมือง ยังยักไหล่ แล้วไปต่อ สืบอุดมการณ์ล้มล้างการปกครอง หรือกระทำปฏิปักษ์การปกครอง แก้ไขมาตรา 112  เชื่อว่าพรรคจะชื่ออะไร จะถูกยุบพรรคอีกเช่นเดิม จึงควรปรับเปลี่ยนอุดมการณ์ใหม่ ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับแก้ไขมาตรา 112 อีก

ส่วนนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปและเนื้อหาผ่านเฟซบุ๊ก "เทพไท-คุยการเมือง" ตอนหนึ่งระบุว่า สอบจริยธรรม 44 สส. อย่าต้อนคนให้จนตรอก หลังจากมีผู้ยื่นเอาผิดทางจริยธรรมร้ายแรงกับ สส.อดีตสมาชิกพรรคก้าวไกล จำนวน 44 คน ต่อ ป.ป.ช.กรณีการเข้าชื่อกันเพื่อเสนอสภาผู้แทนราษฎรชุดที่แล้ว ในการแก้ไขมาตรา 112 โดยอ้างคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในคดีการล้มล้างการปกครอง

"หลังจากมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก้าวไกลแล้ว มีหลายฝ่ายเคลื่อนไหวกดดันให้ ป.ป.ช.เร่งรัดการไต่สวนเพื่อเอาผิดจริยธรรมร้ายแรง กับนายพิธาและ สส.พรรคก้าวไกล จำนวน 44 คน ซึ่งเป็นการแทรกแซงการทำงานของ ป.ป.ช. หวังผลทางการ ต้องการทำลายล้าง 44 สส.ของอดีตพรรคก้าวไกล ซึ่งไม่ควรกระทำ เพื่อกดดันให้คนกลุ่มหนึ่งจนตรอก ไม่มีทางออกทางการเมือง ซึ่งอาจจะลุกขึ้นสู้ เกิดความขัดแย้งทางการเมืองในสังคมไม่มีวันจบสิ้น" นายเทพไทระบุ

ด้านศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ประเด็น ม.112 จากคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลของศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมมองว่า เป็นการทำลายความเป็นไปได้ในการปรับตัวของระบอบการเมืองต่อความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนแสดงความกังวลถึงผลกระทบจากคำวินิจฉัยดังกล่าว รวมไปถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เอาไว้ 4 ข้อ โดยเฉพาะข้อ 3 คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในการยุบพรรคก้าวไกล แม้โดยหลักการแล้วจะไม่ส่งผลกระทบถึงสถานการณ์การประกันตัวผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 27 ราย หรือไม่กระทบกระเทือนต่อคำพิพากษาคดีมาตรา 112 คดีอื่นๆ รวมทั้งไม่ควรส่งผลกระทบต่อการพิจารณานิรโทษกรรมคดีการเมืองใดๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการบังคับใช้กฎหมายตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทั้งสองคำวินิจฉัยนั้น อาจเกิดผลกระทบกระเทือนต่อบรรยากาศการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกที่หดแคบอยู่แล้วให้แย่ลงไปอีก

"ทั้งการถูกนำไปเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการพิจารณาพิพากษาคดีมาตรา 112 ที่ดำเนินอยู่จำนวนมากในศาลในขณะนี้ อาจนำไปสู่การตีความข้อหานี้ที่ขัดต่อหลักการในระบอบประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้นไปอีก หรือการเสนอและรณรงค์ให้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อหามาตรา 112 ให้สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยต่อไปในอนาคต ก็อาจเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น" แถลงการณ์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนตอนหนึ่งระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สส.ปกรณ์วุฒิ ยันเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ เป็นของพรรคประชาชน

ที่อาคารไทยซัมมิท นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงกระบวนการของ

'โรม' จวก ป.ป.ช. เร่งรัดคดี 44 สส. แก้ 112 แต่เรื่องอื่นกลับช้า

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติไต่สวน 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ที่ลงชื่อเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 อาจเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งนายรังสิมันต์เป็นหนึ่งในนั้น

'ณัฐพงษ์' ห้าว! ประกาศเดินหน้าแก้ 112 ไม่ประมาททำรอบคอบขึ้น

'เท้ง ณัฐพงษ์' ลั่นยึดมั่นอุดมการณ์เดิม เดินหน้าลุยแก้ 112 ต่อ อ้างศาล รธน.ไม่ห้าม แต่ไม่ประมาท ต้องศึกษาข้อกฎหมายให้ดี ปัดกังวลพรรคใหม่อายุสั้น