นิดจ่อออนทัวร์ยาว ภท.ยึดรองปธ.สภา

แจกตารางงาน “นายกฯ”  ออนทัวร์ยาว “เลยวันที่ 14 ส.ค. เจ้าตัวบอกไม่ได้นัยชี้นำว่า “ได้ไปต่อ” ขณะที่ “พรรคร่วมฯ” แบ่งเก้าอี้กันชื่นมื่น คืนรองปธ.สภาฯ ให้ภูมิใจไทย ตามโควตาช่วงฟอร์มรัฐบาล พร้อมรวบเก้าอี้ กมธ.อดีตก้าวไกลที่พ้น ส.ส.-ถูกตัดสิทธิ แบ่งสรรปันส่วน

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการตรวจราชการภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน ระหว่างวันที่ 15- 19 ส.ค.2567 และการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ในวันที่ 20 ส.ค.2567 จากนั้นลงพื้นที่ต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 21-31 ส.ค. เพื่อติดตามงานตามนโยบายรัฐบาล วันที่ 15-16 ส.ค.เดินทางไปร่วมประชุมแม่โขงลานช้าง ณ จ.เชียงใหม่ จากนั้นวันที่ 17 ส.ค. เดินทางไป จ.ปทุมธานี นครนายก และสระบุรี เพื่อติดตามเรื่องการท่องเที่ยว สำหรับวันที่ 18 ส.ค. จะเดินทางไป จ.ชัยนาท  สิงห์บุรี และอ่างทอง เพื่อติดตามแผนการระบายน้ำรับมือกับฤดูน้ำหลากที่กำลังจะมาถึง

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า  วันที่ 19 ส.ค. นายกฯ จะเดินทางไป อ.เมืองฯ จ.ปทุมธานี เพื่อดูพนังกั้นน้ำและคลองแม่น้ำบางไทร-บางบาล ในการผันน้ำออกสู่ทะเล รวมทั้งดูแก้มลิงในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา บริเวณสี่แยกมิยาซาวา และดูนิคมอุตสาหกรรมที่เคยได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเมื่อปี 2554 และปี 2565 ต่อจากนั้น วันที่ 20 ส.ค. ประชุมครม.อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ณ จ.พระนครศรีอยุธยา สำหรับวันที่ 21ส.ค. จะเดินทางไป อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาแนวชายแดน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยาเสพติดและปัญหาความมั่นคง

จากนั้น วันที่ 22 ส.ค. เดินทางไป จ.เชียงราย เพื่อติดตามปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดน และการค้าระหว่างประเทศ วันที่ 23 ส.ค. ไป จ.เชียงใหม่ เพื่อติดตามแก้ไขปัญหา PM 2.5 และเร่งรัดการรับมือการท่องเที่ยวในช่วง High Season ที่กำลังจะมาถึง สุดท้ายนี้ วันที่ 31 ส.ค. เดินทางไป จ.นครพนมและบึงกาฬ เพื่อติดตามการค้าชายแดน ปัญหายาเสพติดปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่อีสานตอนบน

“นายกฯ ให้ความสำคัญกับผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานต่างๆ ตามนโยบายรัฐบาล และที่ได้สั่งการและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขับเคลื่อนงานต่างๆ รวมทั้งยังเป็นการติดตามงานด้วยตนเอง ในทุกประเด็น การท่องเที่ยว การบริหารจัดการน้ำ แก้ไขปัญหา PM 2.5 รวมทั้งการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ ปัญหายาเสพติดและการค้าระหว่างประเทศ และปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ด้วย” นายชัยย้ำ

ด้านนายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ภาคเอกชนเป็นห่วงการเมืองช่วงเดือนสิงหาคมว่า แน่นอน โดยวันที่ 7 ส.ค.นี้จบไปแล้วประเด็นหนึ่ง แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอน เพราะมีความเป็นห่วงเป็นใยในกรณีของตนเองวันที่ 14 ส.ค.อยู่ อย่างที่ตนเรียนไปแล้วว่าได้ส่งเรื่องไปที่ศาลเรียบร้อย ก็ไม่อยากจะมาพูดอะไรมาก ด้วยความเคารพ เชื่อว่าทางศาลรัฐธรรมนูญก็เตรียมการพิจารณาอยู่ วันที่ 14 ส.ค.ก็คงจะทราบเรื่อง วันนี้ยังทำงานอยู่ตามปกติ และในวันที่ 14 ส.ค.ก็ยังทำงานปกติ เมื่อถามว่ายิ่งใกล้วันที่ 14 ส.ค. ไม่ได้มีผลให้การทำงานต้องลังเลใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวยอมรับว่า กังวล แต่ก็ไม่ได้ลดหรือเลื่อนตารางการทำงาน ยังคงทำงานอยู่ตลอด

เมื่อถามอีกว่า ภาคเอกชน ไม่ได้เป็นห่วงคดีพรรคก้าวไกลเท่ากับคดีของนายกฯ เพราะเป็นห่วงเรื่องความเชื่อมั่นที่จะมีผลต่อภาคเอกชน นายกฯ กล่าวว่า  อันนี้ไม่ทราบ ไม่อยากจะไปพูดอะไรที่เป็นการชี้นำให้คณะทำงานต้องเป็นห่วง แต่ละองค์กร แต่ละคนมีหน้าที่ ขอให้ทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่ยังต้องทำอยู่ ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ตารางงานนายกฯ ยาวไปถึงหลังวันที่ 14 ส.ค.นั้น ก็ไม่ได้มีนัยอะไรทั้งสิ้น การทำงานต้องวางแผนล่วงหน้า ไม่ได้เป็นการชี้นำหรือคาดหวังอะไร

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร บรรยากาศในห้องประชุมพบว่าค่อนข้างเงียบเหงา เจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้นำป้ายพรรคก้าวไกลออกจากบริเวณที่นั่งของสส.ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ส.ค. โดยมี สส.อดีตพรรคก้าวไกลเข้าร่วมการประชุมเพียง 10-13 คนเท่านั้น โดยนายกัณตภณ ดวงอัมพร สส.กทม. แนะนำตัวว่าเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อดีตพรรคก้าวไกล พรรคการเมืองที่มาจาก 14 ล้านเสียงของพี่น้องประชาชน ด้าน น.ส.พุธิตา ชัยอนันต์ สส.เชียงใหม่ แนะนำตัวว่าตนเป็น สส.อดีตพรรคก้าวไกลที่มาจากเสียงของประชาชน กว่า 14 ล้านเสียง และจากไปด้วย 9 เสียง พร้อมทิ้งท้ายความในใจว่า “ขอให้ผู้มีอำนาจในประเทศนี้เห็นหัวประชาชนด้วย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่พรรคก้าวไกลถูกยุบ ทำให้ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคก้าวไกล ต้องพ้นจากตำแหน่งจำนาน 5 คน และจะไม่มีการขยับบัญชีรายชื่อขึ้นมา เนื่องจากพรรคได้ถูกยุบไปแล้ว สส.ที่ยังเหลืออยู่ 143 คน ก็จะย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ ภายใน 60 วัน ตามกฎหมาย ขณะเดียวกันยังมีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีต สส.จ.พิษณุโลก พรรคเป็นธรรม อดีตกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ที่ต้องเลือกตั้งใหม่ และ สส.ของพรรคภูมิใจไทย จ.นครศรีธรรมราช ที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากมีเรื่องร้องเรียนผลการเลือกตั้ง 1 คน จึงทำให้จำนวน สส.ในสภาสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ 493 คน

นายปดิพัทธ์​ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวว่า ถ้ามีการเลือกประธานสภาฯ ​และรองประธานสภาฯ ใหม่ แนวทางที่หวังไว้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความโปร่งใส ประสิทธิภาพที่เป็นของประชาชนจะถูกสานต่อ และถูกพัฒนาให้สำเร็จให้ได้ เพราะจากที่ตนได้ทดลองทำมาแล้ว 1 ปี ทำได้มากกว่าที่คิด เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม มีเวลาอีก 3 ปี ก็คิดว่าจะมีเวลาเปลี่ยนแปลงสภาฯ ให้ดีได้เหมือนกัน

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล  กล่าวว่า ในส่วนของประธาน กมธ.ต้องไปดูสัดส่วนในของแต่ละพรรคตามข้อบังคับสภาว่าจะปรับเปลี่ยนอย่างไรให้เหมาะสม ขณะที่ตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1  เหตุเพิ่งเกิด ยังไม่กล้าตอบว่าพรรคใดจะมาเป็น แต่วันพุธที่ 14 ส.ค. คงมีการเลือกคนมาทำหน้าที่แทนแน่นอน แต่การเจรจาก็ให้เป็นหน้าที่ กก.บห.ของแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลต้องคุยและตกลงกัน

ส่วนที่มองว่าต้องเป็นโควตาของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) หรือไม่นั้น คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องโควตาอย่างเดียว แต่ต้องมีองค์ประกอบทางการเมืองหลายอย่าง ทั้งสัดส่วนของ สส.แต่ละพรรค ย้ำว่าขอให้รอสัปดาห์หน้า เราจะได้รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 คนใหม่ ที่อาจจะมีการเลือกตั้งแน่นอน

 ถามต่อว่า ต้องเป็นของรัฐบาลใช่หรือไม่ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ต้องเป็นฝ่ายรัฐบาล 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะเมื่อก่อนที่เลือกเช่นนั้น เพราะเหมือนอดีตพรรคก้าวไกลจะมาร่วมรัฐบาล แต่ขณะนี้เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องเป็นสัดส่วนของรัฐบาลที่จะต้องพูดคุยกันเมื่อถามย้ำว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่พรรคภูมิไทยจะแบ่งโควตาให้พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งหมด ให้เขาได้คุยกันนิดก่อนจะได้ข้อสรุป แต่มั่นใจว่าไม่มีปัญหาในการที่พรรคร่วมรัฐบาลจะปรึกษาหารือกันเพื่อคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมขึ้นมาทำหน้าที่

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ที่ว่างลงว่า ขณะนี้มีการติดต่อประสานงานกันระหว่างวิปรัฐบาล ซึ่งเป็นเรื่องของสภา ตนก็ไม่ได้ไปก้าวก่าย โดยขออย่าใช้คำว่าจอง เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกติกา เมื่อถามว่าหากมติของวิปรัฐบาลหลีกทางให้ตำแหน่งดังกล่าวเป็นของพรรคภูมิใจไทย นายอนุทินย้อนถามกลับว่า ทำไมต้องใช้คำว่า หลีกทาง มันไม่เกี่ยวกับหลีกทาง ไม่ว่าจะถามอย่างไร ก็ต้องตอบว่าทุกอย่างเป็นไปตามกติกาเขามีกันอยู่แล้ว การอยู่ร่วมกันมันมีกติกาอยู่ ใครที่แหกกติกามันก็อยู่ร่วมกันไม่ได้ ส่วนใหญ่มันไม่มีหรอกอยู่กันมาขนาดนี้แล้วยิ่งอยู่ยิ่งแน่นความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล 5-6 พรรคมีความแน่นแฟ้น ส่วนการส่งคนลงสู้ศึกเลือกตั้งซ่อมใน จ.พิษณุโลกนั้น  สำหรับภูมิใจไทย ถ้าไม่ใช่พื้นที่ของภูมิใจไทย ก็ต้องให้พรรคฝั่งรัฐบาลไปสู้ โดยจะหลีกทางให้กับพรรคเพื่อไทยนั่นคือ นั่นคือกติกาและมารยาทของการอยู่ร่วมกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า  สำหรับตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1  ที่ต้องเลือกใหม่หลังจากนายปดิพัทธ์ สันติภาดา หลุดจากตำแหน่ง จากสัดส่วนสส.ที่มีอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล รองประธานสภาฯ ที่เข้ามาเพิ่ม จะเป็นของพรรคภูมิใจไทย แต่ด้วยจำนวน สส.ที่มีอยู่ตอนนี้ ตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 น่าจะเป็นของเพื่อไทย ซึ่งขณะนี้ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ทำหน้าที่รองประธานสภาฯ คนที่ 2 อยู่ หากจะขยับให้นายพิเชษฐ์ขึ้นมาเป็นรองประธานสภาฯคนที่ 1 นายพิเชษฐ์ต้องลาออกแล้วเข้าสู่กระบวนการใหม่ ทำให้ขณะนี้แกนนำทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ต้องหารือกันเพื่อให้ขั้นตอนในสภาราบรื่นที่สุด

ทางออกหนึ่งอาจให้พรรคภูมิใจไทย ทำหน้าที่รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ก็ได้  เพราะการทำหน้าที่ของรองประธานสภาฯคนที่ 1 และ 2 ในการควบคุมการประชุมไม่แตกต่างกัน หรือให้นายพิเชษฐ์ลาออกจากการเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 2 แล้วให้ สส.เลือกนายพิเชษฐ์เข้ามาเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แล้วคนของพรรคภูมิใจไทยเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 2 แทน ซึ่งผลจะเป็นอย่างไรอยู่ที่การหารือของแกนนำทั้ง 2 พรรค.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' ปลื้มเด็กไทยกวาดรางวัลแข่งขันคณิตศาสตร์ที่ 'อินเดีย-ฮ่องกง'

นายกฯ ชื่นชมตัวแทนนักเรียนไทยแข่งขันคณิตศาสตร์ในรายการ InIMC 2024 คว้า 12 รางวัล 32 เหรียญ และรายการที่ฮ่องกงคว้ารางวัลรวม 148 รางวัล สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยระดับโลก

'เศรษฐา' ชื่นชมผลงานทัพนักกีฬาไทยในโอลิมปิกปารีส

นายกฯ ชื่นชม ผลงานนักกีฬาไทย น้องเทนนิสคว้าเหรียญทองอีกสมัยได้สำเร็จ และออย สุรจนา เหรียญทองแดงยกน้ำหนักหญิง 49 กิโลกรัม ทำให้ไทยคว้าแล้ว 5 เหรียญโอลิมปิก 2024