นิดรอผลตร. จ่อทูลเกล้าฯ ปลด‘บิ๊กโจ๊ก’

นายกฯ รอ สลน.ส่งมติ ก.พ.ค.ตร.  ปม “บิ๊กโจ๊ก” ออกจากราชการ ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ชี้เป็นสิทธิ “สุรเชชษฐ์” หากร้องศาลปกครองคัดค้านคำวินิจฉัย

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 ส.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ร้องทุกข์ของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น เป็นคำสั่งที่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์วิธีการที่กฎหมายและกฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กำหนด และเป็นการใช้ดุลพินิจที่เหมาะสม จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายว่า ได้ยินข่าวว่ามีมติออกมาชัดเจนแล้ว กำลังคอยให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ประสานเรื่องมา ซึ่งถ้ามติออกมาเป็นอย่างไร ตนก็ต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ยื่นร้องต่อศาลปกครองคัดค้านคำวินิจฉัย จะต้องรอขั้นตอนนี้ด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อันนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นสิทธิของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์   ซึ่งเป็นไปตามที่พูดไว้ว่า ถ้า ก.พ.ค.ตร.มีมติออกมาอย่างไร ตนจะต้องดำเนินการตามนั้น

เมื่อถามว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์จะถูกตัดชื่อออกจากแคนดิเดต ผบ.ตร.หรือไม่ เพราะตอนนี้ใกล้จะมีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่แล้ว นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่อยากไปก้าวล่วงตรงนั้น  เพราะต้องมีการรับเรื่องมาจากสำนักเลขาธิการนายกฯ ก่อนว่า ก.พ.ค.ตร.ตัดสินว่าอย่างไร หลังจากนั้นนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ดังนั้น ไม่อยากจะก้าวล่วง ขอให้เป็นขั้นเป็นตอนปกติไป

เมื่อถามย้ำว่า อย่างนี้จะทำให้คนที่เป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.ต้องเร่งทำผลงานหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าเรื่องผลงานต่างๆ อยู่ที่จิตใต้สำนึกของรอง ผบ.ตร.ทุกคนอยู่แล้ว ทุกคนไม่ได้ทำงานเพื่อหวังตำแหน่งเพียงอย่างเดียว แต่ทุกคนทำงานเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยาเสพติด คอลเซ็นเตอร์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ทุกท่านให้ความสำคัญอยู่แล้ว เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ตนเจอ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ก็มีความกังวลอยู่หลายเรื่อง ตนได้มีการสั่งการไปหลายเรื่อง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง