เร่งแจกหมื่นช็อปพ.ย. เงินเฟ้อเพิ่ม4เดือนติด

"เศรษฐา" ขอบคุณสภาสูงไฟเขียวงบดิจิทัลวอลเล็ต เดินหน้าแจกเงินหมื่นให้ได้  พ.ย.นี้ การันตีทุกอย่างต้องตรวจสอบได้ คลังรับลูกนายกฯ เร่งขับเคลื่อนให้ทัน "พาณิชย์" เผยเงินเฟ้อ ก.ค.67 ขยับ 0.83% บวกต่อเนื่อง 4 เดือนติด จากราคาน้ำมันพุ่ง-สินค้ากลุ่มอาหารปรับเพิ่มขึ้น จับตาไตรมาส 4 อาจดีดแรง

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่วุฒิสภาผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567   พ.ศ..... วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท สำหรับนำไปใช้ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่าขอบคุณสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ทุกคนที่ให้การยอมรับและโหวตให้ วันนี้ต้องเดินหน้าตามที่กระทรวงการคลังแถลง ส่วนไทมิงในการดำเนินการต้องรอรายละเอียดจากนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าจะเริ่มใช้เงิน 10,000 บาท ภายในเดือน พ.ย.นี้ นายเศรษฐากล่าวว่า  หวังว่าจะเป็นไปตามนั้น และพยายามทำให้เร็ว  เพราะอยากนำเงินส่วนนี้มากระตุ้นเศรษฐกิจให้เร็ว และเข้าใจข้อกังวลว่าหากระบุวันที่แน่ชัดจะเป็นสมการตัวหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการทำเรื่องดิจิทัล ขณะที่สินค้าห้างร้านจะเร่งผลิตสินค้าเพื่อมารองรับการใช้เงินตรงนี้ จึงต้องมีช่วงเวลาในการผลิต และเราเข้าใจความกังวลตรงนี้

เมื่อถามถึงข้อกังวลของผู้ค้ารายเล็กที่อาจจะเกิดอุปสรรคตรงนี้ได้ นายกฯ กล่าวว่า พยายามแก้ไขและพยายามตอบโจทย์ให้ได้ทุกคน รวมถึงกรณีการแลกเป็นเงินสด รับทราบเรื่องนี้แล้ว และจะพยายามหาทางแก้ไขต่อไป

เมื่อถามย้ำว่า ร้านค้าจะต้องมีการซื้อขายในครั้งที่ 2 และ 3 ก่อน ถึงจะสามารถแลกเป็นเงินสด จะทำได้ตามกรอบเวลา 6 เดือน ในการใช้จ่ายตามโครงการหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า  ต้องดูรายละเอียดอีกรอบ และจะให้ รมช.การคลังชี้แจงรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง สำหรับข้อกังวลความปลอดภัยของการเชื่อมต่อระบบที่จะต้องลิงก์กับธนาคารนั้น จะพยายามพัฒนาให้ดีที่สุดต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่ามีความพร้อม มีความเสถียร ตรวจสอบได้ทุกคำถามที่สงสัยก่อนแจกเงิน

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ตามที่นายกรัฐมนตรีระบุอยากให้ใช้เงินหมื่นได้ภายในเดือน พ.ย. ซึ่งเป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่รัฐบาลกำหนดในไตรมาส 4 โดยขณะนี้ทุกหน่วยงานได้เร่งดำเนินการทำให้เร็วและปลอดภัยที่สุด เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งนี้ รัฐบาลเล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งสะท้อนจากตัวเลขลงทะเบียนที่พุ่งมากถึง 26 ล้านคนแล้ว โดยทุกหน่วยงานได้เร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด และปลอดภัยมากที่สุดเช่นกัน โดยหลังจากนี้รัฐบาลจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับการเปิดให้ร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการด้วย

อย่างไรก็ดี ในส่วนของเงื่อนไขการใช้จ่ายเงินดิจิทัลนั้น รัฐบาลยังรับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ ที่เสนอให้ปรับเงื่อนไขหลายด้าน แต่มองว่าข้อกำหนดเดิมได้ศึกษา และวิเคราะห์มาเป็นเวลานานแล้ว ทุกอย่างลงตัวแล้ว ส่วนการลงทะเบียนของประชาชน ที่เริ่มชะลอลง เพราะอาจมีการลังเล หรือกังวลเรื่องข้อมูลรั่วไหลนั้น รมช.การคลังกล่าวว่า เป็นพฤติกรรมการลงทะเบียนของประชาชนเพื่อเข้าร่วมโครงการรัฐในช่วงแรกที่จะไหลทะลักเข้ามาเป็นจำนวนมาก เมื่อผ่านไปสักระยะจึงเริ่มนิ่ง

ที่กระทรวงพาณิชย์ นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือน ก.ค.2567 เท่ากับ 108.71 เทียบกับ มิ.ย.2567 เพิ่มขึ้น 0.19% เทียบกับเดือน ก.ค.2566 เพิ่มขึ้น 0.83% เป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก ประกอบกับมีการปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้ากลุ่มอาหาร โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูป ผลไม้สด ข้าวสารเจ้า และข้าวสารเหนียว สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่นๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก และหากรวมเงินเฟ้อ 7 เดือนของปี 2567 (ม.ค.-ก.ค.) เพิ่มขึ้น 0.11%

สำหรับรายละเอียดเงินเฟ้อเดือน ก.ค.2567 ที่เพิ่มขึ้น 0.83% มาจากการสูงขึ้นของหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 1.27% โดยสินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ กลุ่มอาหารสำเร็จรูป (กับข้าวสำเร็จรูป ข้าวราดแกง อาหารเช้า อาหารตามสั่ง) กลุ่มผลไม้สด (เงาะ ทุเรียน มะม่วง กล้วยน้ำว้า แตงโม ฝรั่ง) กลุ่มข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง (ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว) กลุ่มผักสด (มะเขือเทศ ต้นหอม ขิง ฟักทอง แตงกวา) กลุ่มไข่และผลิตภัณฑ์นม (ไข่ไก่ นมสด นมถั่วเหลือง) กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟผงสำเร็จรูป กาแฟ (ร้อน/เย็น) น้ำหวาน) และกลุ่มเครื่องประกอบอาหาร (น้ำตาลทราย กะทิสำเร็จรูป มะพร้าว (ผลแห้ง/ขูด) ส่วนสินค้าที่ราคาลดลง อาทิ เนื้อสุกร ปลาทู ส้มเขียวหวาน ผักคะน้า น้ำมันพืช มะนาว กระเทียม และไก่ย่าง เป็นต้น

ส่วนหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 0.50% จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิง (แก๊สโซฮอล์ น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน) และสินค้าสำคัญที่ราคาลดลง อาทิ ค่ากระแสไฟฟ้า แชมพู สบู่ถูตัว ผงซักฟอก ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว ครีมนวดผม เสื้อยืดบุรุษและสตรี และเสื้อเชิ้ตบุรุษและสตรี เป็นต้น       

ทางด้านเงินเฟ้อพื้นฐาน เดือน ก.ค.2567 เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก เพิ่มขึ้น 0.19% เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย.2567 และเพิ่มขึ้น 0.52% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ค.2566 เฉลี่ย 7 เดือน ปี 2567 (ม.ค.-ก.ค.) เพิ่มขึ้น 0.42%

นายพูนพงษ์กล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อเดือน ส.ค.2567 คาดว่าจะใกล้เคียงกับเดือน ก.ค.2567 โดยมีปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้เงินเฟ้อชะลอตัวลงคือ ค่ากระแสไฟฟ้าภาคครัวเรือนอยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้าจากมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ ราคาเนื้อสุกรยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้า เนื่องจากมีอุปทานเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก ทำให้ราคายังคงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ราคาผักสดมีแนวโน้มลดลง หลังเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ และฐานราคาน้ำมันดิบดูไบในปีก่อนหน้าที่อยู่ระดับสูง โดยเดือน ส.ค.2566 ราคาอยู่ที่ประมาณ 86.61 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เทียบกับค่าเฉลี่ยล่าสุดอยู่ที่ 79.69 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (ณ วันที่ 30 ก.ค.2567)

อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาปัจจัยที่คาดว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศกำหนดเพดานไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ราคาสินค้าและบริการในหมวดที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาค่าโดยสารเครื่องบินตามการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว และราคาผลไม้ปรับตัวสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากอุปสงค์ที่มีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทุเรียนและเงาะ

ผอ.สนค.กล่าวว่า คาดว่าเงินเฟ้อไตรมาส 3 จะใกล้เคียงกับไตรมาส 2 ส่วนไตรมาส 4 น่าจะเพิ่มขึ้น เพราะถ้าจำกันได้ รัฐบาลมีนโยบายและดำเนินการช่วยเหลือราคาพลังงานช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.2566 ราคาน้ำมันไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ถ้าเทียบตอนนี้ ราคาอยู่ที่ไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ซึ่งน้ำมันมีสัดส่วน 10% ของเงินเฟ้อ จึงมีผลมาก อาจเห็นตัวเลขเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นชัดเจนในไตรมาส 4 ส่วนเงินดิจิทัลวอลเล็ตที่จะออกมา เป็นการเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน ไม่ได้มีผลต่อต้นทุนสินค้า ราคาสินค้าไม่น่าจะปรับขึ้น ในทางกลับกัน จะมีการทำโปรโมชันแข่งกันลดราคามากกว่า โดยภาพรวมกระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์เงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 อยู่ที่ 0.0-1.0% ค่ากลาง 0.5% ยังไม่มีเปลี่ยนแปลง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ชัยธวัช' บอกไม่แช่งคดีเศรษฐา 14 ส.ค.ชี้ทุกฝ่ายควรได้ความเป็นธรรมเหมือนกันหมด

'ชัยธวัช' ชี้ผิดฝาผิดตัว หากเทียบคดีก้าวไกล-เศรษฐา ย้ำทุกคนควรได้รับความยุติธรรมเท่ากัน แม้อยู่คนละฝ่ายการเมือง

นายกฯปลื้มนักกีฬาไทยสร้างประวัติศาสตร์คว้า 3 เหรียญโอลิมปิกในวันเดียว

นายกฯ ดีใจนักกีฬาไทยกวาด 3 เหรียญได้ในวันเดียว ปลื้ม 'น้องเทนนิส' สร้างประวัติศาสตร์คนไทยคนแรกคว้า 3 เหรียญโอลิมปิกได้สำเร็จ พร้อมอวยพรวันเกิดคว้าของขวัญที่มีค่าที่สุดมาได้ด้วยตัวเอง

'เศรษฐา' หวัง 'ก้าวไกล' เคารพคำตัดสินศาลลั่นไทยมีอธิปไตยไม่ยอมให้ใครมาก้าวก่าย!

'เศรษฐา' เชื่อ 'ก้าวไกล' เคารพคำตัดสินศาล รธน.ไม่ปลุกระดมจนวุ่นวาย ชี้ 'มะกัน' ค้านไม่มีความหมาย ลั่นไทยเป็นประเทศเอกราช ไม่มีใครยอมให้ก้าวก่าย รับกังวลคดี 14 ส.ค. แต่ยังทำงานตามปกติ

'เศรษฐา' ปลื้มเด็กไทยกวาดรางวัลแข่งขันคณิตศาสตร์ที่ 'อินเดีย-ฮ่องกง'

นายกฯ ชื่นชมตัวแทนนักเรียนไทยแข่งขันคณิตศาสตร์ในรายการ InIMC 2024 คว้า 12 รางวัล 32 เหรียญ และรายการที่ฮ่องกงคว้ารางวัลรวม 148 รางวัล สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยระดับโลก