เคาะมาตรการ3ด.รอดิจิทัล

รัฐบาลพาเหรดตีปี๊บความสำเร็จดิจิทัลวอลเล็ต “จุลพันธ์” บอกทะลุ 20 ล้านรายแล้ว “ภูมิธรรม” เผย 5 ส.ค.รู้แน่ร้านค้าไหนใช้สิทธิ์ได้   “ศิริกัญญา” ดีใจด้วย แต่เตือนสติเรื่องยังไม่ผ่าน ครม. ซ้ำร้ายรอเงินนานกว่า 5 เดือน “เศรษฐา” ผวาสุญญากาศสั่ง พณ.เคาะมาตรการกระตุ้นระยะสั้น  “สหายอ้วน” ดีเดย์ 20 ส.ค.คิกออฟช่วยเอสเอ็มอี ฟุ้งลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ช่วง 3 เดือนกว่า 7 พันล้าน

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการลงทะเบียนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในแอปพลิเคชันทางรัฐ ที่ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดีว่า ณ เวลา 06.00 น.วันเดียวกันนี้ มีผู้ลงทะเบียนถึง 18.3 ล้านคนแล้ว สำหรับวันแรกไม่ถึง 24 ชั่วโมงถือว่าเยอะมาก ซึ่งสามารถบ่งบอกได้หลายอย่าง เช่น การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีการใหม่ๆ ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความตื่นตัวและเข้าใจดีขึ้น และแอปพลิเคชันก็เสถียรในจุดหนึ่ง แต่แน่นอนว่าเรื่องการทุจริตหรือความไม่ถูกต้องเราก็ให้ความสำคัญ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะป้องกันอย่างไรหลังมีกระแสข่าวมีการเตรียมแลกเงินดิจิทัลเป็นเงินสด  นายกฯ กล่าวว่า เราก็มีวิธีการที่จะป้องกัน โดยจะไปตรวจเยี่ยมที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยจะไปพบกับ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และจะได้หารือเรื่องดังกล่าว ส่วนแอปพลิเคชันปลอมก็เป็นหน้าที่ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และตำรวจสอบสวนกลางจะช่วยกันดูแลเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงความปลอดภัยในข้อมูลส่วนบุคคลของแอปพลิเคชันทางรัฐ ที่ประชาชนหลายคนหวั่นว่าข้อมูลส่วนตัวจะรั่วไหล นายกฯ กล่าวว่า “มั่นใจครับ ตรงนี้มั่นใจครับ”

เมื่อถามว่า งบประมาณผ่านสภาแล้ว แต่จะมีผู้ไปยื่นร้องศาลปกครอง จะทำให้โครงการนี้สะดุดหรือไม่ นายกฯ ย้ำว่า มั่นใจในความสุจริต และมั่นใจในที่มาที่ไปของโครงการนี้ ขออย่าไปคาดเดาว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น หากเกิดขึ้นเราก็ดีลกับมันไป

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงเรื่องการแถลงข่าวโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในส่วนของ พณ.ในวันจันทร์ที่ 5 ส.ค. ว่าจะทำให้เห็นไทม์ไลน์ชัดขึ้นในส่วนของร้านค้า และจากการลงทะเบียนของประชาชนก็เห็นชัดเจนถึงความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งยอดลงทะเบียนจนถึงเช้าวันนี้ไปถึง 18 ล้านคนแล้ว โดยในวันที่ 5 ส.ค. ถือเป็นขั้นที่ 2 ตามไทม์ไลน์ที่จะแถลงเรื่องร้านค้า คาดว่าจะนำร้านค้าเข้าระบบ ประมาณ 2 ล้านร้านค้า ซึ่งเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วน รวมถึงหาบเร่แผงลอย จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย

ลงทะเบียนเกิน 20 ล้าน

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวว่า หลังเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 08.00 น. ของวันที่ 1 ส.ค.2567 ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ครบ 24 ชั่วโมง มีประชาชนสนใจลงทะเบียนกว่า 18.8 ล้านคน และจนถึงวันที่ 2 ส.ค. เวลา 13.00 น. พบว่ายอดลงทะเบียนทะลุเกิน 20 ล้านคนไปแล้ว ส่วนการลงทะเบียนหลังจากนี้ คาดว่าอาจจะกระจายตัวมากขึ้น โดยการลงทะเบียนผ่านสมาร์ทโฟนจะสิ้นสุดในวันที่ 15 ก.ย.นี้ และหลังจากนั้นจะเปิดให้ประชาชนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนได้ลงทะเบียนในวันที่ 16 ต.ค.เป็นต้นไป โดยระบบมีความพร้อมรองรับ 100% ซึ่งจะมีการแถลงรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง ทั้งกระบวนการ วิธีการลงทะเบียน ในช่วงเดือน ก.ย.2567 และยืนยันว่าการดำเนินการโครงการดิจิทัลวอลเล็ตทั้งหมดยังเป็นไปตามกรอบระยะเวลาเดิม

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้เปิดให้ประชาชนผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการดิจิทัลฯ ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ และจุดให้บริการ Walk-in ของหน่วยงานรัฐ จำนวน 5,207 จุด ทั่วประเทศนั้น จากการติดตามตรวจสอบสื่อสังคมออนไลน์ หรือโซเชียลต่างๆ พบการกระทำต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมออนไลน์ ดังนี้ 1.การจัดตั้งกลุ่ม หรือแฟนเพจเฟซบุ๊กแอบอ้างให้ความรู้ ข้อมูลเรื่องโครงการดิจิทัลฯ โดยใช้บัญชีแอคเคาต์ที่ไม่เปิดเผยตัวตนเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ 2.การแชร์ และเผยแพร่ลิงก์ข่าวที่มีข้อมูลบิดเบือนข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับโครงการ และ 3.การโพสต์ข้อความหลอกลวงให้ช่วยเหลือประชาชนในการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ

 ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีแอปพลิเคชันทางรัฐไม่เชื่อมกับแอป ThaiiD ของกระทรวงมหาดไทย ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบกับการยืนยันตัวตนว่า เราก็ประสานกับดีอีอยู่ แต่ในส่วนของระบบ ThaiiD ที่กระทรวงมหาดไทยดูแลอยู่ มีความพร้อมอยู่แล้ว เหลือแค่การเชื่อมระบบซึ่งเราก็ดำเนินการอยู่ แต่รายละเอียดอยากให้ถามดีอี

ส่วน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า การลงทะเบียนเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ แม้ว่าจะมีขรุขระและช้าเล็กน้อย ซึ่งภาพรวมก็ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดี แต่จุดข้อสังเกตหนึ่งคือเป็นการลงทะเบียนที่ตัวเนื้อหาของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ยังไม่ได้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอมติเลย จึงไม่แน่ใจว่าสุดท้ายจะมีปัญหาในเชิงข้อกฎหมายอะไรหรือไม่ เพราะมติ ครม.ครั้งสุดท้ายที่เห็นชอบในหลักการตั้งแต่เดือน เม.ย. ตอนนั้นยังพูดถึงแหล่งที่มาของเงินว่าจะมาจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) อยู่เลย ดังนั้นคงต้องรอดูกันต่อไป

 “นี่เป็นแค่ก้าวแรก โดยที่เงินที่จะถึงมือประชาชนยังต้องรอไปอีกอย่างน้อย 5 เดือน ก็ต้องบอกว่ารัฐบาลก็ต้องจัดการกับความคาดหวังของประชาชนที่วันนี้ลงทะเบียนไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเงินจะมาเมื่อไหร่ ในช่วงระหว่างนี้คงจะต้องมีการตอบคำถามกับประชาชนว่า สรุปแล้วเงินจะได้เมื่อไหร่ และจะได้เงินตามที่รัฐบาลได้มาให้ความหวังเขาหรือไม่ เพราะการรอคอยค่อนข้างที่จะยาวนาน” น.ส.ศิริกัญญากล่าว

เมื่อถามว่า คดีของนายเศรษฐา หากเกิดอุบัติเหตุคิดว่าจะกระทบกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า คิดว่าอาจไม่ถึงขั้นทำให้โครงการนี้ต้องหยุดลง แต่อาจสะดุดไปบ้าง ถ้าหากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เช่นมีการปรับเปลี่ยน ครม.หรืออะไรต่างๆ แต่ท้ายที่สุดก็คงจะกลับมาเดินหน้าต่อได้

ขณะที่ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง กล่าวถึงการประชุม สว.ในวันที่ 6 ส.ค. มีวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 พ.ศ..... วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท เพื่อนำงบประมาณไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งสภาให้ความเห็นชอบว่า ในหลักการต้องเปิดให้ สว.ได้อภิปรายแสดงความเห็นอย่างเต็มที่ ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่า สว.อาจใช้การพิจารณา 3 วาระรวด เพื่อไม่ให้เสียเวลานั้น เบื้องต้นขึ้นอยู่กับการตกลงกันของ สว.

คลอดมาตรการระยะสั้น

วันเดียวกัน นายเศรษฐาโพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเกิดขึ้นแล้ว รัฐบาลมีนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้น และเตรียมความพร้อมให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็กให้มีส่วนร่วมในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อนนโยบายดิจิทัลฯ จะเกิดขึ้น ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินงานตามภารกิจเพื่อช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่มในทุกมิติ ผ่านการนำเสนอโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจฯ ด้วยการลดต้นทุนผู้ประกอบการรายเล็ก ลดค่าเช่าร้านค้า ค่าเช่าแผงตลาด กว่า 30,000 แผง จัดตลาดพาณิชย์ทั่วประเทศ ลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค จัดมหกรรมลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ ลดค่าขนส่งให้กับผู้ค้าออนไลน์ และผู้ประกอบการ SMEs พร้อมจัดทำรถโมบายธงฟ้าเพิ่มเติม เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ ส.ค.-ต.ค.2567

นายภูมิธรรมกล่าวว่า พณ.ได้ทำแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.-20 พ.ย.2567 เสนอนายกฯ เพราะเงินดิจิทัลวอลเล็ตล่าช้าไปนิดหนึ่ง มีช่วงว่าง 3 เดือน ที่ยังไม่มีอะไรมาทดแทน โครงการนี้จะทำให้มีความพร้อมก่อนเข้าสู่ดิจิทัลวอลเล็ต โดยเน้นที่ SME ผู้ประกอบการรายเล็ก ให้ผู้ประกอบการรายใหญ่มาช่วย จะเริ่มคิกออฟวันที่ 20 ส.ค.นี้ หลังจากเดินทางไปประชุม ครม.สัญจร โดยการดำเนินโครงการจะช่วยลดรายจ่าย เช่น จัดสถานที่ออกร้านให้กับเกษตรกร ผู้ค้ารายย่อยโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ค่าเช่าแผง หรือลดราคาค่าเช่าให้มากที่สุด โดยได้เจรจากับกระทรวงมหาดไทย ใช้ศาลากลางจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นศูนย์ประสานงาน มีพาณิชย์จังหวัดขับเคลื่อน และใช้สถานที่ท่องเที่ยว ตลาดใหญ่ต่างๆ ทั่วประเทศ และกระทรวงกลาโหมมีพื้นที่กว่า  3,000 แห่ง ที่สามารถเข้าไปใช้ได้

 “หลังวันที่ 20 ส.ค.นี้ จะเปิดพร้อมกันทั่วประเทศ ทุกจังหวัด เป็นความร่วมมือกันของภาครัฐ กระทรวงต่างๆ ภาคเอกชน และสมาคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กลุ่มบริษัทผู้ผลิตสินค้า ยูนิลิเวอร์ ไทยเบฟเวอเรจ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งนายกฯ สั่งการให้ไม่กระทบร้านค้ารายย่อย ประเมินขั้นต้นสามารถเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ประมาณ 7,000 ล้านบาท จะเป็นพื้นฐานก่อนที่ดิจิทัลวอลเล็ตออกมา” นายภูมิธรรมระบุ

นายอนุทินกล่าวว่า ได้กำชับทุกจังหวัดทั่วประเทศให้ช่วยประชาสัมพันธ์และหาช่องทาง รวมถึงจัดพื้นที่ให้มีการขายสินค้ามากขึ้น อาทิ ศาลากลางจังหวัด รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และสั่งการให้องค์การตลาดของกระทรวงมหาดไทยลดค่าเช่าแผงในช่วง 3 เดือนนี้.