นายกฯ ขอบคุณสภา ผ่านงบดิจิทัล 1.22 แสนล้าน กำชับ “พิชัย” ดูระบบลงทะเบียนให้ดี ลั่นย้ายทะเบียนบ้านได้ แต่อยากให้ใช้ในบ้านเกิดช่วยกระจายรายได้ "จุลพันธ์" ฟุ้งลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตวันแรกฉลุย ไร้ปัญหาระบบล่ม มีขรุขระบ้าง ยอดทะลุ 16 ล้านคน ลั่นไม่ฉลาดนำสิทธิ์ 1 หมื่นแลกเงินสดที่น้อยกว่า ขืนทำโดนฟันอาญาแน่ คลังชวนแบงก์พาณิชย์-แบงก์รัฐ-วอลเล็ตเชื่อมระบบ มี 14 แห่งสนใจแล้ว ขีดเส้นตอบรับไม่เกิน 15 ส.ค. "ดีอี" เตือน ปชช. อย่าหลงเชื่อ เพจปลอม “ทางรัฐ” ระบาด ประสานเฟซบุ๊กปิดแล้ว
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดรับลงทะเบียนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท วันแรก ว่าเมื่อคืนวันที่ 31 ก.ค. ได้มีการพบปะและพูดคุยกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ในเรื่องนี้ โดยได้กำชับให้ดูแลเรื่องระบบให้ดี และพยายามสื่อสารให้ประชาชนได้ทราบว่าโครงการดังกล่าวเปิดแล้ว ซึ่งเช้าวันเดียวกันนี้ได้โพสต์ข้อความสื่อสารให้ประชาชนใจเย็นๆ ทยอยลงทะเบียน และเป็นเรื่องธรรมดาที่วันแรกจะมีความขรุขระบ้าง แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด
เมื่อถามถึงกรณีประชาชนจะย้ายทะเบียนบ้านเพื่อสะดวกในการใช้จ่ายเงินดิจิทัล จะตรงกับการกระจายรายได้ที่ตั้งเป้าไว้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อยากให้คนที่อยู่ในจังหวัดต่างๆ ไปใช้จ่ายที่จังหวัดนั้นๆ ดีกว่า เพราะโครงการนี้ออกแบบมาให้เป็นแบบนั้น ไม่เช่นนั้นทุกคนจะมากระจุกตัวใช้ในเมืองใหญ่ๆ อย่างเมืองที่มีแหล่งแรงงานสูง เช่น กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต และพัทยา ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับความเจริญอยู่แล้ว แต่จุดประสงค์ของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต คือจะกระจายความเจริญไปสู่ทุกๆ ภูมิภาค
นายเศรษฐากล่าวด้วยว่า ขอบคุณที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567 จำนวนเงิน 1.22 แสนล้านบาท มาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และจากนี้ไปจะพยายามทำงานต่อไปเรื่อยๆ หากใครมีคำถามหรือข้อสงสัยต้องชี้แจงกันไป
ที่กระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการลงทะเบียนและยืนยันตัวตนในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ยืนยันว่าการเปิดลงทะเบียนวันแรกราบรื่นดี เดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว ประชาชนให้ความสนใจและตื่นตัวเป็นจำนวนมาก ซึ่งภายหลังเปิดลงทะเบียนเพียง 6 ชั่วโมง มียอดผู้ลงทะเบียนสำเร็จอยู่ที่ 10.5 ล้านคน คิดเป็น 20% ของประชาชนกลุ่มเป้าหมาย เป็นตัวเลขที่เกินกว่าความคาดหวังใดๆ ของรัฐบาล และเป็นการยืนยันว่าแอปพลิเคชันทางรัฐนั้นมีมาตรการสากลและทำได้เกินกว่าเป้าหมาย จนมีผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ โดยหลังจากนี้จะมีการเปิดลงทะเบียนตลอด 24 ชั่วโมง ไปจนถึงวันที่ 15 ก.ย.2567
“ยืนยันว่าตั้งแต่เปิดการลงทะเบียนไม่มีปัญหาระบบล่มอย่างแน่นอน แต่ยอมรับว่าระบบการลงทะเบียนอาจจะมีขรุขระบ้างเล็กน้อย เหมือนไฟฟ้ากระตุก เพราะในช่วง 10 นาทีแรก คนเข้ามาเยอะมาก และ 1 ชั่วโมงแรก มีคนลงทะเบียน 2.3 ล้านคน ซึ่งบางจุดอาจจะมีปัญหาไม่ได้บ้าง อาจจะขึ้นอยู่กับรุ่นของโทรศัพท์ หรือแอปพลิเคชันที่อัปเดต แต่แก้ปัญหานี้ได้ทั้งหมด และเชื่อว่าหลังจากนี้จะไม่มีปัญหาอะไร คนจะกระจายตัวในการลงทะเบียนมากขึ้น และระบบจะมีความเสถียรภาพมากขึ้นด้วย ตรงนี้ถือเป็นความสำเร็จก้าวแรกของโครงการ” นายจุลพันธ์ ระบุ
ทั้งนี้ หลังจากนี้ข้อมูลผู้ลงทะเบียนจะถูกส่งไปตรวจสอบยังแต่ละหน่วยงาน ซึ่งหากผ่านเกณฑ์ได้รับสิทธิ์ ดังนั้นไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ลงทะเบียนสำเร็จจะได้รับสิทธิ์ทุกคน ซึ่งผลการตรวจสอบสิทธิ์จะออกมาหลังวันที่ 22 ก.ย. 2567 ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ
ย้ายทะเบียนบ้านได้ไม่ผิด
นายจุลพันธ์ กล่าวถึงกรณีที่มีประชาชนเร่งย้ายทะเบียนบ้านเพื่อให้สะดวกกับการใช้จ่ายนั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ตอบโจทย์ของโครงการ ที่ต้องการกระจายการใช้จ่ายเงินไปในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ทำให้ได้ผลลัพทธ์น้อยลง แต่ต้องเข้าใจว่าการย้ายทะเบียนบ้านเพื่อรับสิทธิ์เป็นสิ่งที่ทำได้ รัฐบาลไม่สามารถไปห้ามได้จริงๆ หากต้องการใช้เงินในพื้นที่ที่อาศัยอยู่ ที่ไม่ใช่บ้านเกิด ซึ่งโครงการนี้คร่อมระยะเวลาเป็น 6 เดือน สามารถย้ายทะเบียนบ้านได้ แต่เราจะล็อกวันที่ลงทะเบียน นั่นคือทะเบียนบ้านที่บันทึกไว้สำหรับการใช้เงินในโครงการนี้ ทั้งนี้ไม่มีการอนุโลมไม่ว่ากรณีใดๆ
“การย้ายทะเบียนบ้านทำได้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่คิดว่าควรจะต้องทำ แต่ก็เป็นสิทธิ์ของประชาชน คงไปห้ามไม่ได้ โดยผมคิดว่าคงไม่มีคนย้ายทะเบียนบ้านมากจนเป็นนัยหลัก 10-20 ล้านคน ภายในเดือนนี้ คงไม่ถึงขนาดนั้น อาจจะมีในหลักหมื่นคน ซึ่งไม่มีนัยและไม่มีผล ขณะที่การใช้จ่ายในโครงการจะเกิดขึ้นคร่อมช่วงเทศกาลใหญ่ 2 เทศกาล คือปีใหม่และสงกรานต์ เชื่อว่าตรงนี้จะเป็นโอกาสให้ประชาชนได้กลับไปใช้จ่ายที่ภูมิลำเนาอยู่แล้ว ส่วนประเด็นว่ายังไม่กำหนดวันใช้จ่ายเงินนั้น เพราะยังมีแนวโน้มว่าจะเลื่อนเร็วขึ้น หรือช้าลงในหลักสัปดาห์ ถ้าแอปพลิเคชันและการทดสอบต่างๆ พร้อมแล้วจะประกาศรายละเอียดวันใช้จ่ายต่อไป” รมช.การคลังระบุ
ส่วนกรณีที่มีการตั้งคำถามว่า เหตุใดจึงไม่แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตสำหรับประชาชนทุกคนนั้น นายจุลพันธ์กล่าวว่า รัฐบาลรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งให้ความเห็นเรื่องคนที่มีรายได้ มีเงินเก็บเพียงพอ หากได้เงินดังกล่าวไปมีแนวโน้มที่จะเอาไปเก็บออมมากกว่าการใช้จ่าย ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ จึงมีการกำหนดหลักเกณฑ์เรื่องรายได้ต่างๆ ออกมา สำหรับประเด็นที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่าทั้งโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ 0.9% นั้น มองว่าเป็นการพิจารณาจากสมมติฐานที่แตกต่างกัน แต่รัฐบาลมองว่าประโยชน์ของโครงการไม่เพียงประชาชนได้เงินหมื่นบาทไปเป็นกำลังในการต่อชีวิต แต่ประเทศยังได้ประโยชน์ในเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัลด้วย
ทั้งนี้ โครงการจะมีหน่วยงานที่ตรวจสอบความโปร่งใสในการใช้จ่าย โดยหากพบธุรกรรมที่ผิดปกติ เช่น มีการตกลงกับร้านค้าเพื่อแลกเป็นเงินสด จะมีหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบ หากพบว่าทำผิดจริง จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป แต่ส่วนตัวมองว่าหลักความคิดเรื่องการนำสิทธิ์เงิน 1 หมื่นบาท เพื่อไปแลกรับเป็นเงินสดในอัตราที่น้อยกว่าเท่ากับขาดทุน ไม่ฉลาด คงไม่มีใครอยากเอาไปแลก เพราะเงิน 1 หมื่นบาทนี้สามารถซื้อของได้ในราคาเต็ม ไม่มีเหตุผลที่จะไปลดวงเงินทำไม
สำหรับรายละเอียดเรื่องร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ จะมีการชี้แจงอย่างชัดเจนอีกครั้งจากกระทรวงพาณิชย์ช่วงกลางเดือน ก.ย.นี้ เพื่อทำความเข้าใจ และเชื่อมั่นว่าจะมีร้านค้าไม่ต่ำกว่า 2-3 ล้านร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ ส่วนเรื่องกระบวนการภาษีที่ร้านค้ากังวลนั้น ยืนยันว่าไม่ได้มีการส่งข้อมูลไปที่กรมสรรพากรโดยตรง
มีรายงานว่า ข้อมูล ณ 18.00 น. มีผู้ลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ digital wallet จำนวน 14.4 ล้านคน
ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจและธุรกิจวอลเล็ตต่างๆ เกี่ยวกับความพร้อมในการเชื่อมโยงระบบเพื่อรองรับการใช้จ่ายในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สพร. หรือ DGA ได้มีการส่งหนังสือเชิญชวนให้เข้าร่วมโครงการไปยังภาคการเงินต่างๆ แล้ว โดยผ่านสมาคมธนาคารไทย สมาคมสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และสมาคมธุรกิจวอลเล็ตต่างๆ ซึ่งมีตอบรับว่าสนใจเข้าร่วมโครงการแล้ว 14 ราย โดยธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และธุรกิจวอลเล็ตต่างๆ มีเวลาในการพิจารณาว่าจะเข้าร่วมโครงการหรือไม่ จนถึงวันที่ 15 ส.ค.นี้ ซึ่งหลังจากนี้จะรู้ชัดเจนว่ามีธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และธุรกิจวอลเล็ตต่างๆ เข้าร่วมโครงการกี่ราย ส่วนแพลตฟอร์มที่จะรองรับการใช้จ่ายนั้น ยืนยันว่ามีความพร้อมรองรับการดำเนินงานในไตรมาส 4 อย่างแน่นอน
เพจปลอมทางรัฐระบาด
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า การติดตามตรวจสอบการกระทำที่อาจเข้าข่ายอาชญากรรมออนไลน์ พบมีการแอบอ้างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ข้อมูลข่าวสารบิดเบือน ไม่ตรงกับความจริง มีการจัดทำเฟซบุ๊ก โดยใช้ชื่ออ้างอิงแอป “ทางรัฐ” และโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้ประสานงานกับ DGA ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า DGA มีเฟซบุ๊กแฟนเพจอย่างเป็นทางการในชื่อ “DGA Thailand” ซึ่งให้ข้อมูลและรายละเอียดการลงทะเบียนตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่ถูกต้อง โดยให้สังเกตเครื่องหมาย Blue Badge หรือเครื่องหมายถูกสีน้ำเงิน เป็นป้ายสถานะเครื่องหมายยืนยันจากเฟซบุ๊กว่า เพจหรือโปรไฟล์ตัวตนที่แท้จริงของหน่วยงาน
อย่างไรก็ตาม ประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเตรียมการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ซึ่งเป็นข้อมูลโดยตรงจากรัฐบาลที่เชื่อถือได้ ในเว็บไซต์ www.digitalwallet.go.th หรือ www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาล.ไทย และสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านศูนย์บริการข้อมูลโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet โทร. สายด่วน Digital Wallet 1111 พร้อมให้บริการและคำแนะนำปรึกษาแก่ประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กรมการปกครอง ได้ตรวจสอบข้อมูลประชาชนที่ใช้บริการแอปพลิเคชัน ThaiD ในการทำธุรกรรมต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน พบว่าปัจจุบันมีจำนวนถึง 17.701 ล้านคน โดยแอปพลิเคชัน ThaiD เป็นแอปพลิเคชันในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล ที่พร้อมจะยืนยันตัวตนเข้าใช้บริการร่วมกับแอปพลิเคชันทางรัฐ เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนในการเชื่อมไปสู่การให้บริการดิจิทัลวอลเล็ต แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างรอ สพร. ทำการเชื่อมโยงระบบ หากเชื่อมโยงระบบแล้วเสร็จ จะเกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนไม่น้อยกว่า 17.701 ล้านคน
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประชาชนสามารถแจ้งย้ายที่อยู่ตามทะเบียนบ้านได้ที่อำเภอ หรือสำนักงานเขต ก่อนที่จะลงทะเบียนสมัครดิจิทัลวอลเล็ต 1 วัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย สั่งการกรมการปกครอง โดยเฉพาะฝ่ายที่ทำหน้าที่ดูแลด้านทะเบียนราษฎร อำเภอ สำนักงานเขต ให้การสนับสนุนอำนวยความสะดวก ช่วยเหลือประชาชนที่มีความประสงค์ย้ายที่อยู่ในทะเบียนบ้านอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในช่วงการเปิดให้ลงทะเบียนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อให้สามารถใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ตได้สะดวกขึ้น ตามนโยบายของรัฐบาล.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฮือไล่ปธน.ยุน!วุ่นรมว.กห.ไขก๊อก
พรรคฝ่ายค้านของเกาหลีใต้เคลื่อนไหวถอดถอน "ประธานาธิบดียุน ซ็อกยอล"
ชงรัฐบาลชะลอค่าแรง400
“พาณิชย์” เผยเงินเฟ้อเดือน พ.ย.67 เพิ่มขึ้น 0.95% บวก 8 เดือนติด
เฮ‘ต้มยำกุ้ง’ ขึ้นมรดกโลก ภูมิปัญญาไทย
เฮ! ยูเนสโกรับรอง "ต้มยำกุ้ง" มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ นายกฯ ปลื้มซอฟต์พาวเวอร์ไทย ยกศิลปะปรุงอาหาร
บุญทรงปิดปาก/ขังนอกคุกทันสิ้นปี
"บุญทรง" ปรากฏตัวครั้งแรก ไปรายงานตัวคุมประพฤติตามนัดหมายที่เชียงใหม่
อาสาเชือด‘หวานใจ’ เต่าขอปปช.ลุยคดีเอง/เขากระโดงแค่เกมพท.-ภท.
“กมธ.ที่ดินฯ” เตรียมบุกไร่ภูนับดาว 13 ธ.ค. ตรวจการใช้เอกสารสิทธิ ส.ป.ก.
เอาแล้ว! เกษตรกรขอนแก่นบอกรัฐบาลอุ๊งอิ๊งไม่จริงใจช่วยเหลือชาวนาสู้ยุคลุงตู่ไม่ได้
เกษตรกรขอนแก่น ระบุ รัฐบาล 'อุ๊งอิ๊ง' ไม่จริงใจ หลังอนุมัติช่วยเหลือชาวนาไทยเหลือ 10 ไร่ต่อครัวเรือน พร้อมระบุสู้รัฐบาล 'ลุงตู่' ไม่ได้ เพราะเคยได้ถึงครัวเรือนละ 20,000 บาท