ยุบก.ก.‘ไหม’พร้อมขึ้นนำ กกต.โละกุนซือกฎหมาย

ลุ้นยุบไม่ยุบก้าวไกล "ศิริกัญญา" พร้อมนั่งหัวหน้าพรรคหากถูกเสนอชื่อ จะเป็นการสร้างมิติใหม่ถ้าได้ต่อสู้กับ "อุ๊งอิ๊ง" เหตุผู้นำพรรคการเมืองเป็นผู้หญิง อุบยังไม่คิดถึงขั้นตั้งชื่อพรรค "วิโรจน์" ยันไม่ได้เรียกรวมพลที่ทำการพรรค แค่อำนวยความสะดวก ขณะที่ กกต.โละที่ปรึกษา กม. หลัง "สุรพล" ร่วมเป็นพยานคดียุบพรรคให้ กก. ฉวยโอกาส "บุญส่ง" ยื่นลาออกเปลี่ยนยกชุด

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2567 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลปล่อยคลิปวิดีโอโหมโรงก่อนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดียุบพรรค ซึ่งมีบทสัมภาษณ์ของตนเองมากกว่าคนอื่น ทำให้ถูกมองว่าอาจจะเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ว่า คลิปนี้ถ่ายไว้สักพักแล้ว เป็นช่วงที่มีการประชุมสามัญประจำปี แต่พอมีเรื่องต่างๆ เข้ามาก็เลยเพิ่งมาปล่อยในช่วงนี้ ถ้าจะมีตนมากหน่อย ก็น่าจะเป็นเพราะตนอยู่มานานกว่าคนอื่นในพรรคตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่ เพราะตอนนั้นเข้ามาทำงานเป็นสตาฟฟ์ ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายนโยบาย จึงมีไทม์ไลน์อาจจะยาว เนื่องจากอยู่มานานกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง

 “วันที่ 7 สิงหาก็จะเป็นการตัดสินครั้งที่สำคัญเหมือนกันนะคะ เราก็คิดว่าประชาชนส่วนหนึ่งก็คงจะเกิดข้อกังวลไม่แพ้กับเราเหมือนกัน อาจจะจำเป็นที่จะต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน สร้างความมั่นใจว่าอย่างไรพรรคก็คงเดินหน้าต่อ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค จึงคิดได้ว่าจะรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคได้ หากได้รับเลือก พร้อมหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญาตอบว่า ก็แล้วแต่ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากวันที่ 7 ส.ค. ซึ่งผลก็ออกได้หลายทาง เราก็คิดว่าการต่อสู้ของเรายังคงมีน้ำหนักและข้อเท็จจริงก็มีความพร้อม ในด้านเทคนิค ด้านกฎหมาย เราก็มีข้อต่อสู้ที่แข็งแรง เราคงคาดหวังว่าวันที่ 7 ส.ค. นี้ เราจะรอดพ้นจากการต้องถูกยุบพรรคอีกครั้งหนึ่งแน่นอน

 “แต่ต้องบอกว่าถึงแม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็มีการเตรียมความพร้อมไว้เป็นอย่างดี เนื่องจากครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก การเตรียมความพร้อมก็จะยิ่งพร้อมกว่าเดิม”

เมื่อถามว่า หากได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคต้องสู้กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และจะกลายเป็นการต่อสู้กันด้วยพลังหญิง น.ส.ศิริกัญญาตอบว่า  ถ้าท้ายที่สุดพรรคตัดสินใจเสนอชื่อตน และมีสมาชิกพร้อมจะเลือก การที่ ณ วันนี้ประเทศไทยมีผู้นำพรรคการเมืองที่เป็นผู้หญิงมากขึ้น ตนคิดว่าน่าจะเป็นมิติใหม่ที่ดี นอกจากเป็นตัวแทนของประชาชนทุกฝั่ง ทุกเพศ ทุกวัย เราก็จะยิ่งมีมุมมองใหม่ๆ ต่อการเมืองที่อาจแตกต่างจากที่ผ่านมา ที่ผู้นำทางการเมืองเป็นผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ เราก็คิดว่าจะสร้างมิติใหม่ให้กับการเมืองไทยได้

ซักว่า คดียุบพรรคก้าวไกลได้ข้อสรุปหรือยังเรื่องพรรคใหม่ เธอตอบว่า มีการเตรียมไว้บางส่วน เราก็ไม่อยากให้กลายเป็นลางที่ไม่ดี แต่เราก็มีการเตรียมไว้แล้ว  ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจริงก็พร้อมจะไปอยู่บ้านหลังใหม่ด้วยกัน

เมื่อถามว่า ถึงขั้นเตรียมชื่อพรรคใหม่ไว้หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญาตอบว่า "ยังค่ะ"

ส่วนคดีการเข้าชื่อเสนอแก้ไข ม.112 ที่อยู่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สร้างความกังวลให้หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญาเผยว่า ไม่มีความกังวล ตอนนี้เราก็เริ่มกระบวนการที่จะเตรียมความพร้อมในการให้ปากคำ ซักซ้อมทำความเข้าใจแล้ว มีการพูดคุยว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นได้บ้าง ทั้งเรื่องคดี ทนายความ แต่ ป.ป.ช.ยังไม่ได้เรียกแต่อย่างใด

ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 7 ส.ค.นี้ว่า ภายในพรรคยังไม่มีสัญญาณอะไร ทุกวันนี้ทำงานจนลืมวันเวลาไปหมด จนจำไม่ได้แล้วว่าศาลจะอ่านคำวินิจฉัยวันไหน ถือว่าเป็นเพียงวันนึง 7 ส.ค.เท่านั้น คงทำอะไรไม่ได้มากกว่าการรอคอยและการรอฟัง

ส่วนการที่พรรคก้าวไกลนัดมวลชนมาเพื่อรอฟังคำวินิจฉัยพร้อมกันที่ตึกอนาคตใหม่นั้น นายวิโรจน์กล่าวว่า คงเป็นเพราะมีประชาชนถามมาเยอะว่ามีที่ไหนให้มาพบกันหรือไม่ พรรคจึงจัดให้เป็นที่พรรคก้าวไกล เพราะบางกลุ่มก็จะไปรวมตัวที่ศาลรัฐธรรมนูญ หรือที่อาคารรัฐสภาบ้าง เกรงว่าจะรบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ การจัดให้มารับฟังศาลรัฐธรรมนูญพร้อมกันที่พรรคคงเป็นเหมือนการอำนวยความสะดวกมากกว่า ไม่ได้เป็นการเรียกมารวมตัวกันแต่อย่างใด คงไม่ถึงขั้นเรียกมวลชนก่อความวุ่นวายหากมีคำพิพากษาเชิงลบออกมา เพียงแต่อำนวยความสะดวกให้ประชาชนมาพบปะพูดคุยกัน ยังไม่คิดถึงขั้นจะมีข่าวร้าย เป็นการพูดคุยเฮฮากันมากกว่า เหมือนการทำสมาชิกสัมพันธ์

ถามถึงการเตรียมการหากเกิดการยุบพรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ระบุว่า ยังไม่ได้เตรียมการถึงขั้นตั้งพรรคใหม่ แต่ก็มีกลไกที่ทำเพื่อรองรับไว้แล้ว ไม่ว่าจะออกมาเป็นผลดีหรือผลเสียก็มีแผนรองรับไว้ทั้งหมด คงไม่ถึงขั้นเตรียมทุกอย่างไว้ 100%

เขาเชื่อว่า คงมีกระบวนการที่พยายามสกัดก้าวไกล  แต่หากยุบแล้วสกัดไม่ได้ แต่ดันเป็นการผลักก้าวไกลให้วิ่งเร็วกว่าเดิม แล้วจะยุบทำไม ซึ่งก็อนุมานได้เช่นนี้ หากบ้านเมืองอยู่ในหลักนิติรัฐ นิติธรรม และ 3 องค์ประกอบที่ได้ชี้แจงไป คิดว่าคงไม่มีเหตุให้ยุบพรรค และมั่นใจในความสุจริตของพรรคเช่นกัน

ขณะที่เพจพรรคก้าวไกล Move Forward Party โพสต์ข้อความระบุว่า "Exclusive Lecture: ปิยบุตร แสงกนกกุล 7 สิงหาคมนี้ เวลา 13.30 น. ก่อนรับฟังคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกท่านร่วมรับฟังการบรรยายพิเศษ จากปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในหัวข้อ 'ศาลรัฐธรรมนูญกับการยุบพรรคการเมือง' เจอกันที่พรรคก้าวไกล พร้อมกิจกรรมต่อเนื่องยาวไปถึงหลังการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะก้าวต่อไปด้วยกัน"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กกต.มีมติให้มีการปรับปรุงคณะที่ปรึกษากฎหมายของคณะกรรมการการเลือกตั้งใหม่ หลังจากที่นายบุญส่ง น้อยโสภณ อดีต กกต.และประธานที่ปรึกษากฎหมายชุดดังกล่าว ได้ยื่นหนังสือลาออกเนื่องจากได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา

ทั้งนี้ คณะที่ปรึกษากฎหมายของ กกต.มาจากการเสนอชื่อของ กกต.แต่ละคนมีทั้งสิ้น 7 คน ประกอบด้วย 1.นายบุญส่ง น้อยโสภณ อดีต กกต.เป็นประธาน 2.นายศิริชัย จิระบุญศรี อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา 3.นายสำเรียง เมฆเกรียงไกร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 4.นายอนุรักษ์ นิยมเวช อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 5.นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน 6.นายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 7.นายบุญรอด ตันประเสริฐ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านายบุญส่งจะยื่นหนังสือลาออก มีรายงานว่า กกต.ไม่สบายใจกรณีที่นายสุรพล นิติไกรพจน์ หนึ่งในที่ปรึกษากฎหมาย ไปให้ถ้อยคำเป็นพยานให้พรรคก้าวไกลในคดีที่ กกต.ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยสั่งยุบพรรคก้าวไกลเนื่องจากกระทำการล้มล้างการปกครองฯ และทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 จากเหตุเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมีนโยบายหาเสียงให้มีการแก้ไขในลักษณะล้มเลิกกฎหมายดังกล่าว       โดยนายสุรพลให้ถ้อยคำชี้ว่า มติเสนอคำร้องยุบพรรคก้าวไกลของ กกต.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่ทำตามกระบวนการขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดนั้น กกต.ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม

ดังนั้น เมื่อนายบุญส่งยื่นหนังสือลาออก กกต.จึงเห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะที่จะเปลี่ยนแปลงที่ปรึกษา กกต.ใหม่ให้เหมาะสม ซึ่งคาดว่า กกต.แต่ละคนจะมีการเสนอชื่อบุคคลเข้าสู่ที่ประชุม เพื่อแต่งตั้งเป็นคณะที่ปรึกษากฎหมาย กกต.ชุดใหม่ทดแทนชุดเก่าในเร็วๆ นี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทั่วไทยเทิดไท้องค์ราชัน

กระทรวงมหาดไทยจัดริ้วขบวนอิสริยยศเชิญน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ