ข้ามบอร์ดปปส. อนุทินชี้ผ่านแน่ ร่างพรบ.กัญชา

"อนุทิน" เชื่อการออก พ.ร.บ.คุมกัญชายุคนี้ผ่านฉลุย จะลบล้างการนำกัญชาไปเป็นยาเสพติด มั่นใจ “นายกฯ-พรรคร่วม 314 เสียง” หนุน ลั่นเป็นชัยชนะ ปชช.ไม่ใช่ ภท. ชี้  "บอร์ด ป.ป.ส." ไม่ต้องประชุมแล้ว "สมศักดิ์" ยืดอกบอกเป็นนักการเมืองต้องเป็นสุภาพบุรุษ โบ้ยให้ข้อมูลไปหมดแล้ว ขณะที่เครือข่ายแพทย์ฯ จี้นายกฯ กำหนดนโยบายกัญชาเพื่อสังคมโดยรวมมากกว่าผลประโยชน์ของพรรคร่วมรัฐบาล

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 25 กรกฎาคม    นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)  กล่าวถึงความคืบหน้าการผลักดันพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชงกัญชา หลังนายกรัฐมนตรีมีบัญชาให้ออกเป็นกฎหมาย โดยจะมีโอกาสเสนอร่าง พ.ร.บ. จากทาง สส.หรือ ครม.ว่า ขอพิจารณาในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขก่อน เพราะเหมือนจะมีร่างกฎหมายกัญชงกัญชา ในสมัย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต รมว.สาธารณสุข ที่เตรียมยื่น ส่วนร่างของพรรค ภท. ก็ได้ยื่นเข้าสภาเรียบร้อยแล้วตั้งแต่  ก.ย.2566 และจากที่ได้ฟังนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ แนะนำว่าอยากให้เป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลหรือพรรคใดก็ได้ยื่นเข้าไป จากนั้นนำไปประกบรวมกันเพื่อพิจารณา  โดยเราเอาบัญชานายกฯ เป็นสำคัญ

"ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในการออก พ.ร.บ. จึงต้องหาแนวทางในการออกกฎหมาย ซึ่งจะลบล้างเรื่องการนำกัญชงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด เพราะการออก พ.ร.บ. คือการไม่ใช้ช่องทางของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (บอร์ด ป.ป.ส.) แล้ว"

เมื่อถามว่า หากยึดตามคำบัญชานายกฯ  บอร์ด ป.ป.ส.ไม่ต้องประชุมเพื่อนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า  "ถ้าเป็นแนวทางนายกฯ ก็ควรเป็นเช่นนั้น" ส่วนรายละเอียดในร่าง พ.ร.บ. จะเหมือนข้อเสนอที่เข้าสภาชุดที่แล้วที่ภูมิใจไทยเสนอหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า แก่นของกฎหมายก็คงเหมือนเดิม

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการมองเป็นชัยชนะของพรรคภูมิใจไทย นายอนุทินรีบส่ายหน้าก่อนกล่าวว่า เป็นชัยชนะของประชาชนเท่านั้น เรายึดถือประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ขอให้เลิกคิดเสียที เพราะทำงานด้วยกันจะไปแข่งกันทำไม ซึ่งทุกคนยอมรับกันโดยตัวเลขคือ พรรคที่หนึ่งเป็นแกนนำ 71 เสียง จะไปแข่งอะไรพรรคเกือบ 150 เสียง หรือเอาแบบคณิตศาสตร์ง่ายๆ คือทำงานร่วมกันไปด้วยการยอมรับกัน เพราะทุกคนทำงานหนัก และยืนยันว่าไม่เคยให้ใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ รวมถึงไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ใช้ รวมถึงภายในสถานศึกษาและสตรีมีครรภ์ โดยเนื้อหาเขียนไว้ครบถ้วนชัดเจนอยู่แล้ว

เมื่อถามย้ำว่า การออก พ.ร.บ.จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่ถูกหักหลังเหมือนรัฐบาลก่อน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าวว่า "ผมมั่นใจในนายกรัฐมนตรีของผม นายกฯ ลงมาสั่งการขนาดนี้แล้ว  และเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่มีเสียงสนับสนุนกว่า 314 เสียง ซึ่งไม่เหมือนรัฐบาลที่แล้ว ที่มีเสียงสนับสนุน 253 เสียง"

เมื่อถามอีกว่า หากกฎหมายผ่านสภาล่าง (สส.) และสภาบน (สว.) ไม่น่าจะมีปัญหาใช่หรือไม่  นายอนุทินกล่าวว่า หากเป็นกฎหมายที่ดีก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และเรื่องนี้ต้องไปถามสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งตนก็ได้ฝากแสดงความยินดีกับ สว.ทั้งหมดผ่านสื่อไปแล้ว

ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความเห็นต่างเรื่องกัญชาจะไม่ทำให้เกิดความบาดหมางใช่หรือไม่ ว่าส่วนตัวคิดว่าไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเราเองเราก็เสนอให้ออกเป็น พ.ร.บ. และมีการพูดคุยกัน ก็ขอให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขที่จะต้องทำงานต่อไป

ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน  รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า เรื่องกัญชา ขณะนี้ (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดประเภท 5 พ.ศ..… ที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ซึ่งได้ส่งไปให้บอร์ด ป.ป.ส.แล้ว และในส่วนของ พ.ร.บ.กัญชาฯ ที่ยังค้างอยู่ในสภา 3 ฉบับ และฉบับของกระทรวงสาธารณสุข ก็ได้ส่งออกจากกระทรวงไปแล้ว รวมเป็น 4 ฉบับ

 “เรื่องกัญชาก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติมจากที่เคยให้ข้อมูลไปแล้ว ยังเท่าเดิม ไม่มีอะไรพูดเพิ่ม เราต้องเป็นสุภาพบุรุษ เป็นนักการเมืองต้องเป็นสุภาพบุรุษ สิ่งที่เราต้องทำให้ดีที่สุด ก็คือการวางนโยบาย กรอบ ผลงาน เพราะจ้างคนมาเป็นรัฐมนตรีคือมาวางนโยบาย” นายสมศักดิ์กล่าว

วันเดียวกัน เครือข่ายแพทย์ นักวิชาการ และภาคประชาชนต้านภัยยาเสพติด ซึ่งมีแพทย์และประชาชนร่วมลงชื่อ 59 คน นำโดย นพ.ชาตรี บานชื่น อดีตกรรมการแพทยสภา อดีตอธิบดีกรมสุขภาพจิต และอดีตอธิบดีกรมการแพทย์, รศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย ออกบทวิเคราะห์การดำเนินนโยบายกัญชาของนายกรัฐมนตรี สำหรับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่า ขอเสนอนโยบายใหม่ เป็นนโยบายทางสายกลางคือ “เริ่มทำกฎหมายกัญชาโดยเร็วทันที หลังนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด” ขอเสนอให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ที่ไม่ต้องการเห็นสังคมและเยาวชนเข้าไปเกี่ยวข้องกับกัญชาเพื่อสันทนาการในประเทศไทย ร่วมติดตาม รู้เท่าทัน และเรียกร้องให้นายกฯ กำหนดนโยบายกัญชาที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม มากกว่าประโยชน์ของพรรคร่วมรัฐบาล และทำทุกวิถีทางทั้งในปัจจุบันและอนาคตที่จะไม่ให้เกิดสภาพการตัดสินใจนโยบายกัญชาในลักษณะเช่นนี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง