พน.เร่งกม.ใหม่ ยุบกองทุนน้ำมัน ตั้งบอร์ดคุมเอง

"พีระพันธุ์" ย้ำตรึงค่าไฟ-น้ำมันลดภาระ ปชช. ไม่ได้โยนภาระให้ ปตท.-กฟผ. จ่อผุดกฎหมายใหม่ ปรับโครงสร้างพลังงานทั้งระบบ  โละการเก็บภาษีน้ำมันซ้ำซ้อน ตั้งคณะทำงานเจรจาคลัง มั่นใจทันใช้ภายในปีนี้แน่

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังงานแถลงโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ว่ากระทรวงพลังงานมีมาตรการดูแลราคาพลังงานทั้งการตรึงค่าไฟ 4.18 บาทต่อหน่วย งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2567 และตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 33 บาท เดือน ส.ค.-ต.ค.67 โดยเป็นมาตรการเพื่อดูแลค่าครองชีพให้กับประชาชน ซึ่งยืนยันว่าไม่กระทบกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพราะไม่ใช่การรับภาระหนี้แทน แต่เป็นการชะลอหนี้ให้กับประชาชน โดยทั้ง 2 หน่วยงานต้องการช่วยเหลือประชาชนเช่นกัน

"ที่ผ่านมาต้องขอบคุณ ปตท. กฟผ. และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ซึ่งผมมีเจตนาต้องการที่จะให้เดินหน้าได้ทุกหน่วยงาน โดยที่ประชาชนไม่เดือดร้อน การตรึงราคาดังกล่าวไม่ใช่จะมอบภาระให้ทั้ง 2 หน่วยงาน เพราะในส่วนของ กฟผ. ยังจะได้รับเงินคืนบางส่วน แต่จะยืดเวลาออกไปในการรับเงินไปชำระหนี้ ผมมองว่าทั้งหมดเป็นหน่วยงานของรัฐ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะรัฐยังเข้าไปดูแลได้ แต่ประชาชนไม่มีใครดูแล จะต้องให้ความสำคัญกับตรงนี้เหมือนกัน โดยข้อกำหนดค่าไฟฟ้าทุกอย่างยังเหมือนเดิม ขณะที่การดูแลดีเซลจะให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าดูแลเดือนละประมาณ 2,000 ล้านบาท" นายพีระพันธุ์ระบุ

รองนายกฯ และ รมว.พลังงานกล่าวว่า ปัญหาโครงสร้างราคาพลังงานของไทย เกิดจากกฎหมายที่กระทรวงพลังงานไม่มีอำนาจในการบริหารจัดการอย่างเต็มที่ กฎหมายที่มีอยู่อย่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง  พ.ศ.2562 ไม่เพียงพอในการบริหารราคาน้ำมันที่เป็นธรรมให้ประชาชน อาทิ ประเด็นภาษีที่ประชาชนโดนเรียกเก็บซ้ำซ้อน ทั้งภาษีสรรพสามิต ภาษีท้องถิ่น ขณะที่เนื้อน้ำมันราคาต้นทุนจริงอยู่ที่ระดับ 21 บาทต่อลิตรเท่านั้น ดังนั้นกระทรวงพลังงานจึงร่างกฎหมายฉบับใหม่เพื่อเข้ามาบริหารจัดการโครงสร้างราคาน้ำมันทั้งระบบ ปัจจุบันร่างกฎหมายเสร็จแล้ว ต่อไปต้องให้คณะทำงานกฎหมายและคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบร่างให้เรียบร้อย และคาดว่าจะสามารถบังคับใช้ได้ภายในปีนี้ โดยกฎหมายฉบับนี้จะเข้ามาแทน พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่จะถูกยุบเข้ามารวมในข้อกฎหมาย

โดยก่อนหน้าที่จะมีการออก พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กระทรวงพลังงานจะมีคณะทำงานดูแลกำหนดเพดานภาษีน้ำมันและดูแลการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แต่เมื่อ พ.ร.บ.ดังกล่าวมีผลบังคับใช้ อำนาจในการกำหนดเพดานภาษีน้ำมันได้ถูกตัดไป ทำให้กระทรวงพลังงานคงเหลือเพียงอำนาจดูแลกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น ดังนั้นกฎหมายใหม่ที่จะออกมาใช้นั้น จะดึงอำนาจในการกำหนดเพดานภาษีน้ำมันกลับคืนมา โดยจะเสนอแต่งการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา มีรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานเป็นประธาน เพื่อกำหนดเพดานภาษีน้ำมัน โดยคลังยังเป็นผู้จัดเก็บภาษีน้ำมันสรรพสามิตอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ไม่ให้เก็บภาษีเกินเพดานที่กำหนด

"ยืนยันกฎหมายบริหารโครงสร้างราคาน้ำมันฉบับนี้ จะมีความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน และไม่กระทบต่อการค้าน้ำมันเสรี ขณะเดียวกันจะมีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างกระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลัง โดยจะมีการหารือกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อหาข้อสรุปด้านภาษี ควบคู่ไปกับการออกกฎหมายฉบับใหม่ต่อไป"  นายพีระพันธุ์ระบุ

ด้านนายคงกระพัน อินทรแจ้ง  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.พร้อมดูแลประชาชนด้วยการชะลอค่าไฟเชื้อเพลิงที่รับภาระงวดปลายปี 2566 ยืนยันไม่กระทบฐานะการเงิน ตลอดจนผลประกอบการปีนี้ อย่างไรก็ตาม ในการดูแลค่าไฟครั้งนี้ วงเงินดูแลประชาชนส่วนใหญ่ทาง กฟผ.เป็นผู้รับภาระ

อย่างไรก็ตาม สำหรับความคืบหน้าการทบทวนธุรกิจของ ปตท. หรือ revisit คาดจะมีความชัดเจนเดือน ส.ค.นี้ ตามที่ได้ประกาศไว้  โดยจะมีการเสนอแผนทั้งหมดเข้าสู่คณะกรรมการ (บอร์ด) ปตท. ภายในเดือน ส.ค.นี้ ส่วนจะมีการเพิ่มหรือยุบธุรกิจส่วนใดนั้น ขอให้บอร์ดพิจารณาอีกครั้ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ยิ่งลักษณ์’ กลับคุก ‘บิ๊กเสื้อแดง’ รู้มา! ว่าไปตามราชทัณฑ์ไม่ใช้สิทธิพิเศษ

“เลขาฯ แสวง” ยันเดินหน้าคดี “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครองต่อ เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับกับศาล รธน. "จตุพร" ลั่นยังไม่จบ! ต้องดูสถานการณ์เป็นตอนๆ ไป