แหยงขับเหลิม/โพลยกนิด!

"เพื่อไทย" ยังไม่ขับ "เฉลิม" พ้นพรรค โยนเป็นเรื่อง กก.จริยธรรม ยันไม่ประสงค์เสียบุคลากรสำคัญ "วิสุทธิ์" แจงเป็นเรื่องผู้ใหญ่ต้องคุยกัน เชื่อไม่มีเลือดไหลอีก "วัน" ระบุลูกชายยังอยู่ พท. คนละส่วนกับปู่-พ่อ LINE TODAY  เปิดผลสำรวจ “เศรษฐา” อันดับ 1 ครองใจ ปชช. มองผลงานโดดเด่น "ลิณธิภรณ์" หวัง 1 ส.ค. ดันดิจิทัลวอลเล็ตต่อยอดความสำเร็จ "โหรวันชัย"  ฟันธงหลังคล้ายวันเกิด "ทักษิณ" 26 ก.ค. ดวงแข็งเข้าเกณฑ์ราชาโชค จะยิ่งใหญ่จนฉุดไม่อยู่  "วิโรจน์" ลั่นคดียุบ ก.ก.ต้องอยู่ภายใต้กรอบนิติรัฐ-นิติธรรม "คปท." พักชุมนุมชั่วคราว คืนพื้นที่เพื่องานมหามงคล ขู่หากมีนิรโทษฯ สุดซอยพร้อมกลับมาใหม่

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย  (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง  สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ระบุว่าหากพรรค  พท.มีมติขับออกจากการเป็น สส.เมื่อใด พร้อมย้ายไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  ทันทีว่า การจะขับใครออกจากพรรคมันต้องมีกระบวนการเกี่ยวกับเรื่องจริยธรรม ไม่ใช่อยู่ๆ จะขับใครออกจาก สส.ได้ และการตัดสินใจเป็นเรื่องของคณะกรรมการจริยธรรม ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิมยังไม่มีกรณีอะไรเกิดขึ้น และยังไม่มีการตั้งเรื่องอะไรทั้งสิ้น ท่านเป็นบุคลากรสำคัญของพรรคเพื่อไทย การเสียบุคลากรสำคัญไปไม่ใช่เรื่องที่พรรคประสงค์อยู่แล้ว

นายสรวงศ์กล่าวว่า ส่วนกรณีของนายวัน อยู่บำรุง อดีต สส.พรรค พท. ที่ระบุจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร.สัปดาห์หน้านั้น เราก็เคารพการตัดสินใจ เมื่อนายวันตัดสินใจเลือกเส้นทางดังกล่าว ก็ขอให้ประสบความสำเร็จในเส้นทางที่เลือก อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ อยากให้แยกเป็นรายบุคคลกันไป ตอนนี้นายอาชวิน อยู่บำรุง  ก็ยังอยู่กับพรรค พท. ควรต้องแยกกันให้ขาด พ่อก็พ่อ ลูกก็ลูก หลานก็หลาน

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมการจริยธรรมพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิมระบุหาก พท.มีมติขับออกจากการเป็น สส.เมื่อใด   พร้อมย้ายไปร่วมงานกับ พปชร.ทันทีว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องนี้กัน แต่คงจะไม่มีการพูดคุยกันในที่ประชุมพรรค เพราะเป็นเรื่องของคณะกรรมการจริยธรรม ซึ่งก็ยังไม่ได้มีประเด็นนี้มา ร.ต.อ.เฉลิมเป็นผู้ใหญ่ของพรรคที่เคารพนับถือ ก็ต้องให้ผู้ใหญ่ของพรรคคุยกัน คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร ใครชอบทางไหนก็ไปทางนั้น เป็นระบอบประชาธิปไตย

"เราไม่ได้โกรธหรือเกลียดกัน การเมืองเดี๋ยวก็อยู่ฝั่งนั้น เดี๋ยวก็อยู่ฝั่งนี้ เป็นเรื่องปกติ ไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร เราไม่ได้เป็นศัตรูกัน แต่ความคิดทางการเมืองก็แตกต่างกันได้ เราก็ยังเคารพนับถือ ร.ต.อ.เฉลิมเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ทางการเมืองก็สุดแล้วแต่ว่าใครจะไปทางไหน ไม่ได้ว่าอะไร กก.จริยธรรมก็ยังไม่ได้เรียกคุยอะไร"

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะมีสมาชิกพรรคหรือ สส.ในพรรคไหลออกเพิ่มอีก นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ไม่มีใครออกไปอีกแล้ว มีแต่คนจะเข้ามา การจะไปการจะมาของการเมืองเป็นเรื่องปกติ พรรคการเมืองไม่ใช่ศัตรูกัน อาจจะมีความคิดเห็นหรืออุดมการณ์ไม่ตรงกัน ก็เป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร แต่ใครจะไปทางไหนก็ขอให้เป็นเรื่องที่สบายใจ

ฟุ้งพรรคร่วม รบ.แน่นปึ้ก

นายวิสุทธิ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ยังกล่าวถึงกรณีปรากฏภาพของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ร่วมร้องเพลงกันที่ร้านอาหารแรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรีคลับ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา เนื่องจากขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลเหมือนจะมีปัญหาหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องกัญชาว่า การไปพบปะกันของหัวหน้าพรรค หรือแม้แต่ที่นายทักษิณไปนั้น คิดว่าเป็นเรื่องปกติ และเป็นเรื่องดีที่มีการพบปะสังสรรค์กัน ส่วนเรื่องกัญชาอยู่ระหว่างการดูแลของกระทรวงสาธารณสุข ยังไม่ได้เข้าสู่สภา ซึ่งก็ไม่น่ามีเรื่องอะไรที่น่ากังวลอะไรเลย ซึ่งก็จะมีภาพแบบนี้ต่อไป และในช่วงนี้รัฐบาลยังแน่นปึ้ก

"ความสัมพันธ์ยังแน่นหนา 1,000 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีอะไร ผู้ใหญ่คุยกันเป็นเรื่องปกติ ยังทำงานด้วยกันได้เกินปกติด้วยซ้ำ ไม่มีปัญหาอะไรเลย ในการลงมติอะไรก็ดีหมดทุกเรื่อง ซึ่งดูการลงมติมาตลอดก็ไม่มีใครแตกแถว และไม่มีใครขยับอะไรที่ทำให้เกิดความกังวลใจ ทุกครั้งที่ประชุมกันก็มีการจับมือกันแน่นหนา" นายวิสุทธิ์กล่าว

ด้านนายวัน อยู่บำรุง อดีตสมาชิก พท. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า นายอาชวิน (กาโม่) อยู่บำรุง ลูกชายผม ยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และปฏิบัติหน้าที่คณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปู่ส่วนปู่ พ่อส่วนพ่อ หลานส่วนหลาน ครับ

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ภาพ นายวัน อยู่บำรุง ถ่ายคู่กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผ่านเฟซบุ๊ก  ระบุว่า อ้าว!!! พี่วันไปอยู่กับท่านว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 แล้ว หลัง 7/8/67 คงเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี

วันเดียวกัน แอปพลิเคชัน LINE TODAY ได้เปิดเผยผลโหวตสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองของนักการเมืองในปัจจุบัน ประจำเดือนกรกฎาคม ซึ่งเปิดโหวตตั้งแต่วันที่ 1-20 ก.ค.67  ที่ผ่านมา ในหัวข้อ “คุณคิดว่าใครมีบทบาท ผลงานโดดเด่น หรือถูกใจคุณที่สุด” ปรากฏผลการสำรวจ 10 อันดับแรก ดังนี้ อันดับ 1 ได้แก่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนน 8,742 คะแนน หรือคิดเป็น 40.13%, อันดับที่ 2  คือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ได้คะแนน 7,427 คะแนน คิดเป็น 34.09%, อันดับที่ 3 คือนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่ได้มา 1,966 คะแนน หรือ 9.02% และอันดับ 4 คือ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ได้ 565 คะแนน คิดเป็น 2.59%, อันดับที่ 5 ได้แก่  นายสมศักดิ์ เทพสุทิน มีคะแนน 479 คะแนน คิดเป็น 2.2%

พท.โหนโพลนายกฯ ผลงานเด่น

อันดับที่ 6 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ได้ 471 คะแนน คิดเป็น 2.16%, อันดับที่ 7 ได้แก่ น.ส.จิราพร สินธุไพร ได้ 204 คะแนน คิดเป็น 0.94%, อันดับที่ 8 ได้แก่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ได้ 191 คะแนน คิดเป็น 0.88%, อันดับที่ 9 ได้แก่นายชวน หลีกภัย ได้ 190 คะแนน คิดเป็น 0.87%, อันดับที่ 10 ได้แก่นายรังสิมันต์ โรม ได้ 182 คะแนน คิดเป็น 0.84%

ด้าน น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการ พท. กล่าวว่า  คะแนนนิยมนี้สะท้อนว่าประชาชนเห็นและสัมผัสได้ถึงผลลัพธ์จากความมุ่งมั่นในการทำงานของรัฐบาล ที่นำโดยนายกฯ เศรษฐา สามารถจัดตั้งรัฐบาลนำพาประเทศพ้นภาวะสุญญากาศหลังการเลือกตั้งครั้งล่าสุด จนเข้าบริหารโดยปราศจากกฎหมายงบประมาณที่ล่าช้ามาแต่เดิม  โดยยึดหลักสอบถาม หารือ สั่งการ และติดตามต่อเนื่อง ก่อนที่จะมีการเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 ยิ่งเมื่องบประมาณ 2567 ได้รับการอนุมัติ อาทิ งบกลางในวงเงิน 7.6 พันล้าน ให้สํานักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รับมือน้ำท่วมปี 2567 น้ำแล้งปี 2568 และวงเงินกว่า 272 ล้านบาท แก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน ลดฝุ่น PM 2.5 ทั้งหมดมีเจตนารมณ์เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างตรงจุด จนประชาชนสัมผัสได้ และสะท้อนผ่านคะแนนความนิยมในวันนี้

น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าวว่า ต้องขอเป็นกำลังใจให้รัฐบาลไม่หยุดอยู่เท่านี้ แต่ต่อยอดความสำเร็จต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ที่เตรียมเปิดลงทะเบียน 1 สิงหาคมนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ทั้งระบบต่อไป

"โพลในครั้งนี้ที่มีผู้ตอบจำนวนมากและผ่านการยืนยันตัวตนแท้จริง คือกระจกสะท้อนหัวใจประชาชน ที่ยอมรับผลงานรัฐบาลตั้งแต่ยังไม่ครบปีแรก และพร้อมสนับสนุนนายกฯ เศรษฐา ถือธงนำประเทศ ดำเนินนโยบายต่อไปให้สำเร็จ ในฐานะนักการเมืองที่ 1 ในใจคนไทยในขณะนี้"

นายวันชัย สอนศิริ อดีต สว. โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก เรื่อง "ดวงคุณทักษิณกับราชาโชค"  ระบุว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เกิดวันที่ 26 ก.ค.2492 เวลาก่อนเที่ยงตรงกับวันอังคารปีฉลู มีทั้งจันทร์เด่นและจันทร์ดับ มีทั้งคนรักคนเกลียด ตรงกับราศีเมษมีดาวพฤหัสฯ กุมเกตุเป็นราชาโชค ยังมีอีกหลายดวงดาวที่เกี่ยวพันกับดวงชะตา หลังจากเดือนเกิดต่อแต่นี้จะมีแต่แข็งและแรงขึ้น ยิ่งอยู่ในฐานของราชาโชค มีแต่โชคที่ยิ่งใหญ่ เคยดับอับแสงจะกลับมาสว่างไสวเจิดจ้าเป็นโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่ไปสุดๆ จะได้รับการยกย่องตามหลักโหราว่าเป็นปทุมเกณฑ์ ชนิดที่คิดและก็คาดไม่ถึง

นายวันชัยระบุว่า จะปล่อยให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และพลพรรคเพื่อไทยขับเคลื่อนอยู่เช่นนี้ ยังไม่มีผลงานใดที่โดนใจประชาชน ได้แต่เต้นแร้งเต้นกาไปวันๆ ประชาชนก็เห็นแต่ท่าแต่ทางไปเท่านั้น ที่จะชื่นชมนิยมยกย่องยังไม่มีเลย ขืนปล่อยไปเช่นนี้ ทั้งเพื่อไทย ทั้งครอบครัว  ทั้งตัวนายทักษิณ ก็จะถูกจันทร์ดับอับแสงไปด้วย จะอยู่ในที่มืดต่อไปคงไม่ได้ จันทร์ต้องออกมาส่องหล้าด้วยตัวของนายทักษิณเอง

"สถานการณ์นี้คุณทักษิณต้องออกมาขับเคลื่อนให้เห็นเด่นชัดแบบตรงไปตรงมา เพราะดาวพฤหัสฯ และราชาโชคเปิดโอกาสให้แล้ว ไม่ขยับตอนนี้แล้วจะไปขยับตอนไหน ดูจากดวงดาวจึงต้องเป็นคุณทักษิณ ชินวัตร ส่วนจะบริหารจัดการกับอำนาจอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่จะต้องตัดสินใจกันเองให้เกิดความพอดีพอเหมาะ ร่วมมือร่วมใจ รัฐบาลก็เดินไปได้ คุณทักษิณก็เป็นกำลังเสริมเติมให้เปรี้ยงปร้าง ดาวพฤหัสฯ และราชาโชค มาถูกที่ถูกเวลากับชะตาของเขาอะไรก็รั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่" นายวันชัยระบุ

ยุบ ก.ก.ต้องอยู่ใต้หลักนิติรัฐ

ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกล  นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดียุคพรรคก้าวไกลในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ว่า ขอบอกตามตรงว่าไม่ต้องเตรียมตัวอะไร เราเคยถกกันในเรื่องนี้มาหลายเดือนแล้ว จนตกผลึกมานาน 7 ส.ค.นี้ ก็ถือเป็นวันวันหนึ่งตามปกติ  ส่วนศาลจะวินิจฉัยอย่างไร ท่านก็ทำหน้าที่ของท่านไปก็แล้วกัน เพราะในส่วนเรื่องของข้อกฎหมายผู้ร้อง หรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ได้ทำตามระเบียบที่ตัวเองตราขึ้น ซึ่งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้พูดไปครบถ้วนแล้ว

ส่วนกรณีหลักฐานข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องไปยื่นต่อศาล ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริงนั้น นายชัยธวัช ตุลาธน  สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ได้นำมาเปิดเผยให้ดูแล้วว่าอะไรที่ไม่ใช่เรื่องจริงหรือคลาดเคลื่อน ซึ่งถือว่าครบถ้วนแล้ว สำหรับในแง่ของกฎหมาย หลักนิติธรรม นิติรัฐ ทางพยานท่านหนึ่ง ก็ได้รับการยอมรับจากสังคมพอสมควร คือ ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ นักกฎหมายมหาชน ได้ให้ความเห็น และหลักคิดไว้ตามสมควรแล้ว

"เชื่อว่า 3 องค์ประกอบข้างต้น ทำให้เราไม่ต้องกังวลอะไร ทั้งหมดอยู่ภายใต้หลักนิติรัฐ นิติธรรม เราก็เดินหน้าทำงานต่อไป พูดคุยถึงแผนงานในเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน เพราะเวลาหารือกัน เราคุยกันเป็นรายไตรมาส ก็ไม่ได้มองว่าต้องเตรียมการอะไรเป็นพิเศษ"

ส่วนวางฉากทัศน์ไว้อย่างไร หากผลออกมาเป็นบวกหรือลบ นายวิโรจน์ยืนยันว่า ไม่ได้ถึงขั้นเตรียมขนาดนั้น แต่เราอยู่ในฐานะที่ไม่ตื่นตระหนก แต่ไม่ประมาท ถ้าผลออกมาแบบใดแบบหนึ่ง เราก็คิดอ่านอีกแบบหนึ่ง ซึ่งยังมีเวลา ไม่ต้องมานั่งรีบร้อนคิดอะไร

ส่วนหากออกมาเป็นลบ จะส่งผลเสียต่อประเทศอย่างไรนั้น นายวิโรจน์กล่าวว่า อันดับแรกคงต้องมีคำอธิบายให้ประชาชนเข้าใจได้ เพราะตอนนี้หากถามพรรคการเมืองอื่น หรือทางฝั่งรัฐบาลก็ดี ก็ไม่มีใครที่จะเห็นด้วยกับการยุบพรรค พร้อมย้อนถามว่า เราเห็นประเทศประชาธิปไตยไหนที่มีการยุบพรรคบ่อยๆ อย่างนี้หรือ นี่คือพรรคของประชาชน ดังนั้น การยุบพรรคไม่ใช่ทางออกที่ดีของประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ซึ่งก็ต้องมีคำอธิบายอยู่ภายใต้กรอบนิติรัฐ นิติธรรม ที่ประชาชนรับได้ด้วย

ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และกองทัพธรรม ร่วมกันแถลงข่าวกับตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อพักการชุมนุมชั่วคราว คืนพื้นที่ เพื่องานมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ครบ 6 รอบ โดยมีนายนิติธร ล้ำเหลือ, นายพิชิต ไชยมงคล และนายนัสเซอร์ ยีหมะ แกนนำกลุ่ม ส่วนตัวแทนจากภาครัฐ คือ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ นายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

คปท.พักชุมนุมชั่วคราว

โดยนายพิชิตกล่าวว่า ทางกลุ่ม คปท. กองทัพธรรม และ ศปปส. ได้มาปักหลักชุมนุมเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมเกิดความเท่าเทียมกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ไม่อยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว จนถึงวันที่ได้รับการพักโทษ และกำลังจะพ้นโทษ แต่กระบวนการตรวจสอบที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยเหลือนายทักษิณยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร ซึ่งทางกลุ่มได้ปักหลักตั้งแต่ 2 ก.พ.2567 และทำกิจกรรมต่อเนื่องยาวนาน ภายใต้กรอบประชาธิปไตย เมื่อมาถึงเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นเดือนมหามงคลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 อันเป็นที่เคารพรักของปวงชนชาวไทยทุกคน และจะมีการจัดงานครบ 6  รอบ 72 พรรษา เพื่อให้สมพระเกียรติของพระองค์ท่าน

จึงมีความเห็นว่า จะขอพักการชุมนุมชั่วคราวเพื่อใช้พื้นที่ในการตกแต่งสถานที่และประชาชนที่จะมาร่วมงานในการเฉลิมฉลองของพระองค์ท่าน  ได้มีการหารือกับตัวแทนสำนักนายกรัฐมนตรี   สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรุงเทพมหานคร  เพื่อพักการชุมนุม ไปจนถึงงานมหามงคล ไปถึงงานเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคมด้วย

"แต่ยืนยันว่าทางกลุ่มจะยังคงมีเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เมื่อครบกำหนดหลังงาน 12 สิงหาคม ทางกลุ่มขอยืนยันว่าจะยังคงเรียกร้องตามจุดยืนเดิม และหากเห็นชอบร่างกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย เราก็จะกลับมาที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐตามเดิม"

แกนนำ คปท.ระบุว่า จะยุติกิจกรรมบนเวทีในวันที่ 22 ก.ค. และเริ่มเก็บอุปกรณ์ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค. ก่อนที่วันที่ 24 จะร่วมกันกับ กทม. ทหาร ตำรวจ และสำนักนายกฯ เพื่อทำการบิ๊กคลีนนิงตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 22 ก.ค. ช่วงเวลา 09.00 น. ทหารช่างจากกองพันทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ กองพลทหารที่ 1 รักษาพระองค์ จะเข้ามาเคลียร์พื้นที่ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ในพื้นที่การชุมนุมบนผิวถนน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง