ตร.84%ภูมิใจ ใส่เครื่องแบบ ปูน‘บำเหน็จ’ รองหรั่ง6ขั้น

ตำรวจ 84% ภูมิใจในเครื่องแบบ  สายงานสืบสวนพอใจน้อยที่สุด “นพดล” ชง 5 แนวทางปฏิรูปเพื่อเรียกคืนศักดิ์ศรี ตร.อย่างเต็มภาคภูมิ ปูนบำเหน็จ “พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์” 6 ขั้น ขอพระราชทานยศ “พล.ต.อ.” เตรียมจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติ 22 ก.ค.

เมื่อวันอาทิตย์ ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง เปิดใจตำรวจว่าด้วยการปฏิรูป กรณีศึกษาตัวอย่างตำรวจทุกสายงานทั่วประเทศ จำนวน 7,402  ตัวอย่าง โดยเมื่อสอบถามความภูมิใจและรักในความเป็นตำรวจ พบว่าส่วนใหญ่หรือ 84.4%  ภูมิใจและรักในความเป็นตำรวจมากถึงมากที่สุด  ในขณะที่ 15.6% ภูมิใจและรักในความเป็นตำรวจน้อยถึงไม่เลย ที่น่าสนใจคือ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างช่วงที่มีข่าวขัดแย้งระหว่างนายตำรวจระดับสูงกับช่วงไม่มีข่าวขัดแย้ง พบว่า ความภูมิใจและรักในความเป็นตำรวจสูงขึ้นจาก 82.9% มาอยู่ที่ 84.4%

ทั้งนี้ เมื่อจำแนกออกตามสายงานตำรวจ พบว่า สายงานสอบสวนมีความภูมิใจและรักในความเป็นตำรวจน้อยกว่าสายงานอื่นๆ โดยพบว่าตำรวจที่ภูมิใจและรักในความเป็นตำรวจมากถึงมากที่สุดในสายงานสอบสวนมีอยู่ 78.3%, สายงานอำนวยการ 80.7%, สายงานจราจร 85.5%, สายงานป้องกันและปราบปราม 86% และสายงานสืบสวนมี 87.5%

ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงการปฏิรูปตำรวจ  พบความต้องการของตำรวจที่ระบุปฏิรูปตำรวจแล้วต้องสามารถคืนศักดิ์ศรีความเป็นตำรวจได้แท้จริง เปรียบเทียบระหว่างช่วงมีข่าวขัดแย้งระหว่างนายตำรวจระดับสูงกับช่วงไม่มีข่าวขัดแย้ง พบว่ามีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นจาก 80.9% ในช่วงที่มีข่าวขัดแย้ง มาอยู่ที่ 89.6% ในช่วงที่ไม่มีข่าวขัดแย้งระหว่างนายตำรวจระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

“ผลสำรวจชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า ตำรวจมีความภูมิใจและรักในความเป็นตำรวจมากขึ้นเมื่อไม่มีข่าวขัดแย้งระหว่างนายตำรวจระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และต้องการให้มีการปฏิรูปตำรวจที่สามารถคืนศักดิ์ศรีความเป็นตำรวจได้อย่างแท้จริง แต่น่าห่วงที่สายงานสอบสวนมีความภูมิใจและรักในความเป็นตำรวจต่ำกว่าสายงานอื่น”

ผศ.ดร.นพดลกล่าวอีกว่า เมื่อศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพเชิงลึก พบข้อเสนอแนะที่น่าพิจารณาดังนี้ 1.สำนักงานตำรวจแห่งชาติควรมีผู้นำหน่วยที่ผ่านงานที่หลากหลายทุกมิติ โดยเฉพาะการเข้าถึงประชาชน ดูแลประชาชนระดับพื้นที่ตั้งแต่ระดับสถานีตำรวจ กองบังคับการตำรวจนครบาลหรือภูธร กองบัญชาการตำรวจนครบาลหรือภูธร 2.ควรปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งโยกย้ายให้เป็นธรรมและโปร่งใสแท้จริง 3.แก้ไขกฎหมายให้สนับสนุนการทำงานของตำรวจโดยเฉพาะสายงานสอบสวนให้มีประสิทธิภาพ ผลสัมฤทธิ์ และดีต่อคุณภาพชีวิตของพนักงานสอบสวนให้มากยิ่งขึ้น 4.เพิ่มโอกาสเติบโตในสายงานให้มากขึ้น และ 5.อื่นๆ เช่น การจัดโครงการด้านการศึกษา อบรมและพัฒนาทักษะในด้านต่างๆ เพื่อให้ข้าราชการตำรวจมีความรู้และทักษะที่ทันสมัย สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความพึงพอใจในหน้าที่การงาน

วันเดียวกัน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าระงับเหตุชายอายุ 49 ปี มีอาการคลุ้มคลั่งและมีอาวุธปืน ใช้อาวุธปืนตีทำร้ายบุตรสาวและกักขังไว้ในบ้านพักย่านพระราม 2 แขวงและเขตบางบอน กรุงเทพมหานคร ซึ่งระหว่างระงับเหตุและเจรจาต่อรอง ชายคนดังกล่าวได้เปิดประตูออกมาและใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหลายนัด เป็นเหตุให้ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม เสียชีวิต และ ด.ต.ไชยวัฒน์ อัตโสภณวัฒนา ผบ.หมู่ ป.สน.ท่าข้าม ได้รับบาดเจ็บ ว่าได้สั่งการให้ดูแลสวัสดิการ พิจารณาปูนบำเหน็จสิทธิประโยชน์ต่างๆ  ตามระเบียบราชการอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจต่อข้าราชการตำรวจและทายาทของผู้เสียชีวิตต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยได้ดูแลสิทธิประโยชน์เบื้องต้นให้ครอบครัวของ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จำนวน 4,577,210 บาท พร้อมปูนบำเหน็จความดีความชอบตอบแทนเป็นกรณีพิเศษ โดยขอเลื่อนเงินเดือนให้ 6 ขั้น ขอพระราชทานยศเป็น พล.ต.อ. รวมทั้งการจัดพิธีศพให้สมเกียรติ โดยวันจันทร์ที่ 22 ก.ค.นี้ เวลา 17.00 น. มีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ณ วัดยางสุทธาราม แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร พิธีสวดพระอภิธรรม วันที่ 22-27 ก.ค.2567 และพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 29 ก.ค.2567 ส่วนของ ด.ต.ไชยวัฒน์ที่ได้รับบาดเจ็บ ได้ดูแลสิทธิประโยชน์เบื้องต้น 33,000 บาท และดูแลสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่นๆ ตามหลักเกณฑ์อย่างเต็มที่ต่อไป  พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ได้สั่งให้ถอดบทเรียน และทบทวนยุทธวิธีการปฏิบัติจากกรณีดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียขึ้นอีก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง