เชียงใหม่ ๐ ใจดีสู้เสือ! "ชัยธวัช" เชื่อ "ก้าวไกล" มีโอกาสชนะสูง อ้างยิ่งศาล รธน.ปิดไต่สวน "คดียุบพรรค" ก็ยิ่งมั่นใจในคำแถลงปิดคดี ปลุกกองเชียร์ 7 ส.ค. หลังศาลวินิจฉัยเจอกันที่พรรคมีปราศรัยด้วย ด้าน "ธนกร" ลั่น! รวมไทยสร้างชาติขวางนิรโทษกรรม ม.110 และ 112 ส่อขัด รธน.หมวด 2 ชัดเจน
วันที่ 20 กรกฎาคม 2567 ที่ จ.เชียงใหม่ นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดียุคพรรคก้าวไกลในวันที่ 7 ส.ค.นี้ว่า ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร จะไม่กระทบกับทุกทาง เป้าหมาย ความมุ่งมั่น และความเข้มแข็งในการทำงานของพวกเรา จนถึงวันนี้เรามั่นใจว่าเราแข็งแรงขึ้นเยอะ มีความพร้อมในการทำงานมากขึ้นตามลำดับ เดินหน้าสู่การเตรียมพร้อมเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดให้ได้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า นี่เป็นสิ่งที่เราพยายามสื่อสารไปยังพี่น้องประชาชน
"ถ้าผลออกมาแย่ เรายังมีเวลาพูดคุยกันในพรรค ซึ่งได้ชี้แจงกับ สส.ไว้แล้ว หากผลออกมาไม่ดี เราจะมีกระบวนการหลังจากนั้น จึงยังไม่จำเป็นที่จะต้องพูดคุยกันวันนี้"
นายชัยธวัชเชื่อมั่นว่า มีโอกาสชนะสูงในข้อต่อสู้ทางด้านกฎหมายที่มีน้ำหนัก แต่เรื่องข้อเท็จจริงว่าศาลไม่มีการไต่สวนแล้ว ก็ทำให้คำแถลงปิดคดีพรรคยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น เพราะยิ่งทำยิ่งเห็นพยานหลักฐานของฝ่ายผู้ร้องยิ่งชัดเจนขึ้น
เขาบอกว่า ในวันที่ 7 ส.ค. ที่ศาลจะมีคำวินิจฉัยในเวลา 15.00 น.นั้น เนื่องจากเป็นวันพุธ สส.พรรคก้าวไกลจะติดตามฟังการแถลงสดที่สภาผู้แทนราษฎร แต่หลังจากเสร็จงานที่สภาแล้ว จะไปรวมกัน ณ ที่ทำการพรรค พี่น้องประชาชนที่อยากให้กำลังใจ เราจะเตรียมสถานที่บริเวณลานจอดรถตรงข้ามพรรคไว้รองรับ ซึ่งจะมีที่กันฝนและจอมอนิเตอร์ให้รับฟังร่วมกัน และอาจมีการพูดจาปราศรัยกัน
"สำหรับใครที่จะไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ไปที่พรรคดีกว่า เพราะที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้มงวด อาจจะไม่มีที่ให้นั่งฟังคำวินิจฉัย" นายชัยธวัชแนะนำ
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร เตรียมจัดทำรายงานเสนอต่อที่ประชุมสภาฯ ภายในเดือน ก.ค.นี้ โดยมองว่า หากจะมีการเสนอสภาให้ตรากฎหมายนิรโทษกรรมแก่การกระทำที่มีเหตุแรงจูงใจทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน แต่ไม่นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดต่อชีวิต และความผิดที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง 2 ประเด็นแรกนั้น ตนเห็นด้วย หากเป็นการกระทำที่ไม่รุนแรงถึงขั้นชีวิต แต่ควรพิจารณาในรายละเอียดอย่างรอบคอบตามหลักกฎหมาย เชื่อว่าจะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นแก่ทุกฝ่ายได้
นายธนกรกล่าวว่า ส่วนการกระทำผิดที่เกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 และ มาตรา 112 หากจะมีการนิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำความผิดที่ก้าวล่วงสถาบันฯ ตามมาตราดังกล่าว อาจเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ หมวด 2 เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ในหลายมาตรา เช่น มาตรา 6 ที่ระบุชัดว่า "องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้" ซึ่งจะเท่ากับว่ากฎหมายที่สภาจะตราออกมาใหม่เรื่องการนิรโทษกรรม ส่อไปขัดต่อรัฐธรรมนูญเสียเอง และทำให้ไม่ผ่านการพิจารณาถูกตีตกในสภาได้
นอกจากนั้น อาจเป็นการเปิดช่องให้คนนำเหตุผลมาอ้างว่าทำลงไปเพราะมาจากแรงจูงใจทางการเมือง ถูกชักจูงโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จนทำให้คนไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทำผิดซ้ำอีก เพราะสุดท้ายก็ได้นิรโทษกรรม แบบนี้ถือว่าเป็นความลักลั่นทางกฎหมาย เปิดช่องให้คนทำผิดมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องที่เปราะบางเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว ถือเป็นเรื่องอันตรายมาก เพราะเป็นความมั่นคงของชาติ
“พรรครวมไทยสร้างชาติได้ย้ำจุดยืนมาตลอดแล้วว่า กฎหมายนิรโทษกรรม เราคัดค้าน จะต้องไม่รวมคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 และ 112 เด็ดขาด เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ใครจะดูหมิ่นก้าวล่วงไม่ได้ ซึ่งการจะตรากฎหมายใดออกมาก็ตาม ต้องพิจารณาให้รอบคอบ ยึดประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก ไม่เอาพวกพ้องเป็นใหญ่ หากดันทุรังผลักดันเรื่องนี้ในสภา เชื่อว่า สส.ผู้แทนที่มาจากประชาชนทุกคนไม่ยอมแน่ หากกระทำความผิดก็ต้องยอมรับและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” นายธนกรระบุ
วันเดียวกันนี้ จากกรณีเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศาลอาญามีคำพิพากษาคดีเว็บพนันและฟอกเงินหมายเลขดำ ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ธมลพรรณ์ ประเสริฐวิทย์ หรือแยม อดีตดารานักเเสดงชื่อดังกับพวก ในความผิดฐานร่วมกันเพื่อประสงค์แห่งการค้า ทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งรูปภาพ ภาพโฆษณา รูปถ่ายฯ หรือสิ่งอื่นใดอันลามกฯ, ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อฯ โดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันฯ, สมคบฯ เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินฯ และร่วมกันฟอกเงิน
โดย น.ส.ธมลพรรณ์ จำเลยที่ 7 ที่ถูกพิพากษาจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว พร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 250,000 บาท
ศาลอาญาพิเคราะห์แล้วเห็นควรส่งให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณา ซึ่ง น.ส.ธมลพรรณ์ถูกคุมตัวที่ทัณฑสถานหญิงกลางเพื่อรอฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์
ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ก.ค. ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งลงมาว่าพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 7 มีลักษณะเป็นขบวนการ มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 7 มีกำหนด 5 ปี หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวมีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยที่ 7 จะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 7 ในระหว่างอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บิ๊กต่อแจงบ้านลอนดอน รมว.ดีอีดีดรับพ่อนายกฯ
ป.ป.ช.เปิดขุมทรัพย์ “บิ๊กต่อ” หลังพ้นเก้าอี้ ผบ.ตร. ทรัพย์สิน 209 ล้าน
ภท.เฮรอดคดียุบพรรค! อิ๊งค์ขอเริ่มทำงาน2ม.ค.
“ภท.” เฮ รอดยุบพรรค กกต.ยุติสอบ “วันนอร์” ไม่หวั่นถูกเลื่อยขาเก้าอี้
ธปท.จับตาแจกเงินเฟส2-3
“คลัง” ฟุ้งเศรษฐกิจไทยเดือน พ.ย.โตต่อเนื่อง อานิสงส์ส่งออก-ท่องเที่ยวหนุนเต็มพิกัด
ชวนบี้แก้ปมท้องถิ่นชิงลาออก
“แสวง” ลงพื้นที่ปราจีนบุรี ส่องรับสมัครนายก อบจ.วันสุดท้าย
จี้สอบ6ข้อป่วยทิพย หวั่น‘สมศักดิ์’แทรกแซง/‘แม้ว’ถก‘อันวาร์’เรื่องอาเซียน!
"บิ๊กป้อม" เลี่ยงเผชิญหน้า "ทักษิณ" ยกเลิกร่วมงานอวยพรครบรอบ 75 ปี
อดีต สส. หอบเหรียญ สมัคร 'นายก อบจ.บุรีรัมย์' วันสุดท้าย
เปิดรับสมัคร 'นายก อบจ.บุรีรัมย์' วันสุดท้าย 'ประเสริฐ' อดีต สส. หอบเหรียญจ่ายค่าสมัคร ได้หมายเลข 5