ชี้งบ1.22แสนล.จบเร็ว พีระพันธุ์ยันตรึงเอฟที

กมธ.งบ 1.22 แสนล้านบาทประชุมนัดแรก เคาะชื่อประธานตามคาด อึ้งมีรองประธาน 8 คน “จุลพันธ์” เชื่อจบเร็วก่อนชงเข้าที่ประชุมใหญ่ปลายเดือนนี้ “พีระพันธุ์” ยันตรึงค่าไฟที่ 4.18 บาทต่อไปอีก แต่ยาวเท่าไหร่ไม่รู้ ซัดข่าวปรับขึ้น 6 บาทจงใจทำให้ชาวบ้านไขว้เขว

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท เป็นนัดแรก โดยที่ประชุมมีมติเลือกตั้งตำแหน่งต่างๆ ใน กมธ. โดยให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน กมธ., นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นรองประธาน กมธ.คนที่หนึ่ง, นายจักรพงษ์ แสงมณี รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นรองประธาน กมธ.คนที่สอง, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง เป็นรองประธาน กมธ.คนที่สาม, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง เป็นรองประธาน กมธ.คนที่สี่, นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ เป็นรองประธาน กมธ.คนที่ห้า, นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ เป็นรองประธาน กมธ.คนที่หก, นายธนา กิจไพบูลย์ชัย เป็นรองประธาน กมธ.คนที่เจ็ด และนายพรรษศรณ์ สาครเสถียร เป็นรองประธาน กมธ.คนที่แปด

นอกจากนี้ ยังตั้งนายกิตติ ลิ่มสกุล เป็น กมธ.และที่ปรึกษา กมธ. ส่วนตำแหน่งโฆษก กมธ. มี 2 คน คือ นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย และนายเสมอกัน เที่ยงธรรม สส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ขณะที่นายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ เป็นเลขานุการ กมธ. โดยกําหนดให้มีการนัดประชุม กมธ.ทุกวัน ตั้งแต่วันอังคารที่ 23 ก.ค. ถึงวันศุกร์ที่ 26 ก.ค. เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป

ขณะที่นายจุลพันธ์กล่าวว่า การประชุมในวันที่ 23 ก.ค. จะพิจารณารายมาตรา คาดว่าจะใช้เวลามาตรา 4 มากที่สุด เพราะเกี่ยวข้องกับรายจ่ายในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่คงใช้เวลาไม่เกิน 2 วัน ในวันที่ 24 ก.ค.คงจบได้ ส่วนวันที่ 25 ก.ค. จะเชิญผู้แปรญัตติเข้ามาชี้แจง จากนั้นจะส่งให้สภาผู้แทนราษฎรโดยเร็ว เพื่อบรรจุเป็นวาระการประชุมวาระ 2 และ 3 เพื่อให้ทันพิจารณาในวันที่ 31 ก.ค.

เมื่อถามว่า การอภิปรายของสมาชิก ที่เป็นห่วงว่าการใช้งบปี 2567 ข้ามมาในปี 2568 จะขัดต่อกฎหมายหรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า ไม่ขัด เป็นไปตามปกติกลไกที่ดำเนินการได้ เพราะในอดีตเคยมีมาก่อน ซึ่งเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมาชี้แจงข้อสงสัย และให้คำตอบกับ กมธ. เพราะเป็นผู้ถือกฎหมาย

ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการพิจารณาเพิ่มสินค้าที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า พณ.พร้อมดึงร้านค้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ หลังประกาศนโยบายวันที่ 24 ก.ค. ก็จะดำเนินการทันที การลงทะเบียนร้านค้าเราพร้อมอยู่แล้ว ทั้งร้านค้าของ พณ. กรมการค้าภายใน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือของสมาคมผู้ค้าปลีกต่างๆ รวมถึงร้านค้าในหน่วยงานท้องถิ่นของกระทรวงมหาดไทย ได้ประสานกระบวนการไว้หมดแล้ว

 วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางยื่นฟ้อง รมว.พาณิชย์  คณะกรรมการกลางว่าด้วยสินค้าและบริการ และอธิบดีกรมการค้าภายใน ต่อศาลปกครองกลาง ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ และละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด เป็นเหตุให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคหลายชนิดประกาศขึ้นราคา และไม่มีการประกาศขึ้นราคา หรือถ้าไม่ขึ้นราคาก็จะมีปริมาณที่ลดน้อยลง แต่ราคาเท่าเดิม ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเสียหาย โดยขอให้เพื่อขอให้ศาลได้พิจารณาคุ้มครองประชาชน ด้วยการสั่งให้ พณ.หรือผู้ถูกฟ้องคดีเร่งควบคุมสินค้าทุกประเภทให้ถูกลง เพื่อความเป็นธรรมต่อประชาชน และถ้าข้าราชการคนใดเกียร์ว่าง หรือมีส่วนเอื้อประโยชน์ต่อนายทุนผู้ประกอบการให้ดำเนินการเอาผิดต่อไป

ส่วนนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ  และ รมว.พลังงาน กล่าวถึงกระแสข่าวว่าจะปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที)  6 บาทต่อหน่วย ว่าจากการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อยุติว่าจะตรึงค่าไฟไว้ที่ 4.18 บาท ส่วนจะตรึงกี่เดือนนั้น ต้องพิจารณาตามราคาตามค่าเอฟทีที่ปรับทุก 4 เดือน จึงต้องมาดูตรงนี้ด้วย ถ้ามีการปรับลดลง ราคาไฟก็ลดลง ทั้งนี้ ต้องขอบคุณการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ ปตท. ที่ยินดีไม่รับค่าตอบแทนเพื่อช่วยประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสข่าวที่ออกมาเกิดจากอะไร นายพีระพันธุ์กล่าวว่า เป็นเหมือนทุกครั้งที่พยายามทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด สื่อต้องช่วยทำความเข้าใจ ไม่ใช่ได้ข่าวอะไรมาก็ประโคมข่าวกันไปก่อน แต่สุดท้ายไม่ใช่ ต้องเข้าใจว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องคิดในสิ่งที่ควรจะเป็นจริง ก่อนที่สุดท้ายจะต้องมาดูด้วยว่านโยบายจะสามารถแก้ไขอะไรได้บ้าง

นายพีระพันธุ์ยังกล่าวถึงราคาน้ำมันเชื้อเพลิงว่า การจะปรับลดต้องมาจากหลายส่วน โดยต้องปรับอัตราภาษีด้วย ขณะนี้ตรึงที่ราคา 33 บาทต่อลิตร แต่ราคาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยขณะนี้การยกร่างกฎหมายเกี่ยวกับการกำหนดอัตราภาษีเพื่อให้มาอยู่ในอำนาจของกระทรวงพลังงาน และดำเนินการใกล้แล้วเสร็จ จากนั้นจะเสนอให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง