สว.พันธุ์ใหม่ลุยชิง3เก้าอี้ รุมคุ้ยปริญญา‘หมอเกศ’

200 สภาสูงชุดใหม่รายงานตัวครบแล้ว เคาะ 23 ก.ค.ประชุมนัดแรกเลือกประมุขและรอง "นันทนา" นำทีม สว.พันธุ์ใหม่เข้ารัฐสภาแล้ว ประกาศส่งชื่อชิงทั้ง 3 เก้าอี้ วุฒิการศึกษา "หมอเกศ" ลามหนัก "สมชัย" ชวนคนไทยในอเมริการ่วมคุ้ย "รศ.ดร.วีรชัย" บี้ อว.ร่วมตรวจสอบปมศาสตราจารย์ "สนธิญา" ลุยสถานทูตสหรัฐฯ ช่วยสอดส่อง "ทนายเดชา" บอก "พญ.เกศกมล" พร้อมเข้าสู่กระบวนการ แต่ขู่อย่าทำตัวเป็นศาลเตี้ย

เมื่อวันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม 2567 ถือเป็นวันสุดท้ายที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเปิดให้ สว.มารายงานตัว ซึ่งตลอดทั้งวันเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยตั้งแต่ช่วงเช้ามี สว.ใหม่ทยอยเดินทางเข้ามารายงานตัวต่อเนื่อง  โดยเฉพาะกลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มสุดท้ายที่เข้ามารายงานตัว นำมาโดย น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. ซึ่งสร้างสีสันด้วยการนำเพื่อน สว.ในกลุ่มเดินถือป้ายสีรุ้งที่มีข้อความระบุว่า “สว.พันธุ์ใหม่รับใช้ประชาชน” เข้ามารายงานตัว นอกจากนี้ยังมี สว.บางส่วนที่รายงานตัวไปแล้ว ก็เดินทางมาตามนัดเพื่อรับบัตรประจำตัว สว. เนื่องจากเครื่องทำบัตรชำรุดในวันรายงานตัววันแรก อาทิ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย และในเวลา 14.00 น. สว.ได้มารายงานตัวครบทั้ง 200 คน โดยคนสุดท้ายที่มารายงานตัวคือ นายณภพ ลายวิเศษกุล สว.กลุ่มการท่องเที่ยว

น.ส.นภาภรณ์ ใจสัจจะ เลขาธิการวุฒิสภา กล่าวว่า  เมื่อ สว.มารายงานตัวครบ 200 คนแล้ว การนัดประชุมวุฒิสภานัดแรก เลขาฯ วุฒิสภาจะเป็นผู้นัดประชุม ซึ่งข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 ข้อ 15 กำหนดว่า  การนัดประชุมวุฒิสภาต้องนัดประชุมล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน ดังนั้นวันที่มีความเหมาะสมนัดประชุมเป็นครั้งแรกคือ วันที่ 23 ก.ค. โดยวาระการประชุมจะประกอบด้วย 1.เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม โดยมีเรื่องรับทราบประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องผลการเลือก สว., รับทราบประกาศ กกต. เรื่องผลการเลือก สว.บัญชีสำรอง และ สว.กล่าวปฏิญาณตนในที่ประชุมก่อนเข้ารับหน้าที่ ตามมาตรา 115 ของรัฐธรรมนูญ 2.เลือกประธานวุฒิสภา และ 3.เลือกรองประธานวุฒิสภา

น.ส.นภาภรณ์กล่าวต่อว่า การนัดการประชุมครั้งแรกตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 ข้อ 5 กำหนดว่า ในการเลือกประธาน สว.และรองประธาน สว. ครั้งแรกให้เลขาธิการวุฒิสภาเชิญสมาชิกผู้มีอายุสูงสุดซึ่งอยู่ในที่ประชุม สว.เป็นประธานชั่วคราว ซึ่ง สว.ที่มีอายุสูงสุดเรียงตามลำดับ 3 ลำดับแรก ได้แก่ 1. พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี อายุ 78 ปี 2.นายแล ดิลกวิทยรัตน์ อายุ 77 ปี และ  3.นายบุญส่ง น้อยโสภณ อายุ 75 ปี ซึ่งในวันดังกล่าวหาก พล.ต.ท.ยุทธนาไม่อยู่ในที่ประชุม สว.ที่มีอายุสูงสุดลำดับถัดไปจะทำหน้าที่

“เมื่อเลือกเสร็จแล้ว สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาต้องยืนยันมติและส่งเรื่องไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป ตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 ข้อ 9 และเมื่อมีพระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งประธาน สว.และรองประธาน สว.แล้ว จึงจะมีการนัดประชุมวุฒิสภาครั้งต่อไปได้ โดยประธาน สว.ต้องเป็นผู้มีคำสั่งนัดประชุม ซึ่งคาดว่าเวลาเร็วสุดที่อาจเป็นไปได้เมื่อเทียบกับที่ผ่านมาประมาณ 7 วัน ดังนั้นในการประชุมครั้งถัดไปอาจเป็นวันที่ 30 ก.ค.” น.ส.นภาภรณ์ระบุ

ด้าน น.ส.นันทนาให้สัมภาษณ์ก่อนรายงานตัวถึงกลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ว่า กลุ่มมีอยู่ประมาณ 30 คน ซึ่งจุดยืนของกลุ่มยึดแนวทางเสรีนิยมก้าวหน้า มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เป็น สว.รุ่นใหม่ที่เป็นของประชาชนและรับใช้ประชาชน

เมื่อถามว่า จะสู้กับ สว.กลุ่มบ้านใหญ่อย่างไร น.ส.นันทนากล่าวว่า เราคงไม่สู้แบบนั้น แต่ด้วยอุดมการณ์ที่เรารวมตัวกันตั้งแต่ตอนต้น และทั้งหมดที่ผ่านเข้ามาคือผู้รอด เราจะร่วมมือกับ สว.อื่นๆ เพื่อกอบกู้ สว. โดยงานแรกที่จะเริ่มคือกติกาการได้มาซึ่ง สว. ที่ประชาชนรู้สึกว่าไม่ปกติ และเรียกได้ว่าเป็นกติกาที่วิปริต โดยเริ่มต้นจากสภาผู้แทนราษฎรเสนอแก้รัฐธรรมนูญว่าด้วยหมวดการได้มาซึ่ง สว. อีกทั้งผลักดันปัญหาของประชาชน เช่น ปัญหาเรื่องทับลาน ความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  หรือกรณีของเยาวชนถูกจองจำโดยไม่ได้รับการประกันตัว  เราต้องรีบผลักดันเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

สว.พันธุ์ใหม่ขอชิง 3 เก้าอี้

 “แม้กลุ่มพันธุ์ใหม่จะมีจำนวน สว.ไม่มาก แต่จะแสดงคุณภาพศักยภาพให้ทุกคนเห็น และเรามีความคิดส่งชิงทั้ง 3 ตำแหน่ง ประกอบด้วย ประธาน สว. รองประธาน สว.คนที่ 1 และรองประธาน สว.คนที่ 2 แต่ยังขอเก็บชื่อไว้เป็นความลับจนเกือบใกล้ๆ ที่จะประชุม สว.เพื่อเลือกจึงจะเปิดเผยอีกครั้ง” น.ส.นันทนาระบุ

ถามต่อว่า ใน 3 ตำแหน่งนี้ส่วนตัวสนใจชิงตำแหน่งใดหรือไม่ น.ส.นันทนาตอบสั้นๆ ว่า แล้วแต่สมาชิก

เมื่อถามถึงนายบุญส่ง น้อยโสภณ สว. ถือเป็นตัวแทนของกลุ่มพันธุ์ใหม่หรือไม่ น.ส.นันทนากล่าวว่า เป็นพันธมิตรของเรา ถามย้ำว่า แปลว่าไม่อยู่ใช่หรือไม่เพราะเป็นเพียงพันธมิตร น.ส.นันทนากล่าวว่า เรารวมกันมาตั้งแต่ต้น แต่คนที่จะเข้าร่วมต้องเข้ามาในทิศทางและจุดยืนที่สอดคล้องกัน

ถามต่อว่า นายบุญส่งเข้าๆ ออกๆ กลุ่มพันธุ์ใหม่หรือไม่ น.ส.นันทนากล่าวว่า ไม่แน่ใจเช่นกัน เราอาจมองว่าการเข้ามาในกลุ่ม ซึ่งจะมีกลุ่มที่เป็นกลุ่มสารตั้งต้น เป็นกลุ่มที่เข้ามาร่วมแนวทาง ร่วมอุดมการณ์

วันเดียวกัน ยังคงมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงวุฒิการศึกษาของ พญ.เกศกมล ซึ่งในวันนี้ได้เดินทางมายื่นเอกสารเพิ่มเติมที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และรับบัตรประจำตัว สว. โดย พญ.เกศกมลใส่เสื้อสีขาวสวมสูททับ ใช้เวลายื่นเอกสารและรับบัตรไม่เกิน 10 นาที ซึ่งระหว่างนี้มีช่างภาพขอบันทึกภาพ พญ.เกศกมลได้หันมายิ้มให้แต่ไม่ได้กล่าวอะไร จากนั้นได้ใช้ช่องทางด้านหลังห้องรายงานตัวออกจากอาคารรัฐสภาไป ทำให้ไม่ได้พบกับผู้สื่อข่าว  โดยขึ้นรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ สีขาว ทะเบียน  7474 กรุงเทพมหานคร ออกไปทันที

ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ไปสอบถามเพิ่มเติม โดย พญ.เกศกมลระบุว่า ได้ออกจากอาคารรัฐสภาแล้ว มีภารกิจต่อไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้ และเมื่อพยายามสอบถามว่าสามารถให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ได้หรือไม่ พญ.เกศกมลตอบว่า “ยังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์นะคะ ขอบคุณค่ะ” ก่อนวางสายทันที

น.ส.นันทนากล่าวเรื่องนี้ว่า สว.เป็นบุคคลสาธารณะย่อมตรวจสอบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้ ซึ่ง กกต. รับรองเป็นเบื้องต้น แต่โดยภายหลังยังสามารถสอยได้ ซึ่งบุคคลทั่วไปก็สามารถส่งหลักฐานการตรวจสอบเข้าไปยัง กกต.ได้อยู่

ขณะที่ น.ส.นภาภรณ์กล่าวถึงการตรวจสอบประเด็นวุฒิการศึกษาของ สว.ที่มองว่าอาจไม่ใช่ของจริงว่า เป็นเรื่องของ กกต. แต่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้ให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาและวิเคราะห์ความเห็น ที่เกิดขึ้นกับเรื่องดังกล่าวว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยจะดำเนินการทุกอย่างตามอำนาจหน้าที่

ส่วนว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.โพสต์เฟซบุ๊กที่ระบุว่า หน้าแรกของเว็บไซต์ของ California University FCE. เคลมว่ารัฐสภาไทยได้ยอมรับปริญญาบัตรของ California University FCE. ว่ามีศักดิ์และสิทธิเทียบเท่าปริญญาบัตรที่ออกโดยมหาวิทยาลัยของรัฐในประเทศไทยทุกประการ ว่าได้ตรวจสอบแล้วขอยืนยันว่าสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีอำนาจรับรองปริญญาบัตรของสถาบันแห่งใดทั้งในและต่างประเทศ

ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ยังกล่าวถึงกรณีการกล่าวอ้างว่า นายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้การรับรองคุณสมบัติของบางมหาวิทยาลัยว่า นายชวนไม่เคยใช้อำนาจรับรอง เพียงแค่เมื่อครั้งอภิปรายไม่ไว้วางใจในอดีตที่ผ่านมา มีสมาชิกท่านหนึ่งอภิปรายถึงอาจารย์ที่เป็นบุคคลภายนอก และมีการพาดพิงถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยอาจารย์คนนั้นได้ส่งคำร้องมา แต่นายชวนก็ไม่ได้รับรองการมีอยู่ แค่เพียงชี้แจงต่อผู้ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว

เมื่อถามว่า คุณสมบัติของ พญ.เกศกมล ในฐานะที่เคยเป็น กมธ.นั้นจะสามารถย้อนกลับไปตรวจสอบได้หรือไม่ ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์กล่าวว่า ตรงนี้เป็นส่วนของ สว.ไม่ขอก้าวล่วง ตอนเป็น กมธ.ไม่ได้ตรวจสอบ เนื่องจากใช้เพียงวุฒิการศึกษาประกอบ ตรงกันข้ามกับข้าราชการที่จะต้องใช้ปริญญาบัตรเป็นคุณสมบัติ ส่วนจะเป็นการลักลั่นหรือไม่นั้น ก็เป็นประเด็นที่อาจทำให้เกิดข้อสงสัยได้

ชวนคนไทยในสหรัฐฯ ร่วมคุ้ย

ขณะที่นายสมชัยยังโพสต์เฟซบุ๊กว่า จริงหรือไม่ 1.University tower ที่ตั้งอยู่ที่เลขที่ 4199  Campus Drive, Suite 550 Irvine, California 92612. เป็นตึกสูง 10 ชั้น เพื่อให้คนมาเช่าเป็นที่ทำงาน ทั้งแบบรายวัน รายเดือน และรายปี 2.เป็นตึกของเอกชน ที่ใครต่อใครก็เข้าไปเช่าพื้นที่ได้ อัตราค่าเช่าแบบ virtual office หรือสำนักงานเสมือนจริง  ไม่มีห้อง มีแต่ตู้ ปณ. และใช้อีเมลเพื่อการติดต่อ เพียงแค่ 95 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือแค่ 3,500 บาท 3.ตึกนี้แม้จะมีชื่อว่า University Tower แต่เป็นตึกเอกชน อยู่นอกรั้ว University of California, Irvine  ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับมหาวิทยาลัย เหมือนมาบุญครองที่ติดกับจุฬาฯ 4.ใครที่บอกว่ามหาวิทยาลัยหนึ่งเป็นเจ้าของตึกใหญ่โต เป็น Tower มีการเรียนการสอนในตึกนี้ น่าจะเข้าใจผิดไหม เพราะอาจไปเช่าแบบ virtual office  ต้องฝากการบ้านให้คนไทยในสหรัฐอเมริกาพิสูจน์

ที่สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นายวันนี นนท์ศิริ ผู้ช่วยปลัดกระทรวง อว. ในฐานะรองโฆษกกระทรวง อว. ได้รับมอบหมายจาก น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.อว. เป็นผู้แทนรับหนังสือร้องเรียนจาก รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ เลขาธิการศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ และ ศ.ดร.ศิวัช พงษ์เพียจันทร์ ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาการป้องกันและจัดการภัยพิบัติ คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์  (นิด้า) ที่เดินทางมายื่นมาให้ อว.ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง กรณีมีผู้ใช้ตำแหน่งศาสตราจารย์นำหน้าชื่อ ทำให้สังคมไทยเข้าใจผิดว่าเป็นการได้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย

รศ.ดร.วีรชัยกล่าวว่า ตำแหน่งทางวิชาการระดับศาสตราจารย์ในประเทศไทย หลังจากผ่านกระบวนการประเมินผลงานวิชาการโดยเข้มงวดแล้ว จะได้รับการพิจารณาเห็นชอบจากสภามหาวิทยาลัยแต่ละแห่งจนเสร็จสิ้นลง ก็ต้องนำความกราบบังคมทูลเพื่อขอพระราชทานโปรดเกล้าฯ ประกาศแต่งตั้งในราชกิจจานุเบกษา ให้บุคคลทั่วไปได้รับทราบสถานะในตำแหน่งศาสตราจารย์ และบุคคลนั้นสามารถใช้ประกอบคำนำหน้าชื่อได้ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นกรณีที่มีบุคคลแอบอ้างได้ใช้ตำแหน่งศาสตราจารย์ เพื่อสื่อต่อสาธารณะให้ประชาชนคนไทยเกิดความเข้าใจว่ามีตำแหน่งทางวิชาการ ซึ่งองค์พระมหากษัตริย์ต้องทรงพิจารณาโปรดเกล้าฯ นั้น จึงอยากขอให้ อว.ในฐานะผู้ดูแลรับผิดชอบโดยตรงดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อดำรงไว้ซึ่งความถูกต้อง และรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมไทยในประเด็นนี้ ไม่ให้เกิดการขยายวงกว้าง ทำให้เกิดความเสียหายทั้งต่อความรู้สึกของประชาชน ศักดิ์ศรีของนักวิชาการ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ส่วนนายสนธิญา สวัสดี ได้เดินทางมาที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อยื่นหนังสือถึงเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อร้องให้ตรวจสอบมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ยูนิเวอร์ซิตี ว่าได้รับการอนุญาตหรือรับรองโดยรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกาหรือไม่

เดชาเตือนอย่าเป็นศาลเตี้ย

 “ขอฝากถึง สว.ที่ให้ผมหุบปาก ผมขอเรียนท่านว่าตำแหน่งวุฒิสภาเป็นสาธารณะ ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ต้องรับความฟังความคิดเห็นของประชาชน ท่านอย่าหลงทำเหมือนกับอึ่งอ่างที่ฝนตก ครั้งแรกก็ออกมาพองตัวเหมือนได้น้ำลั่นทุ่ง ท่านต้องรับฟังความคิดเห็นประชาชนก็จะเป็นประโยชน์มากกว่า ผม

ไม่เคยบอกว่าท่าน สว.โกหกหรือได้ปริญญาปลอม แต่กรณีที่นำเอกสารที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงไปเข้าระบบเลือกตั้ง สว. มันมีกฎหมายควบคุม”

ทั้งนี้ สถานทูตสหรัฐอเมริกาไม่สามารถรับหนังสือดังกล่าวได้ เพียงแต่รับเรื่องไว้แล้วให้นายสนธิญาไปยื่นหนังสือที่กระทรวงการต่างประเทศ แล้วถึงจะนำข้อมูลเหล่านั้นไปวินิจฉัยอีกทีหนึ่ง

ด้านนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา ซึ่งเป็นทนายของ พญ.เกศกมล โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "ตามที่มีกลุ่มบุคคลไปยื่นคำร้องตรวจสอบเกี่ยวกับวุฒิการศึกษาของหมอเกศ สว. และมีการกล่าวอ้างว่าเป็นวุฒิปลอม  ศาสตราจารย์ปลอม เพื่อให้หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการตรวจสอบ ในฐานะทนายความของคุณหมอขอเรียนว่า การร้องเรียนหากกระทำการไปโดยสุจริตเป็นสิทธิที่กระทำได้ เพราะคุณหมอเป็นบุคคลสาธารณะ เป็น สว.  ถือเป็นเรื่องดีที่จะตรวจสอบเกี่ยวกับวุฒิการศึกษาและความเป็นศาสตราจารย์ คุณหมอยอมรับกระบวนการการตรวจสอบ หลังจากนี้ก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็น อว., ตำรวจ หรือ กกต.  

“บุคคลใดที่กระทำการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร จงใจใส่ร้ายให้คุณหมอได้รับความเสียหาย คุณหมอก็จะรวบรวมพยานหลักฐานไว้ เมื่อถึงเวลาอันควรก็จะใช้สิทธิตามกฎหมายต่อไป ในชั้นนี้ยังถือว่าคุณหมอเป็นผู้บริสุทธิ เพราะศาลยังไม่ได้ตัดสินว่าคุณหมอทำผิดนะครับ ทุกคนที่ไปร้องเรียนต้องทราบนะครับ รัฐธรรมนูญ มาตรา 29  วรรคสอง อย่าทำตัวเป็นศาลไปตัดสินคนอื่นก่อนที่ศาลจะตัดสินนะครับ” นายเดชาระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง