ผวาแม้วซ้ำรอยทรัมป์ อิ๊งค์อ้างถูกยิงหลายครั้ง ไบเดน:มะกันหนึ่งเดียว

"โดนัลด์ ทรัมป์" ออกงานแล้วหลังเหตุกราดยิง เดินทางร่วมการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันในเมืองมิลวอกี ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงเป็นทางการต่อประชาชนชาวอเมริกัน เรียกร้องความเป็นหนึ่งเดียว "อุ๊งอิ๊ง" หลอน! ห่วงความปลอดภัย "ทักษิณ" อ้างเคยถูกลอบยิงหลายครั้ง

เอเอฟพีรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม 2567 ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ได้กลับมาสู่เส้นทางหาเสียงอีกครั้ง ในฐานะดาวเด่นการประชุมระดับประเทศของพรรครีพับลิกัน ในเมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุลอบสังหารซ้ำรอยเมื่อหนึ่งวันก่อนหน้า

อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ วัย 78 ปีรายนี้ กำลังแบกความหวังของพรรครีพับลิกันเข้าสู่สนามเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ และจะได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการจากที่ประชุม ให้เป็นตัวแทนพรรคไปชิงชัยกับคู่ต่อสู้อย่าง โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ท่ามกลางสมาชิกพรรครีพับลิกันราว 50,000 คนที่หลั่งไหลมาให้กำลังใจกับสิ่งที่เขาเพิ่งเผชิญมา

มีการคาดการณ์ว่า ทรัมป์อาจจะเปิดเผยตัวเลือกในตำแหน่งรองประธานาธิบดีของเขา ในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงสูงที่อาจกำหนดทิศทางการรณรงค์หาเสียงช่วงสุดท้ายของเขา

ตัวเลือกที่เป็นไปได้ของอดีตประธานาธิบดีรายนี้ อาจเป็นวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ 2 คน ได้แก่ เจ.ดี. แวนซ์ แห่งโอไฮโอ และมาร์โก รูบิโอ แห่งฟลอริดา เช่นเดียวกับดั๊ก  เบอร์กัม ผู้ว่าการรัฐนอร์ทดาโกตา ซึ่งเคยลงสมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคในการเลือกตั้งประธานาธิบดีแข่งกับทรัมป์

เหตุลอบยิงทรัมป์ที่เพนซิลเวเนียกลายเป็นหมอกหนาที่ปกคลุมทั้งเมือง และกลบใจความสำคัญของการประชุมใหญ่ครั้งนี้ที่จะมีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์

มีประเด็นพูดถึงการเลื่อนการประชุมออกไปก่อนเช่นกัน แต่ทรัมป์ยืนกรานว่ากระบวนการจะต้องดำเนินต่อไป  พร้อมให้คำมั่นว่าเขาจะยืนหยัดสู้แม้ต้องเผชิญกับความชั่วร้าย

หลังการดีเบตครั้งแรกกับโจ ไบเดน ทรัมป์ได้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าในการเลือกตั้ง แม้จะอยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดีอาญาและการฟ้องร้องจนสูญเสียความน่าเชื่อถือ แต่นักธุรกิจรายนี้โดดเด่นในเส้นทางสู่ชัยชนะมากกว่าไบเดน วัย 81 ปี ที่ถูกกดดันให้ถอนตัวจากการแข่งขัน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพเสื่อมถอยที่อาจเป็นอุปสรรคในการทำงาน

กระแสการเมืองที่เปลี่ยนไปชั่วข้ามคืนหลังเหตุลอบสังหาร ทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปที่คำปราศรัยของทรัมป์ในที่ประชุมใหญ่ โดยสื่อของสหรัฐฯ บางแห่งรายงานว่า  เรื่องราวเฉียดตายของเขาจะถูกหยิบยกมาพูดแทนเนื้อหานโยบายสำคัญในการสู้ศึกเลือกตั้ง เช่น การโจมตีการบริหารงานอย่างเลวร้ายของไบเดน หรือการพูดถึงแนวทางการสร้างประเทศตามสโลแกนหาเสียงของเขา ที่มีข้อความว่า "Make America Great Again"

อีกด้านหนึ่ง โจ ไบเดน ในฐานะประธานาธิบดี ได้นั่งแถลงอย่างเป็นทางการจากห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว เพื่อสื่อสารกับประชาชนชาวอเมริกัน หลังเหตุลอบสังหารทรัมป์ที่สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก

ไบเดนขอให้ชาวอเมริกันพยายามสงบสติอารมณ์  หลังเหตุการณ์ดังกล่าวได้ตอกย้ำกระแสแตกแยกในประเทศและความไม่เป็นมิตรทางการเมือง

"ถึงเวลาที่ควรร่วมกันทำให้มันเย็นลง เราทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบในการทำเช่นนั้น" ไบเดนกล่าวผ่านการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ โดยอ้างอิงเหตุโจมตีที่ทำให้ทรัมป์ได้รับบาดเจ็บ, ผู้บริสุทธิ์ถูกลูกหลงจนเสียชีวิต 1 ราย  และผู้ก่อเหตุถูกวิสามัญคาที่

ในขณะที่ประเทศนี้สั่นคลอนจากภาพทรัมป์ที่โชกเลือด หลังจากมือปืนเปิดฉากยิงในการชุมนุมหาเสียงในรัฐเพนซิลเวเนีย ไบเดนกล่าวว่า "การเมืองสหรัฐฯ จะต้องไม่นำไปสู่สนามรบที่หลั่งเลือด เพราะพระเจ้าไม่ปรารถนาให้มีการสังหาร"

ทั้งนี้ โธมัส แมทธิว ครูกส์ มือปืนวัย 20 ปี ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับยิงเสียชีวิตท่ามกลางเหตุการณ์วุ่นวาย และเจ้าหน้าที่กล่าวว่าแรงจูงใจของเขายังไม่ชัดเจน

เอฟบีไอกล่าวว่า กำลังสืบสวนการโจมตีดังกล่าวซึ่งอาจเป็นการก่อการร้ายภายในประเทศ และกำลังสืบค้นจากโทรศัพท์ของผู้ก่อเหตุเพื่อค้นหาแนวคิดและอุดมการณ์ใดๆ ที่อาจเป็นสารตั้งต้นของการกระทำครั้งนี้

ไบเดนซึ่งกล่าวแถลงการณ์ในห้องทำงานรูปไข่เป็นครั้งที่ 3 ของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ยังอ้างถึงการโจมตีอาคารรัฐสภาโดยผู้สนับสนุนทรัมป์เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 ว่าเป็นข้อพิสูจน์ชี้ชัดถึงสถานการณ์ความแตกแยกที่กำลังเกินการควบคุม

"เราไม่สามารถปล่อยให้ความรุนแรงนี้กลายเป็นเรื่องปกติได้" ไบเดนกล่าว พร้อมเสริมว่าการเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายนในปีนี้ จะเป็น "ช่วงเวลาแห่งการทดสอบ" สำหรับสหรัฐอเมริกา

มีข้อสังเกตว่า แถลงการณ์ครั้งนี้ของไบเดนฟังลื่นไหลเป็นธรรมชาติและทรงพลัง แม้เป็นเพียงช่วงสั้นๆ แต่ดูดีกว่ามากหากเทียบกับช่วงที่ดีเบตกับทรัมป์ก่อนหน้านี้

แม้จะเป็นอริกันมาตั้งแต่ปี 2563 แต่ทั้งไบเดนและทรัมป์ต่างเห็นพ้องกันที่จะขอให้ประชาชนอเมริกันลดความตื่นตระหนกและสงบสติอารมณ์ หลังเหตุโจมตีประธานาธิบดีหรืออดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 4 ทศวรรษ

ทรัมป์กล่าวผ่านโซเชียลมีเดียว่า "ช่วงเวลานี้ความเป็นหนึ่งเดียวนั้นเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าที่เคยมีมา และชาวอเมริกันไม่ควรปล่อยให้ความชั่วร้ายได้รับชัยชนะ" ในขณะที่สมาชิกพรรครีพับลิกันจำนวนมากกลับใช้โอกาสนี้ในการฉกฉวยคะแนนเสียง ด้วยการกล่าวโทษไบเดนและพรรคเดโมแครตว่าเป็นต้นเหตุให้ทรัมป์ถูกยิง

คาดกันว่า ทรัมป์และผู้สนับสนุนของเขามีแนวโน้มจะใช้กระแสร้อนนี้ในการหาเสียงขย่มไบเดน

ส่วนไบเดนนั้นอาจเผชิญกับความยากลำบากหากต้องใช้วาทกรรมพาดพิงตัวทรัมป์ และอาจต้องเปลี่ยนไปใช้การหาเสียงเชิงนโยบายแทนการโจมตีตัวผู้สมัคร ขณะที่ตัวเองก็โดนเพ่งเล็งเรื่องความชราและสุขภาพอยู่เช่นกัน

ส่วนความเคลื่อนไหวในประเทศไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวยอมรับว่า ครอบครัวมีความเป็นห่วงความปลอดภัยของนายทักษิณ ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบิดา หลังจากมีการลอบยิงนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริการะหว่างการหาเสียง

 “ก่อนหน้านี้คุณพ่อก็เคยถูกลอบยิงหลายครั้ง เพราะฉะนั้นเราระวังเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่คุณพ่อพูดอยู่เสมอว่าเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ คนไทยคงไม่ได้มีความโหดร้ายถึงเพียงนั้น แต่เราก็ต้องดูแลกันไปตามมาตรการ“

นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์​ กล่าวว่า เราไม่อยากเห็นการทำงานการเมืองที่ใช้ความรุนแรง ซึ่งเรื่องนี้ตนเข้าใจว่ากระทรวงการต่างประเทศแสดงท่าทีไปแล้ว ยืนยันว่าไม่สนับสนุนให้มีการใช้ความรุนแรง ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยจะเป็นเช่นไรต้องดูสภาพการภายใน โดยฝ่ายความมั่นคงจะเป็นผู้พิจารณา​ รวมถึงฝ่ายที่ดูแลอารักขาผู้นำ ว่าเกี่ยวข้องกับการเมืองของอเมริกาหรือไม่ เนื่องจากการเมืองระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกาไม่เหมือนกัน ฉะนั้นอย่าคิดไกลเกินไป ส่วนจะต้องมีการเพิ่มกำลังด้านความมั่นคงในการรักษาหรือไม่อยู่ที่หน่วยงานความมั่นคงเป็นผู้ประเมิน

เมื่อถามว่า สมัยหนึ่งนายทักษิณ​เคยถูกลอบสังหารโดยคาร์บอมบ์ นายภูมิธรรมกล่าวว่า นั่นเป็นสมัยนายทักษิณ แต่ปัจจุบันระยะเวลาห่างกันมานานแล้ว ซึ่งตนอยากให้ดูความจริงดีกว่า ทางนี้ไม่อยากให้คาดการณ์ เพราะหากคาดการณ์ก็จะทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง