ชิง ‘ปธ.วุฒิ’ เดือด! ‘หมอเปรม’ แฉยื่นผลประโยชน์ก้อนโต/30สว.ส้ม-อิสระท้ารบ

กรุงเทพฯ ๐ "หมอเปรม" แฉ มีการล็อบบี้ชิงเก้าอี้ประธานวุฒิสภาเดือด เล็ง สว.สายอิสระ ให้ผลประโยชน์ก้อนใหญ่ สะพัดกลุ่มอิสระกับ สว.สีส้ม  30 คนจับมืองัดข้อกลุ่มใหญ่ ส่ง "นันทนา-บุญส่ง"   คั่วเก้าอี้ประธานและรองประธาน "สมชัย" ตั้งคำถามรัฐสภาไทยว่าไง หลังพบหน้าเว็บ ม.แคลิฟอร์เนียโฆษณายอมรับปริญญาบัตร "สมชาย" เชื่อมีคนต้องติดคุก

เมื่อวันที่ 13 ก.ค.67 นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ  สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงกรณีการล็อบบี้ สว. โดยยื่นผลประโยชน์แลกเปลี่ยนเพื่อให้มาอยู่ร่วมในสังกัดว่า ขณะนี้มีการล็อบบี้ สว.สายอิสระให้เข้าไปอยู่ในกลุ่ม สว.ที่เป็นเสียงข้างมาก โดยให้ผลประโยชน์ก้อนใหญ่ เพื่อให้ได้เสียงเด็ดขาดในการเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภา ที่คาดว่าจะมีการเลือกกันในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ถ้าปล่อยให้มีการล็อบบี้ได้ การเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภาจะไม่เห็นความหวังในระบบวุฒิสภา

"อย่าดูถูกเสียงข้างน้อยไม่มีความหมาย อย่าไล่ทุบเอาตามใจตัวเอง เพราะต้องทำงานร่วมกัน 5 ปี ต้องมีความสมานฉันท์ จะส่งเสริมความร่วมมือกันได้ดีที่สุด แต่เสียงข้างน้อยก็ไม่ควรดิ้นรนไปขอแบ่งตำแหน่ง ถ้าเสียงข้างมากไม่ยอมก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว แต่จะต้องสู้อย่างมีศักดิ์ศรี"

สว.ผู้นี้บอกว่า ส่วนตัวมองว่าเก้าอี้ประธานและรองประธานวุฒิสภา ควรให้คนที่อยากดำรงตำแหน่งกล้าเสนอตัวเองขึ้นมา ไม่ต้องให้ใครเสนอชื่อแทนให้ และต้องแสดงวิสัยทัศน์จะพัฒนาวุฒิสภาอย่างไรให้มีความก้าวหน้ากว่า สว.ชุดที่แล้ว เพื่อให้ที่ประชุม สว.ลงมติจะเลือกใครเป็นประธานและรองประธาน

นพ.เปรมศักดิ์กล่าวว่า อยากให้คนที่สนใจจะเป็นประธานและรองประธานวุฒิสภา กล้าประกาศตัวเองลงสมัคร กล้าเป็นหน่วยกล้าแพ้แข่งชิงเก้าอี้  ไม่ใช่ปล่อยให้บล็อกโหวต ยอมแพ้ตั้งแต่ตำแหน่งประธานวุฒิสภา แข่งเฉพาะตำแหน่งรองประธานวุฒิสภา ดูแล้วเสียศักดิ์ศรี เหมือนยอมจำนนตั้งแต่แรก ไม่อยากให้วุฒิสภาชุดใหม่ถูกควบคุมตั้งแต่แรก

"แม้เสียงอาจจะสู้กลุ่มที่เป็นเสียงส่วนใหญ่ไม่ได้ แต่ถ้าสังคมสนับสนุน เสียงข้างมากก็จะถูกกดดัน ต้องวัดใจเขา จะใจกว้าง เกรงใจกระแสสังคมแค่ไหน ทุกคนเป็น สว.เท่ากัน มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี อย่ามองว่าใครสีไหน ดังนั้นใครอยากเป็นประธาน ต้องกล้าประกาศตัว ตั้งใจมาเป็นเอง กล้าแสดงวิสัยทัศน์ ไม่ใช่ให้ใครเสนอมา ไม่สง่างาม" นพ.เปรมศักดิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนการชิงตำแหน่งประธานและรองประธานวุฒิสภานั้น ขณะนี้ สว.ในกลุ่มอิสระและ สว.สายสีส้มที่มีจำนวนประมาณ 30 คน จะมีการหารือกันในสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณาส่งคนลงชิงเก้าอี้ประธานและรองประธานวุฒิสภา

โดยในส่วนประธานวุฒิสภา อยู่ระหว่างการพิจารณาจะส่งใครลงชิงเก้าอี้ ส่วนตำแหน่งรองประธานวุฒิสภา 2 เก้าอี้นั้น มีการพิจารณาอาจจะส่งนางนันทนา นันทวโรภาส สว. และนายบุญส่ง น้อยโสภณ สว. ชิงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภา ซึ่งจะต้องรอการพิจารณาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า หลังจากที่ กกต.ประกาศรับรองสมาชิกวุฒิสภาและเปิดรายงานตัวครบ 200 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนต่อไปเป็นการเปิดประชุมและเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภา ซึ่งทราบว่าขณะนี้มีรายชื่อแคนดิเดตประธานและรองประธานออกมาหลายคน ตนมองว่าบุคคลที่มีความเหมาะสมจะเป็นประธานวุฒิสภานั้น ควรเป็นผู้ที่มีความเข้าใจและแม่นเรื่องข้อกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ และวาระต่างๆ และเห็นว่าควรเป็นผู้ที่สามารถควบคุมองค์ประชุมและบรรยากาศการประชุมให้เกิดความราบรื่นเรียบร้อยได้

นายธนกรกล่าวด้วยว่า ขอฝากถึงผู้ที่จะเป็นประธานและรองประธานวุฒิสภา รวมทั้ง สว.ทุกท่าน ทำงานยึดประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนมาก่อน การเป็นตัวแทนกลุ่มสาขาอาชีพที่ได้รับเลือกมา เนื่องจาก สว.จะต้องพิจารณาออกกฎหมายสำคัญเพื่อประชาชนทุกคน ไม่ใช่เฉพาะกลุ่ม นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวเรื่องการรวมกลุ่ม สว.เพื่อต่อรองในการโหวตเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภานั้น ตนมองว่าไม่ควรเกิดขึ้นกับสภาสูง ที่ควรมีความอิสระ ปราศจากการต่อรองผลประโยชน์เพื่อแลกกับการได้มาซึ่งตำแหน่ง เพื่อการทำหน้าที่อย่างสง่างาม เป็นที่ยอมรับของประชาชนและสังคม

“ข่าวว่ามีการรวมกลุ่ม สว.เพื่อต่อรองเลือกประธานวุฒิสภา ซึ่งเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะสภาสูงควรมีความอิสระ ไม่ขึ้นกับกลุ่มหรือพวกใด หากปล่อยให้มีการใช้ผลประโยชน์มาแลกตำแหน่งตั้งแต่ขั้นตอนแรก อาจเป็นการเปิดช่องให้กลุ่มการเมืองจากสภาล่างเข้ามาแทรกแซงสภาสูงได้ ซึ่งเป็นข้อห่วงใยที่ไม่ควรเกิดขึ้น ตนอยากเห็น สว.สีขาว อิสระ ยึดหลักการทำงานเพื่อประชาชนเป็นที่ตั้ง” นายธนกรกล่าว

ขณะที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตผู้สมัคร สว.​ และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)​ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า รัฐสภาไทยว่าอย่างไร หน้าแรกของเว็บไซต์ของ California University FCE. เคลมว่า รัฐสภาไทย ได้ยอมรับปริญญาบัตรของ California University FCE. ว่ามีศักดิ์และสิทธิเทียบเท่าปริญญาบัตรที่ออกโดยมหาวิทยาลัยของรัฐในประเทศไทยทุกประการ

“รัฐมนตรีธรรมนัส พรหมเผ่า จบปริญญาเอกด้านรัฐประศาสนศาสตร์ โดยเป็นเทียบเท่าปริญญาโดย California University FCE. เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2014 โดยได้รับการยืนยันรับรองจากรัฐสภาไทย หลังจากผ่านกระบวนการประชาพิจารณ์และสืบสวนสอบสวนแล้ว รัฐสภาไทยว่าไงครับ เขาโฆษณาในหน้าแรกของเว็บไซต์เขาแบบนี้

นายสมชาย แสวงการ อดีต สว. โพสต์เฟซบุ๊กว่า #ตรวจสอบ ทำไมจึงไม่มีสื่อสนใจตรวจสอบบ้างว่า ผู้สมัคร สส.คนใดถูกใบดำ แล้ว กกต.ปล่อยผ่านรับรองมาเป็น สว.?

ใบดำ คือ หลังประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ถ้า กกต.มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือผู้ใดกระทำการทุจริตเลือกตั้งหรือรู้เห็นกับการกระทำของบุคคลอื่น ให้ กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นไม่มีกำหนด เสมือนกับโทษประหารชีวิตทางการเมือง ถ้าผู้สมัครคนไหนได้ ใบดำ จะไม่มีสิทธิรับเลือกตั้งหรือสมัครรับเลือกเป็น สส. สว. สมาชิกท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ  ตลอดไป ด้วยเหตุนี้อาจมีคนติดคุก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง