นิรโทษฯเสียงแตก/อ้วนชิ่งปมเหลิม

“นิกร” รับแนวทางนิรโทษฯ คดี ม.112 เสียงแตก “ธนกร” เตือนอย่าเดินลุยไฟ ลั่น รทสช.พร้อมค้านเต็มที่ “อังคณา” แนะล้างให้เป็นรายกรณี “เกรียง” บอกไร้ปัญหาปม “เฉลิม” ท้าให้ขับพ้นพรรค “ภูมิธรรม” ชิ่งตอบ บอกไม่เอา ไปละ

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม นายนิกร จำนง เลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า การประชุม กมธ. เมื่อวันที่ 11 ก.ค. มีวาระสำคัญคือ การพิจารณาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 110 ซึ่งเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหว รวมถึงมาตรา 289 โดยการพิจารณาได้ให้ กมธ.ทุกคนให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ว่าสมควรที่จะรวมความผิดเกี่ยวกับมาตรา 112 และมาตรา 110 ในการนิรโทษกรรมด้วยหรือไม่ มีการตกลงกันว่าจะไม่ลงมติ แต่จะเป็นการเก็บความเห็นของ กมธ.แต่ละคนไว้ในรายงานเพื่อที่จะเปิดเผยต่อสภาผู้แทนราษฎร

นายนิกรระบุว่า ที่ประชุมมีความเห็นแตกต่างกันแบ่งเป็น 3 แนวทางคือ 1.ไม่เห็นด้วยที่จะรวมความผิดทั้ง 2 มาตราไว้ในการนิรโทษกรรม 2.รวมความผิดทั้ง 2 มาตราในการนิรโทษกรรม แต่มีเงื่อนไขเป็นพิเศษ และ 3.รวมความผิดทั้ง 2 มาตราในการนิรโทษโดยไม่มีเงื่อนไข อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะมีการรับฟังความเห็นต่อในสัปดาห์หน้า เนื่องจากมี กมธ.บางคนไม่ได้เข้าประชุมเพราะติดภารกิจ จึงให้มาให้ความเห็นในสัปดาห์หน้า หรือหากสัปดาห์หน้ามาไม่ได้และเนื่องด้วยเวลามีจำกัด จึงจะให้ส่งความเห็นมาเป็นเอกสารเพื่อประกอบในรายงานสรุปเรื่องดังกล่าว ฉะนั้นจึงจะได้ข้อสรุปเรื่องนี้ในสัปดาห์หน้า ขณะที่ความผิดเกี่ยวกับมาตรา 289 ไม่ได้มีประเด็นอะไรมาก เพราะส่วนใหญ่เห็นว่าไม่รวมอยู่แล้ว

นายนิกรกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในสัปดาห์หน้าจะมีวาระการประชุมคือ การพิจารณาเกี่ยวกับการคืนสิทธิ์บางประการกับฐานความผิดแนบท้ายกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม คาดว่าน่าจะสามารถสรุปได้ทันก่อนสิ้นเดือนนี้ตามกรอบระยะเวลาที่ได้วางไว้

นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ กมธ.ได้พิจารณาตามหลักการกฎหมายรัฐธรรมนูญ ในหมวด 2 มาตรา 6 เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ระบุว่าองค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้ หาก กมธ.ฝืนให้ลงมติให้คดีที่ผู้กระทำผิดเกี่ยวกับสถาบัน ให้ได้รับการนิรโทษกรรม อาจเสี่ยงต่อการกระทำที่ขัดกับรัฐธรรมนูญได้

 “มองว่า การที่ กมธ.ไม่ชี้ชัด ไม่มีข้อสรุปว่าจะไม่รวมคดีอ่อนไหวในการนิรโทษกรรมนั้น ก็ทำให้สังคมคิดได้ว่า เป็นการอะลุ่มอล่วย เห็นด้วยในการกระทำผิดโดยปริยายหรือไม่ ส่วนตัวขอคัดค้าน และหากถูกเสนอกฎหมายเข้าสภา ผม และ สส.ของ รทสช.จะลงมติไม่เห็นด้วยให้มีการนิรโทษฯ ให้คนหมิ่นสถาบัน และเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศรับไม่ได้เช่นกัน” นายธนกรระบุ

นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวว่า คนที่โดนคดีมาตรา 112 มีจำนวนหนึ่งที่มีลักษณะพยาบาทอาฆาตมาดร้ายจริง แต่ยังมีอีกหลายคนที่อาจจะถูกกลั่นแกล้ง หรือไม่ได้ตั้งใจจะก่อให้เกิดความเสียหาย ส่วนตัวจึงมองว่าควรพิจารณาเป็นแต่ละราย พร้อมยกตัวอย่าง กรณีคนที่แต่งชุดไทย แต่ถูกโทษจำคุก 3 ปี จึงมองได้ว่าเขาอาจจะพลั้งเผลอไป ถ้าให้โอกาสเขาได้กลับมาในสังคม เชื่อว่าเขาจะเป็นคนหนึ่งที่สามารถทำประโยชน์ให้กับสังคมได้ ดีกว่าไปติดคุก ทั้งนี้ คิดว่า กมธ.มีความกล้าหาญในการตัดสินใจ และเชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายมากกว่า ถ้าไม่เอาก็บอกไปตรงๆ ว่าไม่เอา

ไร้ปัญหา 'เฉลิม' ท้าขับออก

วันเดียวกัน  นายเกรียง​ กัลป์ตินันท์​ รมช.มหาดไทย และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม​ อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ ขอให้พรรคเพื่อไทยขับออก​ หลังจากที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยไม่พอใจหลังจากที่มีภาพปรากฏ นายวัน​ อยู่บำรุง ลุ้นคะแนนเลือกตั้งนายก​ อบจ.ปทุมธานี ที่บ้านของ พ.ต.ท.คำรณวิทย์​ ธูปกระจ่าง ซึ่งเป็นคู่แข่งของนายชาญ​ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย จะมีผลกระทบภายในพรรคหรือไม่ ว่า​ ไม่มี​ เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนตัว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก ร.ต.อ.เฉลิม​จะออกจากพรรคเพื่อไทย จะไม่มีผลกระทบภายในพรรคใช่หรือไม่ นายเกรียงตอบว่า ใครก็คงบังคับไม่ได้ และไม่คิดว่าน่าจะมีอะไร​ และการที่จะขับออกจากพรรคเป็นเรื่องของคณะกรรมการ​บริหารพรรค​ เมื่อถามอีกว่า ภายในพรรคได้มีการพูดคุยถึงกรณีดังกล่าวหรือไม่ นายเกรียงปฏิเสธว่า ไม่มี เพราะ ร.ต.อ.เฉลิมเป็นผู้อาวุโสภายในพรรค ไม่มีใครอยากไปคุย เพราะเป็นความเห็นของท่าน

ขณะที่ นายภูมิธรร​ม​ เวชย​ชัย​ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธการตอบคำถามถึงกรณีดังกล่าว​ โดยระบุสั้นๆ ​เพียงว่า “ไม่เอา​ ไปละ”

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เทพไท-คุยการเมือง ถึงปัญหาความขัดแย้งในพรรคเพื่อไทย ตอนหนึ่งว่า ภาพเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในพรรคเพื่อไทยตอนนี้ เป็นการพิสูจน์ภาวะผู้นำของ น.ส.แพทองธาร ที่พยายามสร้างภาพความเด็ดขาดในการแก้ปัญหาให้เป็นที่ยอมรับของสมาชิกพรรค โดยการตำหนินายวันเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู โชว์ความเด็ดขาดและความเป็นผู้นำหญิงแกร่ง แต่ในทางตรงข้ามได้สร้างภาพลบมากกว่าภาพบวก เพราะบทบาทแบบนี้น่าจะเป็นบทบาทของเลขาธิการพรรคมากกว่า ซึ่งเรื่องแบบนี้ถ้าเกิดขึ้นในพรรคการเมืองอื่น หัวหน้าพรรคจะไม่มายุ่ง แต่ปล่อยให้เลขาธิการพรรคจัดการ โดยไม่ต้องให้หัวหน้าพรรคเปลืองตัว

 “แต่กรณีของคุณอุ๊งอิ๊ง คงจะเข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยเป็นเหมือนบริษัทภายในครอบครัว การเป็นหัวหน้าพรรคก็เหมือนซีอีโอของบริษัท จึงมีอำนาจเต็มสามารถสั่งการได้อย่างเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว จึงอยากให้คุณอุ๊งอิ๊ง ซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองไม่มากนัก ยังขาดวุฒิภาวะทางการเมือง ได้สั่งสมประสบการณ์ในการนำพาพรรคเพื่อไทยให้เป็นที่ยอมรับของคนภายในพรรค และบุคคลภายนอกในโอกาสต่อไป” นายเทพไทระบุ

เมื่อวันที่ 12 ก.ค. เฟซบุ๊กพรรคก้าวไกลเผยแพร่ความเห็น 4 ประเด็นของ นายสุรพล นิติไกรพจน์ ศาสตราจารย์ทางด้านกฎหมายมหาชน นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และที่ปรึกษากฎหมายของ กกต. เป็นหนึ่งในพยานของพรรคก้าวไกล ที่ทำบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร้องศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคก้าวไกล กรณีถูกกล่าวหาว่าปฏิปักษ์หรือล้มล้างการปกครอง เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา

โดยเนื้อความตอนหนึ่ง นายสุรพลได้เสนอความเห็นเพิ่มเติมต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วยว่า การพยายามแก้ไขปัญหาทางการเมืองที่ซับซ้อนของชาติด้วยการวินิจฉัยยุบพรรคการเมืองที่เป็นปฏิปักษ์ เป็นกระบวนการที่ได้ใช้มาแล้วหลายครั้งโดยศาลรัฐธรรมนูญ และแต่ละครั้งก็ไม่เคยทำให้เกิดทางออกหรือทางเลือกใหม่ที่จะช่วยคลี่คลายวิกฤตทางการเมืองที่เป็นอยู่ ในทางตรงกันข้าม กลับสร้างความโกรธแค้นชิงชังในทางการเมืองให้มีเพิ่มมากยิ่งขึ้น และยิ่งจะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองของประเทศที่อยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายอยู่แล้ว กลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ดังนั้นนอกจากประเด็นข้อกฎหมายที่ได้ให้ความเห็นมาแล้วข้างต้นทั้งหมด ข้าพเจ้าใคร่ขอกราบเรียนต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วยความเคารพที่จะได้กรุณาใช้มโนธรรมและความรัก ความห่วงใยในประเทศชาติและประชาชนชาวไทยโดยรวม ในการวินิจฉัยชี้ขาดคดีนี้ด้วยเช่นกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง