คืนสำนวนเว็บพนันให้ปปช. โวยฟ้อง20ตร.แต่ไม่ให้ออก

นายกฯ เรียก "บิ๊กต่อ" เข้าพบที่ทำเนียบฯ กำชับแก้ปัญหายาเสพติด-เว็บพนันออนไลน์-จีนเทา ปัดหารือ 2 อดีตนายกฯ ให้ "เสรีพิศุทธ์" ถอนฟ้อง อัยการปราบทุจริตให้ สอท.รับสำนวนคดีเว็บพนันพัวพันบิ๊กตำรวจไปส่ง ป.ป.ช. ทั้งที่ อสส.ยังไม่ได้มีคำสั่งชี้ขาดข้อหารือ วิจารณ์แซ่ดบรรทัดฐานใหม่ พงส.เรียกสำนวนจากอัยการคืนได้ "โจ๊ก" ย้อนถามทำไมกลุ่ม ตร.ชลบุรีกว่า 20  นายคดี "เป้รักผู้การ" อัยการสั่งฟ้องแล้วไม่โดนให้ออกจากราชการเหมือนตน ขณะที่ "ผู้การตำรวจน้ำ" โดนเด้ง เข้ากรุ ศปก.บช.ก.เพื่อให้การสอบสวนคดีเรือหายโปร่งใส

ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 09.00 น. วันที่ 8 กรกฎาคม  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนที่เวลา 09.35 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์​  สุขวิมล​ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ. ตร.) จะเดินทางเข้าพบที่ห้องสีเขียว ​​โดยเป็นการสั่งการตามนโยบายแก้ไขปัญหาเรื่องยาเสพติด

นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ภายหลังเชิญ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เข้าพบบนตึกไทยคู่ฟ้าว่า ได้หารือกับ ผบ.ตร.และรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มากำชับในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องยาเสพติด เชิญให้ท่านร่วมลงพื้นที่ร่วมกันที่จังหวัดอุดรธานีในวันพุธที่ 10 ก.ค.นี้ เรื่องสินค้าเถื่อนตามแนวชายแดน การพนันออนไลน์ และเรื่องของจีนเทา ซึ่งมีอยู่หลายเรื่องมาก ฝ่ายปฏิบัติขณะนี้ก็เดินหน้าตามแนวนโยบายเต็มที่ ผบ.ตร.มุ่งมั่นอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องอื่นเป็นเรื่องของท่านเอง ซึ่งตนเน้นเรื่องทุกข์สุขของประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการสอบถาม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ถึงกระแสข่าวที่จะลาออกจากตำแหน่งก่อนเกษียณอายุราชการหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้ถามเรื่องนี้เลยนอกจากเรื่องงานอย่างเดียว เพราะตนเน้นเรื่องการทำงานเป็นหลักประมาณ 2 เดือนครึ่ง เพราะ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เหลือเวลาในราชการอีกประมาณ 2 เดือนครึ่ง

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุว่าได้พูดคุยกับ 2 อดีตนายกฯเพื่อขอให้ถอนฟ้องนายกฯ ตามความผิด ม.157 ปมเสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เป็น ผบ.ตร. นายเศรษฐากล่าวว่า ตนไม่ถามเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับตนเอง ยืนยันว่าตนไม่เคยปรึกษากับ 2 อดีตนายกฯ ไม่เคยพูดคุยกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา นายอภิชาต ถาใจ อัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 2  ได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึงหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 583/2566 เรื่องขอทราบข้อหารือกรณีการคืนสำนวนการสอบสวน  ความว่า ตามที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 583/2566 ส่งสำนวนการสอบสวน คดีอาญาที่ 724/2566 ของกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) 1  ระหว่าง พันตำรวจโท มนต์ชัย บุญเลิศ ผู้กล่าวหา นายณัฐวัตร พิมพ์สวัสดิ์ กับพวก รวม 61คน (เป็นเยาวชน 2 คน) ผู้ต้องหา ในคดีเว็บพนันที่พัวพันนายตำรวจใหญ่

ต่อมาท่านแจ้งข้อเท็จจริงและขอหารือเพิ่มเติมว่า  คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีหนังสือเรียกสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 724/2566 ในส่วนของสำนวนการสอบสวน เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย กับผู้ต้องหาจำนวน 14คน (ผู้ต้องหาที่ 1-3 ผู้ต้องหาที่ 12-14, 20-26  และ 61) เพื่อดำเนินการเองตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 66 ขอให้ส่งเรื่องและส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับสำนวนคดีเรื่องดังกล่าวไปยัง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 2 แจ้งให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนฯ รับสำนวนการสอบสวนคืนเพื่อดำเนินการตามหนังสือที่อ้างถึง

เมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งให้คืนสำนวนการสอบสวนตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 66 แล้ว พนักงานสอบสวนมีหน้าที่ส่งสำนวนการสอบสวน พร้อมการสอบสวนเพิ่มเติมตามคำสั่งสอบสวนเพิ่มเติมทั้งหมด และสำนวนการสอบสวน

บรรทัดฐานใหม่คืนสำนวน

ส่วนที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 2 คืนสำนวนการสอบสวนบางข้อหาของผู้ต้องหา 8 รายให้พนักงานสอบสวนส่งให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณา และหากอัยการสูงสุดเห็นพ้องด้วยกับความเห็นของพนักงานอัยการ คณะทำงานสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 2 แล้ว จักมีหนังสือตอบข้อหารือดังกล่าวอย่างเป็นทางการอีกวาระหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม จากหนังสือดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในหมู่พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการฯถึงความเห็นให้คืนสำนวนครั้งนี้ของอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริตฯ นี้ จะถือเป็นบรรทัดฐานในการทำงานต่อๆ ไปว่า แม้สำนวนจะอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของอัยการแล้ว ป.ป.ช.ซึ่งมีสถานะเป็นพนักงานสอบสวนยังสามารถมีอำนาจในการเรียกสำนวนคืนได้ หรือตามระเบียบของ ป.ป.ช.ที่เหมือนจะเขียนไว้เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและชอบด้วยกฎหมาย ป.วิ.อาญา หรือไม่ หรือแค่ชอบตามกฎหมาย ป.ป.ช. และกรณีเป็นความเห็นในครั้งนี้ของอัยการสูงสุด คณะทำงานที่พิจารณาหรือเพียงเจ้าของสำนวนที่พิจารณาคำสั่งคืนสำนวนในครั้งนี้ จะถือเป็นบรรทัดฐานใหม่ให้หน่วยในวงการอัยการต้องปฏิบัติตามหรือไม่

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในคดี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ยื่นฟ้องบริษัท สี่พระยาการพิมพ์ จำกัด และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและดูหมิ่นเจ้าพนักงาน โดยวันนี้นายอัจฉริยะเดินทางมายังศาลอาญาพร้อมทนายความ เพื่อซักค้านในการไต่สวนมูลฟ้อง และนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งในวันที่ 6 ส.ค. เวลา 09.00 น.

โดยนายอัจฉริยะกล่าวว่า เป็นคดีที่สองแล้วที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยื่นฟ้องตน ยืนยันว่าไม่ได้พูดถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่กลับโดนฟ้อง จึงมองว่าเป็นการฟ้องแบบหาเรื่อง อย่างไรก็ตามตนไม่มีปัญหาเพราะสู้คดีได้อยู่แล้ว

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเคยบอกแล้วว่าถ้ามีอะไรมากระทบสิทธิ ก็จะดำเนินคดีแจ้งความที่โรงพักหรือยื่นฟ้องตามกระบวนยุติธรรม โดยคดีนี้ตนเลือกที่จะยื่นฟ้องต่อศาลอาญา

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวถึงสำนวนคดีที่ตำรวจเกี่ยวข้องส่วยเว็บพนันออนไลน์ว่า ที่พนักงานสอบสวนสั่งฟ้องลูกน้องตนไปทั้ง 8 คน ไปยังอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต วันนี้อัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าสำนวนคดีเหล่านี้เป็นอำนาจของ ป.ป.ช. ไม่ใช่อำนาจของตำรวจที่จะสั่งฟ้องเอง เนื่องจากเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ ตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. ดังนั้นพนักงานสอบสวนก็ต้องส่งสำนวนกลับไปยัง ป.ป.ช. ตำรวจจะสอบสวนได้เฉพาะคดีความผิดอาญา ลักวิ่งชิงปล้นก็ว่าไป แต่ถ้าเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ ยังไงก็ต้องส่งสำนวนคดีให้ ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน  ไม่ใช่ตำรวจจะดึงไปสอบเอง แล้วทำผิดฝาผิดตัวส่งสำนวนคดีไปให้อัยการ ดังนั้นอัยการจึงไม่เอาด้วย

สั่งฟ้อง ตร.ชลฯ ทำไมไม่ให้ออก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวด้วยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี จนถึงระดับรองผู้บังคับการจังหวัด และระดับสารวัตร โดนคำสั่งฟ้องกว่า 20 ราย ซึ่งคดีนี้เดิมตนเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ต่อมาเปลี่ยนให้ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน แล้วได้มีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนร่วมกับอัยการ สุดท้ายก็มีการสั่งฟ้อง จึงมีคำถามว่าเมื่อสั่งฟ้องข้อหาคดีอาญา เป็นคดีที่ประชาชนสนใจทั้งประเทศ มีผู้เสียหายชัดเจน แล้วจะต้องออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่

"ผมกำลังชี้ให้เห็นว่า ทำไมไม่สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเหมือนกับผม ที่นายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้บังคับบัญชาของตำรวจพูดว่าจะให้ความเป็นธรรม ก็เป็นเพียงแค่คำพูด  วลีหรือวาทกรรม ซึ่งการดำเนินการเกี่ยวกับคดีนี้เริ่มบิดเบี้ยวตั้งแต่การสอบสวนแล้ว" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว

ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ลงนามในคำสั่งให้ พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.) ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นการชั่วคราว โดยให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบช.ก. มอบหมาย นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผู้บังคับการกองปราบปราม ไปรักษาราชการแทน ผบก.รน.

คำสั่งดังกล่าวสืบเนื่องจากเหตุการณ์เรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำ ประกอบด้วยเรือ เจ.พี., เรือซีฮอต และเรือดาวรุ่ง บรรทุกน้ำมันเถื่อนรวม 330,000 ลิตร หายไประหว่างจอดเทียบท่ารอการดำเนินคดี บริเวณท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่ง พล.ต.ท.จิรภพได้สั่งการให้  พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เป็นหัวหน้าคณะลงไปตรวจสอบหาคนรับผิดชอบ โดยเบื้องต้นได้ลงนามสั่งย้าย พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน. พร้อมลูกน้องรวม 4 คน เข้าปฏิบัติหน้าที่ ศปก.บช.ก. โดยขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมส่งชุดสืบสวน บก.ป.ลงพื้นที่ไล่ล่าเรือกลับมาดำเนินคดีได้แล้ว แต่น้ำมันในเรือถูกสูบออกไปเกือบหมด

โดยคำสั่งย้ายครั้งนี้ได้อ้างว่าเพื่อให้การสืบสวนสอบสวนเกิดความเป็นธรรม และสำคัญที่สุดเพื่อให้มีความโปร่งใส จึงจำเป็นต้องโยกย้าย พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ ผบก.รน. ออกจากตำแหน่งเดิมก่อนในระหว่างที่ดำเนินการสืบสวนสอบสวน หลังจากก่อนหน้านี้ได้สอบสวนมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เห็นว่า ผบก.รน.ควรมีส่วนรับผิดชอบด้วย ซึ่งเจ้าตัวเห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว 

พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะผู้อำนวยการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง กล่าวว่า เรื่องคำสั่งย้ายเป็นคำสั่งของ ผบช.ก. ส่วนเรื่องการตรวจสอบเป็นหน้าที่ของหัวหน้าหน่วยอย่างผู้บังคับการตำรวจน้ำ เมื่อเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นก็จะต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ซึ่งเราประสานงานกับ บช.ก.ให้กวาดบ้านตัวเองอยู่ตลอด และรับรายงานการดำเนินการอยู่ตลอด ส่วนเรื่องคดีขอเวลาอีกแป๊บนึง จะเอาขบวนการนี้ออกมาแฉ ตนจับหมดไม่ต้องห่วง จะจบภายในปีนี้แน่นอน ไม่กลัวเจอตอ ตนทำตามกฎหมาย ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น.      

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปัดวุ่น! นายกฯ ลั่นไม่เคยคุย ’ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์‘ ช่วยเจรจา ‘เสรีพิศุทธ์’ ถอนฟ้อง

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุได้พูดคุยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ถอนฟ้อง

ศาลนัดฟังคำสั่ง 'บิ๊กโจ๊ก' ฟ้องหมิ่น 'อัจฉริยะ' 6 ส.ค. ปัดมีคนเรียก 10 ล้าน แลกแฉ

ศาลนัดฟังคำสั่ง 'โจ๊ก' ฟ้องหมิ่น ‘อัจฉริยะ’ 6 ส.ค. 'บิ๊ก ตร.' ย้อนถามกลุ่มนายพลชลบุรีโดนคดีกลับไม่ถูกปลดออก ปัดมีคนเรียกเงิน 10 ล้าน แลกแฉนายพล