โต้‘แบงก์ชาติ’แนะคิดบวก

รัฐบาลเรียงหน้าโต้ปมผู้ว่าฯ แบงก์ชาติประเมินภาพเศรษฐกิจ “จุลพันธ์” บอกรัฐบาลไม่ได้ทำแค่นโยบายเดียว “ชัย” ชวน “เศรษฐพุฒิ”   คิดบวก “สุทิน” ลงพื้นที่อุตรดิตถ์บอกชาวบ้านได้แน่เงินหมื่น แต่ต้องรอหน่อยเพราะไม่งั้นจะฉิบหายได้ เปลี่ยนรายวัน “เศรษฐา” นัดแถลงสิ้นเดือนว่าวันลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตเมื่อไหร่

เมื่อวันศุกร์ที่ 5 ก.ค. ยังคงมีความต่อเนื่องจากกรณีนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้สัมภาษณ์ถึงภาวะเศรษฐกิจไทยว่ายังฟื้นตัวช้า โดยปีนี้จะโตได้แค่ 3% ไม่มีทางฟื้นกลับมาโตได้ 4-5% หากใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ระยะสั้น โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้ทำเพียงแค่นโยบายเดียว ซึ่งผู้ว่าฯ ธปท.ก็น่าจะรู้ และน่าจะเข้าใจ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นการเติมเงินเข้าไปสู่ระบบเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ก็มีการดำเนินการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจในระยะยาว จะพัฒนาแรงงานดึงดูดเม็ดเงินจากต่างชาติและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา ซึ่งทำควบคู่กันไป

 “หากเศรษฐกิจไทยเติบโตตามศักยภาพได้ไม่เกิน 3% แล้วรัฐบาลนอนงอมืองอเท้า ความเดือดร้อนของประชาชนจะทำยังไง นี่คือสิ่งที่รัฐบาลทำ   เราพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจ หากลไกดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาเพิ่ม หวังว่าถ้าทำทั้งหมดแล้วศักยภาพของประเทศไทยจะเจริญเติบโตจากที่มองว่าจะเติบโตแค่ 3% กลายเป็น 4-5%  แล้วถ้ามีมาตรการที่เหมาะสม จะกลายเป็นประเทศที่เติบโตที่มากขึ้น” นายจุลพันธ์กล่าว

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ  กล่าวว่า ผู้ว่าฯ ธปท.เข้าใจดีว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า ยากที่จะกลับไปเติบโตเท่ากับช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ประชาชนพบกับความลำบาก รายได้ไม่เพิ่มขึ้น ขณะที่มีรายจ่ายค่าครองชีพสูงขึ้น อีกทั้งยังเห็นสอดคล้องกับทิศทางของรัฐบาลในการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างอุตสาหกรรมของไทยที่เป็นอุตสาหกรรมเก่าแข่งขันได้ยากไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าให้สูงขึ้น

นายชัยกล่าวว่า สิ่งที่ท่านผู้ว่าฯ ธปท.กล่าวมานี้ สอดคล้องกับการทำงานของรัฐบาล ที่รัฐบาลดำเนินการมาตลอด คือมองไปข้างหน้า พยายามปรับโครงสร้างภาคการผลิต อีกทั้งพยายามเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งรัฐบาลทราบดีว่าไทยต้องพัฒนาเพื่อดึงดูดการลงทุน ยกระดับการพัฒนา และนี่เป็นวิสัยทัศน์ในการทำงานของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง

นายชัยกล่าวอีกว่า ส่วนมาตรการระยะสั้นที่จะช่วยเหลือดูแลประชาชนในการดำรงชีวิตได้อย่างทันท่วงที ก็เป็นประเด็นที่รัฐบาลให้ความสำคัญเพื่อช่วยเหลือดูแลการดำรงชีวิตของประชาชนให้สามารถประคองตัวเองไปได้จนถึงวันที่โครงสร้างทางเศรษฐกิจของไทยได้เปลี่ยนผ่านไปสู่ความทันสมัยแล้ว และต้องขอบคุณผู้ว่าฯ ธปท. ที่มองว่าเศรษฐกิจไทยเติบโตกว่านี้ได้ แม้ว่าท่านจะมองว่าศักยภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจกิจไทยจากนี้ไปจนถึงปี 2571 จะเติบโตได้ไม่เกินปีละ 3% ซึ่งประเด็นนี้รัฐบาลต้องขอน้อมรับความท้าทาย ด้วยการมุ่งมั่นทำงานอย่างหนัก และทำงานด้วยทัศนคติที่เป็นบวกอยู่ตลอดเวลา รัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด ให้สมกับที่แบกความหวังของประชาชนที่ฝากเอาไว้ เพื่อทำให้ประชาชนคนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

“ขอเชิญชวนผู้ว่าฯ ธปท.คิดบวกร่วมกับรัฐบาลในการพัฒนาประเทศ หวังว่าผู้ว่าฯ ธปท.จะดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างสมดุล และสอดคล้องกับเป้าหมายในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศตามที่รัฐบาลได้ให้สัญญากับประชาชนไว้ เพื่อความผาสุกของพี่น้องประชาชนอย่างถ้วนหน้า” นายชัยกล่าว

วันเดียวกัน ยังคงมีความเคลื่อนไหวในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ได้กล่าวกับชาวบ้านระหว่างลงพื้นที่ดูโครงการขุดลอกคูคลอง ต.บ้านนาอิน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ว่าจริงๆ แล้วพรรคเพื่อไทยตั้งใจให้เลยหลังตั้งรัฐบาลเสร็จ แต่มีคนคัดค้าน ก็ต้องรับฟัง ทั้งข้อหาผิดกฎหมาย บ้านเมืองจะฉิบหาย เป็นหนี้ ทำไม่ได้ ซึ่งก็ต้องชะลอ เพราะโครงการจำนำข้าวก็โดนมาแล้ว ทำดีก็โดน โดยชะลอด้วยการให้ศาลรัฐธรรมนูญและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตีความว่าทำได้หรือไม่ แล้วรัฐบาลก็รอ จนนานเข้าก็ตัดสินว่าพูดกำกวม แต่ยังไงรัฐบาลก็ทำ โดยไม่ให้ผิดกฎหมาย ซึ่งเตรียมเงินไว้แล้ว

“ที่ต้องแจกก็เพราะเศรษฐกิจฝืด ประเทศนี้ไม่มีเงิน ประเทศไม่มีเงินก็เหมือนคนไม่มีเลือด จึงจำเป็นต้องอัดเงินเข้ามา หรือฉีดเลือดเข้ามาในร่างกาย ซึ่งรัฐบาลก่อนก็เคยอัดเงินด้วยวิธีอื่น แต่เอาไม่อยู่ มีการรั่วซึม เงินไปเข้าผู้ประกอบการใหญ่ แต่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตกำหนดให้ซื้อได้ในเขตอำเภอนั้น ห้ามจ่ายให้อำเภออื่น เงินก็จะหมุนเวียน รัฐบาลเก็บภาษีได้ เอาเงินมาทำสวัสดิการ จึงขอให้ใจเย็น ให้รอดูข้อกฎหมาย และไม่ทำผิด” นายสุทินกล่าว

นายจุลพันธ์กล่าวในเรื่องนี้ว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการโครงการฯ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ได้หารือถึงวิธีการเปิดให้ประชาชนและร้านค้าที่มีสิทธิ์ลงทะเบียนเพื่อยืนยันรับสิทธิ์การเข้าร่วมโครงการฯ  โดยโฟกัสกลุ่มผู้ที่ไม่มีสามาร์ทโฟนเป็นหลัก ซึ่งเบื้องต้นได้ข้อสรุปว่า 1.ผู้มีสมาร์ทโฟนให้ใช้กลไกของ OTP ผ่านทาง SMS เพื่อรับรหัสลงทะเบียน และ 2.ผู้ไม่มีทั้งสมาร์ทโฟนและโทรศัพท์ธรรมดา  สามารถใช้บัตรประชาชนลงทะเบียนแทนได้ ทั้งนี้ ในช่วงสิ้นเดือน ก.ค.2567 นายเศรษฐาจะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ทั้งเรื่องวันลงทะเบียน รวมถึงรายละเอียดต่างๆ 

“ตามที่ได้บอกไปก่อนหน้าว่าจะแถลงอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับวันเปิดรับลงทะเบียน คือจะแถลงในช่วงสิ้นเดือน ก.ค.นี้ ส่วนเรื่อง Negative List ขณะนี้ยังไม่ได้มีการเพิ่มสินค้าแต่อย่างใด” นายจุลพันธ์กล่าว

ส่วนนายชัยกล่าวเตือนว่า ประชาชนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพแอบอ้างส่งรูปนายเศรษฐาพร้อมข้อความเช็กสิทธิเงื่อนไขเงินดิจิทัล 10,000 บาท ส่งไปทาง SMS หากประชาชนได้รับข้อความดังกล่าวพร้อมรูปนายกฯ อย่ากดลิงก์เข้าไปดูโดยเด็ดขาด  หากกดเข้าไประบบจะถูกล็อก มิจฉาชีพจะดูดเงินในบัญชีธนาคาร ทำให้สูญเสียเงินทั้งบัญชี โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  เพราะจากข้อมูลล่าสุดพบว่าประชาชนในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด มีการแพร่ระบาดข้อความเช็กสิทธิเงื่อนไขเงินดิจิทัล 10,000 บาท พร้อมรูปนายกฯ ผ่านทาง SMS

“นายกฯ รับทราบเหตุการณ์ดังกล่าวและแสดงความห่วงใยพี่น้องประชาชน ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อ หากมีการเปิดให้ประชาชนและร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ Digital Wallet จะประกาศแจ้งผ่านหน่วยงานภาครัฐ โดยเปิดให้ยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐและช่องทางที่กำหนด ซึ่งจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบอย่างทั่วถึง” นายชัยกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โฆษกรัฐบาล ขอบคุณ 'ผู้ว่าแบงก์ชาติ' ยอมรับเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต่อการให้สัมภาษณ์ของนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนนั้น รัฐบาลต้องขอบคุณมากที่ ผู้ว่าฯธปท.