เศรษฐาตื่น!สั่งสางซื้อขายเก้าอี้

ยิ่งสาวยิ่งเจอ! "เศรษฐา" จำใจเห็นด้วยสางกรณีซื้อขายตำแหน่งผู้ติดตามภายในทำเนียบรัฐบาล ด้าน "วิสุทธิ์” ยอมรับคนขับรถโยงขายวุฒิการศึกษา เผยเรียกมาด่าแล้ว 3 ชั่วโมง   ส่วน "ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" ขอโทษปมข่าวฉาว พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีข่าวการซื้อขายตำแหน่งผู้ติดตามภายในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งพบว่ายิ่งสาวยิ่งเจอ จำเป็นต้องมาดูใหม่ทั้งหมดเลยหรือไม่ว่า ถ้าหากยิ่งสาวยิ่งเจอ ก็แสดงว่าเป็นปัญหาใหญ่ ก็ต้องบริหารจัดการให้มันถูกต้อง

เมื่อถามว่า จะต้องให้มีการพิจารณาผู้ติดตามรัฐมนตรีหรือผู้ติดตามที่ปรึกษาต่างๆ หรือไม่  เพราะบางครั้งเยอะเกินความจำเป็น นายกฯ กล่าวว่า “ผมเองเวลาลงพื้นที่ผมก็จะบอกว่าให้เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะจะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ และจะทำให้เสียโอกาส สมมุติว่าเป็นอธิบดีต่างๆ ก็อาจจะเสียโอกาสในการไปบริหารงาน ซึ่งผมก็เห็นด้วยอยู่แล้ว ไปเฉพาะที่จำเป็นดีกว่า”

ถามต่อว่า การออกบัตรจะต้องมีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องไปดูก่อนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร แล้วหาทางแก้อีกที ซึ่งการออกบัตรที่เข้มข้นก็เป็นหนึ่งในวิธี และการกำหนดโทษก็เป็นอีกวิธีหนึ่งเหมือนกัน

วันเดียวกันนี้ "ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" ได้โพสต์เฟซบุ๊ก  "ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" หลังมีกระแสดรามาข่าวฉาวที่โยงมาถึงเจ้าตัว โดยระบุว่า ก่อนอื่นเลย อ้อต้องกล่าวคำว่า "ขอโทษ" ประชาชนผู้ติดตามทุกท่าน สื่อสังคม มูลนิธิเป็นหนึ่งและสมาชิกทุกท่าน และบุคคลใดที่ได้รับผลกระทบ, FC ของอ้อทุกคน กับข่าวที่ออกไป ณ ขณะนี้

ในส่วนนี้ใครที่คิดว่าอ้อทำผิด ก็สามารถไปดำเนินการตามกฎหมายได้ อ้อพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และหลังจากนี้อ้อขอโอกาสกลับมาทำหน้าที่เพื่อช่วยเหลือสังคม เด็ก สตรี ศาสนาฯ และจะไม่ทำให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก จะปรับปรุงในสิ่งที่ผิดพลาด และเดินหน้าแก้ไขในจุดที่บกพร่องของตัวอ้อเอง ขอเดินหน้าทำงานต่อค่ะ กราบขอโทษจากหัวใจค่ะ

ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือประธานวิปรัฐบาล ชี้แจงกรณีที่นายเกษียร ถูกกล่าวหารับเงินจากซ้อลักษณ์  กรณีการซื้อขายวุฒิการศึกษา โดยยอมรับว่า นายเกษียรเป็นคนขับรถของตน แต่ยืนยันว่าส่วนตัวไม่ได้รู้จักกับซ้อลักษณ์และต้นอ้อ แต่ได้ให้นายเกษียรไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว และจากการเรียกนายเกษียรมาซักถาม ก็ระบุว่านายเกษียรไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เนื่องจากอยากได้วุฒิการศึกษามาขยับตำแหน่งเป็นผู้ช่วย จนได้ไปรู้จักกับ “ต้นอ้อ” ที่อ้างตัวเป็นนักข่าว และมาขอใช้บัญชีของนายเกษียรเป็นบัญชีกลางในการรับโอนเงิน 2-3 ครั้ง เนื่องจากต้นอ้ออ้างว่า บัญชีของตนเองมีปัญหา แต่นายเกษียรยืนยันว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำใดๆ ด้วย

ประธานวิปรัฐบาลยังเผยด้วยว่า ตนเองได้อบรมนายเกษียร คนขับรถของตนไปแล้ว และด่าไปแล้ว 2-3 ชั่วโมง ร้องไห้ไปหลายรอบ เพราะเป็นคนซื่อๆ บ้านเดียวกับตน แต่หากพบว่ากระทำผิดจริง ก็ต้องรับผิดชอบ รับกรรมไป และขอให้ตำรวจสอบสวนให้เต็มที่ แต่เชื่อว่าเมื่อมีการลงบันทึกประจำวันไปแล้วก็สามารถแสดงความบริสุทธิ์ใจได้  แต่ก็ว่าไปตามคดี ทำให้ถูกต้อง ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าคนขับรถของตนไปทำอะไรที่ไหนบ้าง รู้เพียงว่าไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และกำชับอย่าไปยุ่งกับคนพวกนี้อีก และอย่าไปเข้าใกล้นักข่าวพวกนี้ ทั้งที่นักข่าวสภาก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ ไม่รู้จักไปคุย และเตือนแล้วว่าเรามาจากต่างจังหวัด คนบางกอกเขาจะหลอกให้ อย่าไปเชื่อใครจะติดคุกเอาง่ายๆ

นายวิสุทธิ์มั่นใจว่า ตนบริสุทธิ์อยู่แล้ว รับรองไม่มีการแปดเปื้อนกับการหาเงินหาทองแน่นอน ยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากพบว่าคนขับรถของตนผิดจริง ก็ให้ตำรวจดำเนินคดี ไม่มีปกป้อง ถ้าไม่ผิดก็กลับมาขับรถเหมือนเดิม เนื่องจากคนขับรถหายาก และไม่สามารถเปลี่ยนได้ง่ายๆ จึงให้ไปพิสูจน์ตนเอง

ขณะที่ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นความเข้าใจผิดระหว่างผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้ซื้อและอ้างว่าเป็นผู้ขาย รวมถึงผู้ที่อ้างว่าเป็นตัวกลางหรือเป็นนายหน้า ข้อเท็จจริงคือตำแหน่งเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญคือตั้งมาเพื่อทำงานในกรรมาธิการ ฉะนั้นตั้งแล้วต้องมาทำงาน และตั้งคนที่มีความรู้ความสามารถในเรื่องนั้นๆ ซึ่งเปิดช่องทางให้ตั้งบุคคลภายนอกได้ ส่วนการแสวงหาประโยชน์หรือการไปเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ ตนเชื่อว่าเมื่อเรื่องเป็นคดีความแล้วก็จะมีการนำเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาล ข้อเท็จจริงก็จะปรากฏว่าใครกันแน่ที่เป็นคนแอบอ้าง หรือกระบวนการดังกล่าวมีใครบ้าง

"เท่าที่ผมอยู่ในพรรคเพื่อไทยมา ไม่เคยได้ยินกรณีแบบนี้ อย่างที่ผมเรียนแล้วว่าคนที่ไปแอบอ้างว่ามีตำแหน่งนี้พร้อมจะขาย และคนบอกว่าจะไปซื้อหรือคนที่แอบอ้างว่าเป็นนายหน้าล้วนเกิดจากความไม่เข้าใจ ฉะนั้น เมื่อไม่เข้าใจจะใช้คำว่าหลอกลวงหรือเข้าใจผิดต่อกันก็เป็นสิทธิ์ที่จะใช้ได้" นายอนุสรณ์กล่าว

ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ว่า ในส่วนของกระบวนการต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือการขอบัตรจอดรถจะอยู่ในอำนาจหน้าที่ของสำนักรักษาความปลอดภัย  ซึ่งก็ต้องมีการกลั่นกรองดูคุณสมบัติที่จะสามารถออกบัตรจอดรถให้ว่าจะเป็นสีแดงหรือสีเขียว  เพราะเรามีระเบียบและวิธีการดำเนินการอยู่ ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าผู้ปฏิบัติงานมีความซื่อตรงอยู่ในกรอบระเบียบวิธีการดำเนินการ แต่หากมีกรณีที่มีการร้องเรียนหรือมีการกล่าวหา ก็จะต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริงว่าจะเกี่ยวข้องกับใครบ้าง

เขาเผยว่า ขณะที่ในส่วนของ กมธ. เราต้องแยกว่าเป็นการแต่งตั้งโดยคณะกรรมาธิการที่มีบทรองรับตามรัฐธรรมนูญและประมวลจริยธรรมของสมาชิกและกรรมาธิการ ซึ่งรวมถึงต้องดูแลผู้ปฏิบัติงานในส่วนของคณะกรรมาธิการในกรอบต่างๆ ที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นดุลยพินิจ และเชื่อว่า กมธ.แต่ละคณะตั้งบุคคลต่างๆ ด้วยความสุจริต เพราะต้องการคนที่มาเข้าปฏิบัติหน้าที่ ฉะนั้นการตรวจสอบถือเป็นดุลยพินิจของ กมธ. ส่วนสำนักงานเลขาธิการฯ ก็จะออกคำสั่งแต่งตั้งตามที่ กมธ.แต่ละคณะเสนอ

 “กรณีการซื้อขายตำแหน่งหากไปเกี่ยวข้องกับ  กมธ.ใด ผมเชื่อว่า กมธ.แต่ละคณะก็อาจจะต้องมีการสอบสวนหาข้อเท็จจริง และ กมธ.ทั้ง 35 คณะตำแหน่งต่างๆ ก็มีมากพอสมควร ย้ำว่าถือเป็นดุลยพินิจของกรรมาธิการแต่ละคน และเชื่อมั่นว่าในทางปฏิบัติก็มีกระบวนการกลั่นกรอง เพราะเป็นองค์กรในส่วนของฝ่ายนิติบัญญัติ หากมีกรณีการร้องเรียนเกิดขึ้น หรือเกี่ยวกับกรรมาธิการใด ก็เป็นดุลยพินิจของ กมธ.นั้น ที่จะให้มีการตรวจสอบเรื่องนั้น” ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีการซื้อขายบัตรจอดรถ จะต้องมีการตรวจสอบว่ามีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์กล่าวว่า ต้องดูว่ามีผู้ร้องเรียนมาให้ตรวจสอบหรือไม่ เพราะปกติหากมีผู้ร้องหรือมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ ก็จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว

ถามว่า จะต้องมีการกำชับไปยังเจ้าหน้าที่ที่จะออกบัตรหรือไม่ว่าจะต้องมีการตรวจสอบเข้มข้นมากขึ้น ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์กล่าวว่า สิทธิประโยชน์ในการเข้า-ออกเป็นเรื่องปกติ และต้องยอมรับว่าทุกคนก็อยากได้สิทธิพิเศษส่วนนี้ แต่ตนยังเชื่อว่ากระบวนการกลั่นกรองยังมีความเข้มงวดอยู่ ซึ่งในอดีตก็เคยมีประเด็นเรื่องนี้ แต่ก็มีการตรวจสอบจนยุติไป ซึ่งเขาก็เฝ้าระวังอยู่ เพราะทราบว่าเป็นเรื่องอ่อนไหวและต้องตรวจสอบ และต้องตอบคำถามให้ได้ว่าความแตกต่างระหว่างคนที่ได้รับบัตรในลักษณะเช่นนี้มีสิทธิ์อย่างไรบ้าง แต่ก็จะมีการกำชับไปว่าให้เขาตรวจสอบอย่างรอบคอบ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟ้องต้นตอหมอคางดำ

สภาทนายความฯ เตรียมฟ้องแพ่งบิ๊กเอกชน-หน่วยงานรัฐ ต้นตอ "เอเลี่ยนสปีชีส์"

‘เนวิน’รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดมิวสิคัลเทิดพระเกียรติ

“เนวิน” รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา แสดง แสง สี เสียง มิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” โดยบุรีรัมย์ออร์เคสตรา แสดงความจงรักภักดี 28-30 ก.ค.2567 สนามช้างอารีนา บุรีรัมย์