บิ๊กทินเช็กแล้ว ข่าว‘เรือดำน้ำ’ ไทย-จีนถกอยู่

“สุทิน” ยันเช็กแล้ว จีนไม่ได้เสนอขายเรือดำน้ำติดเครื่อง MTU เยอรมนีให้อิเหนา มองจี้ไทยให้รีบตัดสินใจ รมว.กห.เผยส่งเรื่องถึง “เศรษฐา” แล้ว แต่คณะทำงานนายกฯ ขอสแกนข้อกฎหมายยิบ “โฆษก ทร.” ย้ำข่าวเต้า ผู้บริหาร CSOC มุ่งมั่นเจรจาไทยแบบฉันมิตร คืบหน้ากว่า 60%

เมื่อวันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม 2567 นายสุทิน  คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในโครงการเรือดำน้ำของสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า ในระดับคณะทำงานที่ตั้งขึ้นได้ศึกษาและสรุปมาแล้ว แต่ก่อนจะส่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ ก็ได้รายงานนายกฯ ได้ให้คณะทำงานศึกษาในบางประเด็น คิดว่าไม่นานก็คงจบ 

“เรายังไม่ได้ส่งเรื่องเป็นทางการ ยังไม่ได้ส่งหนังสือเดินไปทางราชการ แต่ส่งรายงานผลการทำงานผลการเจรจาให้นายกฯ แล้ว และนายกฯ ให้คณะทำงานกลั่นกรอง” นายสุทินย้ำ

เมื่อถามว่า ในส่วนที่ผ่านกระทรวงกลาโหมมาแล้วยังพบปัญหาหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า คณะทำงานและคณะเจรจาไม่มีทางเลือกอื่น ก็ต้องเป็นไปตามนี้ก่อน แต่คณะทำงานนายกฯ ก็อาจศึกษาอีกทางหนึ่ง ก็มาโปะกัน ส่วนจะทำให้เสียเวลาหรือไม่นั้น เรามีเวลาที่เหมาะสมอยู่ เพื่อไม่ให้เลยไปจนเสียการ เราคิดว่าจะมีเวลาที่เหมาะ

เมื่อถามว่า จะเคาะได้ภายใน 1-2 เดือนนี้หรือไม่ หรือขึ้นอยู่กับนายกฯ นายสุทินกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับนายกฯ ซึ่งท่านก็รีบอยู่ ท่านก็เร่ง ท่านบอกให้ทำให้เสร็จโดยเร็ว แต่ทำคำว่าเร็วต้องเป็นเร็วที่สมบูรณ์และมั่นใจ

ถามว่า นายกฯ ได้สอบถามอะไรกลับมาหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ยัง แต่คณะทำงานนายกฯ กำลังดูและศึกษาอยู่ ดูประเด็นกฎหมายตั้งแต่ต้น เพราะมีหลายประเด็นพันกันมา ท่านไปวิเคราะห์ข้อตกลงละเอียดยิบทุกข้อ และดูว่าข้อกฎหมายจะปรับเปลี่ยนอย่างไร ซึ่งมีระเบียบปฏิบัติ เช่น  ระเบียบบริหารจัดการงานจัดซื้อจัดจ้างพัสดุของรัฐที่ต้องใช้ระเบียบข้อนี้ประกอบ

ถามอีกว่า ในส่วนของ กห.มั่นใจตามที่ รมว.กลาโหมได้เสนอไปใช่หรือไม่ และจะไม่มีการแก้ไขแล้ว นายสุทินกล่าวว่า ในส่วนของเราก็มั่นใจ แต่ก็ต้องเคารพคณะทำงานอื่น และสิ่งที่สำคัญสุดต้องเสนอไปให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) สบายใจ และรัฐมนตรีตอบ ครม.ได้ เพราะต้องเป็นมติ ครม.

เมื่อถามถึงประเด็นที่สำนักข่าวต่างประเทศระบุว่าจีนสามารถหาเครื่องยนต์ MTU ของเยอรมนีใส่เรือดำน้ำได้ หากอินโดนีเซียสั่งซื้อเรือดำน้ำจากจีนนั้น ได้ประสานมายังกองทัพเรือไทย (ทร.) และบริษัท CSOC หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า เราเช็กเรื่องนี้แล้ว ไม่เป็นความจริง คือเราก็เช็กกับแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ เช่น ผู้ช่วยทูตทหารเรือที่อยู่กับเรา ให้เขาเช็กให้ เขาก็บอกว่าไม่ใช่ ยังไม่มี

เมื่อถามย้ำว่า ก็คือใช้เครื่องยนต์จีนเหมือนไทย นายสุทินย้ำว่า เขาก็บอกว่าเรื่องนี้ไม่มี ไม่มีการเสนอขายอะไรกัน เมื่อถามเช็กดูไม่รู้ว่าเขาเปิดข่าวนี้มาเพื่อหวังผลอะไร ถามต่อว่าเพื่อให้ไทยหวาดระแวงหรือไม่ นายสุทินยิ้มและหัวเราะก่อนระบุว่า “ให้เรารีบร้อนรึเปล่า ไม่รู้”

ด้าน พล.ร.ต.วีรุดม ม่วงจีน โฆษก ทร. กล่าวว่า ตามที่ปรากฏข่าวในเพจเฟซบุ๊กกัปตันนีโม เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ในประเด็น “จีนถอดใจ เสนอขายเรือดำน้ำ S26T ที่กำลังสร้างสำหรับไทยให้กับอินโดนีเซีย” โดยอ้างถึงสำนักข่าว Janes ที่ระบุว่า ผู้แทนบริษัท CSOC ของจีนได้เดินทางไปอินโดนีเซียเพื่อเสนอขายเรือดำน้ำ S26T ให้กับอินโดนีเซีย โดยรายละเอียดเนื้อข่าวระบุว่าเป็นเรือดำน้ำที่สั่งซื้อไว้เดิมสำหรับ ทร.ไทยนั้น ล่าสุด ทางผู้บริหารระดับสูงของบริษัท CSOC ได้ออกมายืนยันว่า จีนไม่มีความคิดขายเรือดำน้ำ S26T ที่กำลังสร้างสำหรับไทยให้กับประเทศใดๆ ที่ผ่านมาจีนร่วมกับไทยในการผลักดันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างฉันมิตรและตรงไปตรงมา จนโครงการนี้มีความก้าวหน้าไปมากกว่า 60% และเกือบสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจีนไม่มีเหตุผลใดๆ เลยที่จะสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นกับโครงการนี้ ที่ฝ่ายจีนได้ลงทุนลงแรงด้วยความตั้งใจอันดีมาโดยตลอด

พล.ร.ต.วีรุดมยังกล่าวถึงความก้าวหน้าของโครงการว่า กห.ได้เสนอเรื่องการแก้ไขข้อตกลงฯ ให้กับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเรียบร้อย ซึ่งเมื่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรับเรื่องแล้วก็จะพิจารณาส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันพิจารณาในประเด็นต่างๆ เพื่อให้เกิดความรอบคอบ ก่อนที่เสนอบรรจุเข้าเป็นวาระการประชุม ครม.ต่อไป จะเห็นได้ว่าการดำเนินโครงการยังคงเป็นไปตามกระบวนการและมีทิศทางที่ดี

“กองทัพเรือขอยืนยันต่อพี่น้องประชาชนอีกครั้ง ว่างบประมาณที่กองทัพเรือได้รับจะถูกใช้อย่างคุ้มค่าเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ แม้โครงการจัดหาเรือดำน้ำอาจจะมีอุปสรรคบ้าง แต่ก็จะพยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้ดีที่สุด และขอยืนยันว่า ทุกโครงการที่กองทัพเรือดำเนินการเป็นไปด้วยความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้”

ขณะเดียวกัน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 แถลงผลการพิจารณาของ กมธ.ประจำสัปดาห์ว่า กมธ.ได้พิจารณาไปครบ 1  สัปดาห์ หรือ 7 วัน รวม 59 ชั่วโมง มี 54 หน่วยงาน 9 กองทุน พิจารณาคืบหน้า 2.44% ซึ่งได้พิจารณาผ่านมาตรา 7 สำนักนายกรัฐมนตรี ยกเว้นสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รวมถึงพิจารณามาตรา 9 กระทรวงการคลัง มาตรา 10 กระทรวงการต่างประเทศ มาตรา 11 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ส่วนมาตรา 8 กระทรวงกลาโหมนั้น ขอเลื่อนการพิจารณาไปสัปดาห์หน้า ส่วนจะเป็นวันไหนนั้นยังไม่ทราบ ซึ่งการเลื่อนไปไม่มีนัยสำคัญอะไร เพราะเป็นหน่วยงานรับงบประมาณที่มีความพร้อม และที่ผ่านมา กห.ก็มีข้อมูลครบถ้วนชัดเจน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง