คลังฟื้นวายุภักษ์ ปั๊มเงินตลาดทุน ‘ดิจิทัล’ไม่สะดุด

“คลัง” เร่งเครื่องฟื้นกองทุนวายุภักษ์ คาดวงเงิน 1 แสนล้านบาท ยันไม่เกิน 2 เดือนชัดเจน หวังช่วยปั๊มเม็ดเงินเข้าตลาดทุนไทย เลขาฯ เพื่อไทยรับหากเกิดอุบัติเหตุกับ “ดิจิทัลวอลเล็ต” รัฐบาลรับผิดชอบ แต่ประเทศเสียหายใครรับผิดชอบ เชื่อนำเข้าถกใน กมธ.งบฯ ไม่มีอะไรสะดุด

เมื่อวันจันทร์ นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อยู่ระหว่างการพิจารณานโยบายการลงทุนผ่านกลไกของกองทุนเดิมที่มีอยู่ คือกองทุนวายุภักษ์ 1 หรือกองทุนวายุภักษ์ 2 ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดทุนไทย และช่วยดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆ ให้เข้าสู่ตลาดทุนไทยได้เร็วกว่าการจัดตั้งกองทุนใหม่ขึ้นมา และน่าจะเร็วกว่าการรอเม็ดเงินจากกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (TESG) ที่แม้จะมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการลงทุนใหม่แล้ว แต่ส่วนใหญ่คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดทุนในช่วงปลายปีเป็นหลัก เนื่องจากนักลงทุนต่างต้องการรอใช้สิทธิสำหรับการลดหย่อนภาษี

ทั้งนี้ คาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือนจึงจะสามารถดำเนินการได้ และเชื่อว่าจะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดทุนได้มากกว่า 1 แสนล้านบาท

"วันนี้ตลาดทุนมีความจำเป็นต้องมีเงินใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดทุน ถ้าจะรอ TESG คงต้องใช้เวลา ดังนั้นจะดีกว่าไหม ถ้าจะมีเม็ดเงินอีกก้อนหนึ่งเข้ามาสู่ตลาดทุนผ่านกองทุนวายุภักษ์ เป็นสิ่งที่ สคร.กำลังดำเนินการอยู่ ส่วนจะใช้กองทุนเดิมหรือตั้งใหม่ไม่ใช่ประเด็น เพราะผลลัพธ์เหมือนกัน แต่เป้าหมายสำคัญคือ อะไรทำได้เร็วกว่าก็จะใช้วิธีนั้น แต่วันนี้ก็มองว่าการใช้กองทุนเดิมน่าจะเร็วกว่า เพื่อให้มีเม็ดเงินเข้าไปหมุนในตลาดทุน ซึ่งเชื่อว่าเร็วๆ นี้จะชัดเจนและเริ่มทยอยออกมา" นายลวรณกล่าว

นายลวรณกล่าวว่า การสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาในตลาดทุนไทยนั้น คงไม่ใช่แต่เรื่องของเม็ดเงินลงทุนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นการสร้างความมั่นใจให้ตลาดทุนด้วย ซึ่งเชื่อว่าในมิตินี้เป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ทั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ดี ในส่วนภาพรวมการจัดเก็บรายได้ 8 เดือน ปีงบประมาณ 2567 (ต.ค.66-พ.ค.67) ยังต่ำกว่าเป้าหมายราว 2.6 หมื่นล้านบาทนั้น ยอมรับว่าเป็นปัจจัยที่ท้าทาย โดยที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับ 3 กรมจัดเก็บภาษี เพื่อหาแนวทางปิดช่องว่างเพื่อให้การจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายน้อยที่สุด ซึ่งแต่ละกรมภาษีจะเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ จึงอยากให้ดูในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา

นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงของพรรค พท.ถูกแขวนไว้ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 สภาผู้แทนราษฎร หากกลับเข้ามาสู่การพิจารณาของ กมธ.แล้วมั่นใจหรือไม่จะไม่มีปัญหา สามารถผ่านไปได้โดยไม่มีสะดุดว่า ไม่น่ามี เพราะเราก็รับฟังข้อทักท้วงของทุกฝ่ายจนออกมาเป็นมาตรการเช่นนี้ ซึ่งตนมั่นใจว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง หรือแม้กระทั่งนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทุกคนล้วนทบทวนกระบวนการกันมาอย่างดี และอย่างที่นายกรัฐมนตรีเคยประกาศไว้ว่า ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ พี่น้องประชาชนจะได้รับแน่นอน

เมื่อถามว่า อยากให้ย้ำอีกครั้งเนื่องจากมีประชาชนยังรอคอยโครงการนี้อยู่ นายสรวงศ์กล่าวว่า สส.เขตทุกคน เวลาลงพื้นที่ประชาชนก็จะถามถึง และตนในฐานะ สส.คนหนึ่งก็มั่นใจว่า รัฐบาลก็พยายามที่จะทำให้เป็นรูปธรรมในทุกนโยบาย และทุกนโยบายที่เป็นนโยบายเรือธงของเรา  เราจะพยายามทำให้สำเร็จเพื่อให้ประชาชนได้ใช้นโยบายของเราอย่างรวดเร็วและทั่วถึง

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่เพราะเหมือนฝ่ายค้านก็มีท่าทีจะยื่นศาลปกครอง หากรัฐบาลยังจะพยายามผลักดันไปจนถึงวาระ 3 รวมถึงกรณีที่มีการนำโครงการนี้เพิ่มเป็นรายการใหม่ในงบกลาง เนื่องจากยังไม่มีผู้รับผิดชอบโครงการ นายสรวงศ์กล่าวว่า อะไรก็ตามจะบอกว่าไม่มีคนรับผิดชอบเลยไม่ได้ เพราะรัฐบาลเป็นคนรับผิดชอบ ขณะนี้ประเทศนี้นายกรัฐมนตรีชื่อเศรษฐา เราต้องการนำนโยบายนี้ไปถึงมือประชาชน ฉะนั้นอะไรที่เกิดขึ้นรัฐบาลนี้รับผิดชอบแน่

 “แต่กลับกันผมขอถามกลับกันว่า หากรัฐบาลไม่ทำแล้วประเทศเสียหายใครรับผิดชอบ แต่หากโครงการนี้เราทำไปแล้วเกิดความเสียหาย รัฐบาลเป็นคนรับผิดชอบอยู่แล้ว อะไรก็แล้วแต่ฝ่ายค้านก็คือฝ่ายค้าน เขาอยู่คนละฝั่งกับรัฐบาล แต่เราก็อยากให้มองเห็นภาพรวม และสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน มั่นใจว่าอยู่ในสภาฯ ได้รับข้อมูลอย่างหนึ่ง แต่หากไปอยู่ในพื้นที่ก็จะได้รับข้อมูลอีกอย่าง ตอนนี้ประชาชนไม่มีเงินในกระเป๋า เขาอยากทำอะไรต่างๆ แต่เขาทำไม่ได้ ไม่ต้องคิดอะไรมากในต่างจังหวัดที่หนึ่งครอบครัวมี 5 คน และทั้ง 5 คนเข้าเกณฑ์ได้รับเงินหมื่น เขาได้ 5 หมื่น เงินเหล่านี้ก็จะเป็นต้นทุนให้พวกเขา ไม่ใช่ว่าเงินหมื่นจะเอามาใช้จ่ายแบบสุรุ่ยสุร่าย มั่นใจว่าประชาชนในต่างจังหวัดเฝ้ารอว่าเงินทุนตรงนี้เมื่อไหร่จะมา ย้ำว่ารัฐบาลนี้คิดมาดีแล้วว่าจำเป็น” นายสรวงศ์ กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง