จ่อสอบผู้สมัครสว.กว่า4หมื่นคน

กกต.เลขาฯ กกต.ยกคำพิพากษาศาลวินิจฉัยสมัคร สว.ไม่ตรงกลุ่มอาชีพไม่ผิด สิทธิการรับสมัครเป็นคนละส่วนกับเอกสารรับสมัครเป็นเท็จ  ลุยสอบคุณสมบัติผู้สมัคร 4 หมื่นคน ขู่พบผิดเจอหลายกระทง กมธ.วุฒิสภาเผยเคยเตือน กกต.แล้วให้ระวังฮั้ว แต่ก็เกิดขึ้นจนได้ ด้าน สว.สมชายเฉ่งเกิดปัญหาเพราะการไม่ทำหน้าที่ของผู้รับผิดชอบ

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2567 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับสิทธิสมัครรับเลือก สมัครเป็นเท็จ รับจ้างสมัคร คดีที่น่าสนใจในการเลือกลงกลุ่ม มีเนื้อหาระบุว่า ศาลฎีกาได้มีคำสั่ง คดีหมายเลขดำที่ ลต สว 185/2567 คดีหมายเลขแดงที่ ลต สว 169/2567 ว่า

“การที่ผู้คัดค้าน (ผอ.เลือกระดับระดับอำเภอ) รับสมัครผู้ซึ่งประกอบอาชีพทำนาเกลือเป็นไปตามที่ผู้สมัครดังกล่าวประสงค์เข้ารับเลือกในกลุ่มที่ 5 ซึ่งผู้คัดค้านได้ประกาศรายชื่อผู้สมัครแยกเป็นรายกลุ่มตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติประกอบ (พ.ร.ป.) รัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 อันเป็นการดำเนินการตามความประสงค์ของผู้สมัคร ซึ่งเป็นการปฏิบัติอำนาจหน้าที่ของผู้คัดค้าน จึงไม่มีเหตุที่ผู้ร้อง (ผู้สมัครที่ไปร้องที่ศาลฎีกา) จะยื่นคำร้องเป็นคดีนี้ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง”

นายแสวงระบุว่า เมื่อพิจารณาแล้วพอจะคะเนได้ว่า สิทธิการรับสมัคร เป็นคนละส่วนกับเอกสารสารรับสมัครเป็นเท็จ หรือเอกสารสารประกอบการสมัคร (สว.3) เป็นเท็จ เช่น ในใบ สว.3 บอกว่าทำนาเกลือ แต่ในความเป็นจริงเมื่อตรวจสอบแล้วไม่ได้ทำนาเกลือแต่อย่างใด  ลักษณะนี้จะเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ เป็นต้น กรณีเอกสารรับสมัครด้วยการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ กกต.ต้องตรวจสอบผู้สมัครทุกรายทั้ง 4 หมื่นกว่าคน ถ้าพบว่ามาสมัครด้วยการการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ อาจเป็นความผิดตามมาตรา 74 รู้ว่าตนไม่มีสิทธิแต่ก็มาสมัครรับเลือกตั้ง อนึ่ง กรณีการรับจ้างสมัคร แม้เอกสารการรับสมัครถูกต้องสมบูรณ์ แต่ถ้ารับจ้างมาสมัครก็เป็นความผิดอีกกระทงหนึ่งต่างหากด้วย

ด้านนายกษิดิศ อาชวคุณ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่นายกล้านรงค์ จันทิก ประธาน กมธ.กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ยื่นหนังสือถึงประธาน กกต. ให้ตรวจสอบการเลือก สว. เพราะมีเหตุอันควรสงสัยกระบวนการเลือกไม่เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมว่า การยื่นเรื่องดังกล่าวเป็นมติของ กมธ. อยากให้ กกต.ตรวจสอบกระบวนการเลือก สว.ครั้งนี้ที่มีข้อพิรุธ ข้อน่าสงสัยชัดเจนมากมาย ทั้งปัญหาคุณสมบัติผู้สมัคร การฮั้วลงคะแนน หรือการที่ผู้สมัครไม่ลงคะแนนให้ตัวเอง ได้ 0 คะแนนจำนวนมาก อยากเป็น สว.แต่ไม่ลงคะแนนเลือกตัวเอง หลังจากยื่นหนังสือไป ทางรองเลขาธิการ กกต.ติดต่อมายังตน บอกพร้อมจะตรวจสอบข้อสงสัยตามที่ กมธ.ร้องเรียนไป

นายกษิดิศกล่าวว่า ที่ผ่านมาก่อนการรับสมัคร สว. กมธ.ลงพื้นที่หลายแห่ง ก็พบข้อน่าสงสัยการเตรียมการที่ส่อให้เห็นถึงความไม่โปร่งใสหลายอย่างตามที่สื่อนำเสนอไป จึงทำหนังสือแจ้งเตือนให้ กกต.ทราบก่อนที่จะมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือก สว. แต่ กกต.ไม่ทำอะไร  กระทั่งการเลือก สว.เสร็จ ก็พบว่ามีการใช้วิธีการที่น่าสงสัยตามที่ กมธ.เตือนไปแล้วจริงๆ

สภาฮั้ว เละเทะ

"สิ่งที่เตือนไปเพราะไม่อยากให้พรรคการเมืองมาครอบงำ สว. โดยกระบวนการไม่ถูกต้อง แต่ถ้าจะให้กรรมาธิการฯ ตรวจสอบทำอะไรมากกว่านี้ ก็จะถูกครหาว่าอยากอยู่ยาว ทั้งที่พวกผมเก็บของกันหมดแล้ว ไม่อยากให้ กกต.ยึดกรอบเวลามาเป็นเงื่อนไขในการประกาศรับรองการเลือก สว.ให้ทันในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ เพราะการเลือก สว.มีหลักฐานชัดเจน มีการกระทำผิดตั้งแต่ต้นทางในระดับอำเภอ จังหวัด มีผู้สมัครมาร้องเรียนมากมาย กรรมาธิการฯ ก็ได้รับข้อมูลร้องเรียนมามาก แต่ กกต.ไม่ตรวจสอบ ยิ่ง กกต.รีบประกาศรับรองจะยิ่งเสียหายเพิ่มมากขึ้น  หลายกรณีมีพยานหลักฐานชัดเจนเอาผิดได้ ควรรีบดำเนินการเอาผิด ไม่ใช่รีบประกาศให้ทันตามกรอบเวลา ไม่ควรทำงานด้อยประสิทธิภาพแล้วเกิดปัญหา" นายกษิดิศกล่าว

ส่วนนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา  โพสต์เฟซบุ๊กว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสภาฮั้ว  เละเทะวันนี้ คือการไม่ทำหน้าที่ของผู้รับผิดชอบ

1) การไม่ตรวจสอบประสบการณ์ 10 ปีของกลุ่มอาชีพอย่างจริงจัง ตั้งแต่ในระดับอำเภอ เพราะกฎหมาย ระเบียบเปิดช่องให้ชาวบ้านรับรองกันเอง จึงมีการรับรองประสบการณ์ 10 ปีเท็จให้กับคนรับจ้างสมัคร สว.เพื่อโหวตฮั้วได้ และไม่มีการตรวจจับเอาผิดผู้รับรองเท็จที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท ส่วนผู้ที่รู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัคร สว. มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ถึง 10 ปี ปรับ 2 หมื่นถึง 2 แสนบาท ตัดสิทธิการเมือง 20 ปี

2) ไม่ตรวจคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาอย่างจริงจัง ตั้งแต่วันสมัคร ไม่ใช่ไปรอสอยทีหลัง เพราะหากขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม อาทิ เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กรรมการกองทุนหมู่บ้าน อสม. อาสาสมัครป้องกันตนเอง ผู้พิพากษาสมทบ ฯลฯ หรือเป็นเจ้าของหุ้นส่วนสื่อมวลชน ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ สื่อโซเชียลใดๆ ย่อมมีลักษณะต้องห้ามสมัครสมาชิกวุฒิสภาไม่ได้ เช่นกัน

เมื่อกระบวนการเริ่มต้นในการรับสมัครสมาชิกวุฒิสภาไม่สุจริต เที่ยงธรรมตั้งแต่วันรับสมัคร ปล่อยให้ผู้สมัครที่ไม่มีสิทธิไปเลือกในระดับอำเภอ แม้ตกรอบหรือผ่านได้รับเลือกไปในระดับจังหวัด เข้าสู่รอบระดับประเทศได้ จะได้เป็นสมาชิกวุฒิสภา 200 คน หรือตัวสำรอง 100 คน หรือสอบไม่ผ่าน ก็ต้องถือเป็นโมฆะแล้วทั้งสิ้น #ต้นไม้พิษย่อมออกลูกเป็นพิษ #โมฆะ

วนเวียนเป็นวงจรอุบาทว์

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช วิพากษ์วิจารณ์นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษที่อยู่ระหว่างการพักโทษ ว่ารำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง หลังนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยนายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรีแพ้เลือก สว.อย่างพลิกความคาดหมาย

นายเทพไทโพสต์ในเฟซบุ๊กเมื่อเช้าวันที่ 29 มิ.ย.2567 ว่า "ผมเห็นการให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าการคัดเลือก สว. ที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้รับการคัดเลือกนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญมันสอนให้รู้ว่าการปฏิวัติทุกครั้งเกิดจากการไม่ไว้ใจประชาชน คือเมื่อประชาชนเลือกรัฐบาลมาแล้วไม่ไว้ใจ ก็เกิดการปฏิวัติ เมื่อเกิดการปฏิวัติก็เกิดกติกาที่ส่วนกลางพยายามจะควบคุมให้ประชาชนทำโน่นทำนี่ตามที่ต้องการ

ผมเห็นว่าคุณทักษิณพยายามอ้างเหตุการรัฐประหารขึ้นมาสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองตลอดเวลา ผมคนหนึ่งที่ไม่สนับสนุนการรัฐประหาร แต่อยากให้กลับไปดูต้นเหตุของการรัฐประหารว่าเกิดขึ้นจากความผิดพลาดและความล้มเหลวของรัฐบาลทักษิณ 4 ข้อคือ 1.สร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน 2.แทรกแซงองค์กรอิสระ 3.มีผลประโยชน์ทับซ้อนและทุจริตคอร์รัปชันเชิงนโยบาย 4.จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง

ส่วนรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ที่ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แบบเหมาเข่ง เพื่อล้างผิดให้กับคนโกง จนเป็นที่มาของการชุมนุมขับไล่รัฐบาล และเกิดรัฐประหารในที่สุด

เมื่อคุณทักษิณพูดถึงกติกาที่คณะรัฐประหารเขียนขึ้นมานั้น คือรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่เมื่อมีการลงประชามติ เสียงส่วนใหญ่มีมติยอมรับ ผมก็เคารพเสียงข้างมากตามแนวทางระบอบประชาธิปไตย และทุกคนก็ได้รับผลพวงจากการรัฐประหารเช่นกันหมดทั้งประเทศ

การที่คุณสมชายพลาดตำแหน่ง สว.ไปนั้น เป็นการแข่งขันภายใต้กติกาเดียวกันกับผู้สมัคร สว.คนอื่นๆ ทุกคน เพียงแต่กลุ่มคนบางกลุ่มสามารถใช้เงื่อนไขของกฎหมาย และมีความฉลาดแกมโกงได้มากกว่าคนอื่น จึงทำให้คุณสมชายพลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งคุณทักษิณควรกลับมาทบทวนแนวทางการทำงานการเมืองของกลุ่มตัวเองว่า พลาดท่าเสียทีให้กับกลุ่มการเมืองสีน้ำเงิน ในเกมเลือกตั้ง สว.ครั้งนี้หรือไม่ อย่าให้เหมือนกับสุภาษิตโบราณที่บอกว่า  "รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง"

ถ้าหากคุณทักษิณยังย้ำคิดย้ำทำแบบเดิมๆ  การเมืองแบบเดิมๆ ก็จะหวนกลับมาอีก วนเวียนเป็นวงจรอุบาทว์ไม่มีวันจบสิ้น ขอให้ยอมรับความจริง และถ้าหากเห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นผลไม้พิษ ต้องมีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และเป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง อย่าปากว่าตาขยิบเหมือนกับแกนนำรัฐบาลชุดนี้

ทำแพ้แล้วพาล

ขณะที่ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ พิธีกรรายการวิเคราะห์ข่าว และนักกิจกรรมเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์เฟซบุ๊กว่า เพิ่งรู้ตัวว่าแฉจนถูกเขาบล็อกไปแล้ว มีเพื่อนแชร์โพสต์ล่าสุดมาให้ดู … ความจริงก็คือ ตอนรอบ กทม. ที่ อ.ลอยและเครือข่ายทำโพยให้กลุ่มโหวต คะแนนโดดหนักกว่านี้อีกค่ะ วันนี้ทำไม่สำเร็จ ชี้นิ้วใส่คนอื่นเฉยเลย

เมื่อพวกคุณคุมสื่อกระแสหลักได้เบ็ดเสร็จ กระบวนการ IO โฆษณาชวนเชื่อว่ากลุ่มตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำก็ทำได้ง่ายขึ้นมาก ให้สื่อสัมภาษณ์วนๆ อยู่ไม่กี่คน ชวนสังคมให้เชื่อสิ่งที่อยากโฆษณา ตามหลักการ propaganda คำโกหกที่บ่อยพอจะกลายเป็นความจริง

พวกคุณไม่ใช่ผู้ถูกกระทำ คุณทำมาก่อนอย่างหนักกว่าใคร รอบประเทศก็ยังทำ หลักฐานชัดเจนทุกอย่าง แต่ทำแพ้แล้วพาล

ด้านนายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กว่า รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง นักการเมือง สส. นักวิชาการส้มดาหน้าออกมา เก็บอาการไม่อยู่ แพ้แล้วพาล กล่าวโทษมีชัย และคณะร่างรัฐธรรมนูญ ว่าร่างรัฐธรรมนูญไม่ดี ทำให้ได้ สว.แบบนี้

ถามหน่อยต้องได้ สว.แบบไหนถึงจะถูกใจ ต้องเป็น สว.แดง ส้ม หรือแบบไหนถึงจะสะใจ สว.เรามีมาหลายแบบแล้ว เลือกตั้งและแต่งตั้ง ไทยจะมี สว.แบบไทยๆ บ้างไม่ได้หรือ

ความจริงการเมืองไทย น่าจะเอา สว.ขุนนาง แบบอังกฤษถึงจะถูก เป็น สว.แต่งตั้งและสืบทอดตระกูลทั้งหมด House of Lords มี สว.สายอาชีพบ้างทำไมจะไม่ดี ลองของใหม่บ้าง ไทยเรียนผิดมานานมากแล้ว คราวนี้อาจมาถูกทาง ผู้ร่างรัฐธรรมนูญน่าจะไม่อยากเห็นสภาผัวสภาเมีย ผัวอยู่สภาล่าง เมียอยู่สภาบน คนอื่นไม่ต้องมาแหยม ปิดโอกาสคนใหม่ๆ ให้เกิดทางการเมือง บ้านใหญ่ผูกขาดหมด แถมการเมืองท้องถิ่นให้ลูกหลานดูแล มันยิ่งกว่ารัฐอิสระ แบบนี้มันไม่น่ารังเกียจกว่าหรือ

รัฐธรรมนูญ 60 จึงเปิดโอกาสให้คนโนเนมเข้าสภา ในนามกลุ่มอาชีพ ไม่ต้องมีหัวคะแนน  ไม่ต้องให้ผู้นำจิตวิญญาณมาชี้นิ้วสั่งให้ท่อง "ประชาธิปไตย" "สภาประชาชน" เอาน่า อย่าเป็นหมาเห่าเครื่องบิน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ระทึกสุดขีด! 22 พ.ย. ศาลรธน.ลงมติ 'รับ-ไม่รับ' คำร้อง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง

คอนเฟิร์ม ศุกร์นี้ 22 พ.ย. 9 ตุลาการศาลรธน.นัดประชุมวาระพิเศษ หลังงดมาสองรอบ เตรียมนำหนังสือ-ความเห็นอัยการสูงสุด กางบนโต๊ะประชุม ก่อนลุ้นโหวตลงมติ”รับ-ไม่รับคำร้อง”คดีทักษิณ-เพื่อไทย โดนร้องล้มล้างการปกครองฯ