“ทักษิณ” ชี้เกาเหลาบิ๊กสีกากีเป็นเรื่องวุ่นวาย แต่ยืนยันไม่ยุ่งเพราะไม่มีหน้าที่ "เอก" แฉ "บิ๊กโจ๊ก" ขอพบเล่าเรื่องบิ๊กตำรวจเป็นสิบ ไม่รู้จริงหรือไม่แต่บันทึกไว้หมด ด้าน "สุรเชษฐ์" เปิดศึกรายวัน เดินหน้าฟ้อง "กูรู" ยศ พล.ต.ต. 10 ล้าน ยังเหลืออีก 2 กูรูกับนายกฯ จบใน 2 สัปดาห์ โวถูกรุมกินโต๊ะก็ไม่กลัว
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2567 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษซึ่งอยู่ระหว่างการพักโทษ กล่าวถึงความขัดแย้งศึกสีกากี ระหว่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยนายทักษิณยิ้มก่อนตอบว่า “วุ่นวาย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ตามเรื่องนี้บ้างหรือไม่ นายทักษิณระบุว่า ไม่ได้คุยเลย และเมื่อถามว่าในส่วนของกองทัพอยากจะเข้าไปดูด้วยหรือไม่ เพราะกองทัพก็เป็นกลไกสำคัญต่อบ้านเมือง นายทักษิณกล่าวว่า “โอ๊ยไม่หรอกครับ ผมไม่มีหน้าที่”
ด้าน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Aek Angsananont (พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์) ระบุว่า "ตั้งแต่มีกรณีที่ ผบ.ตร.และรอง ผบ.ตร.ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดทั้งอาญาและวินัย มีการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องหลายกรณี ซึ่งสื่อมวลชนได้ติดตามและประชาชนก็สนใจอย่างกว้างขวาง ผมได้รับเชิญไปให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆ ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ หลายช่อง และมีการแพร่กระจายไปทางสื่อโซเชียลอีกมากมาย
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 เวลา 15.00 น. มีการประชุม ก.ตร. โดยนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในที่ประชุม ที่ห้องศรียานนท์ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีวาระเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับการขอให้พิจารณาการปฏิบัติการเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีที่ ตร.มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยข้าราชการตำรวจ และให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งเกี่ยวพันกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับพวก
ผมทราบในที่ประชุมว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้ยื่นเรื่องต่อประธาน ก.ตร.คัดค้านผมไม่ให้เข้าร่วมประชุมพิจารณาในวาระนี้ เพราะมีสภาพร้ายแรงอันอาจทำให้เสียความเป็นกลางในการพิจารณาเรื่องนี้
จากการที่ผมได้สัมภาษณ์หรือแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น โน้มน้าวชักจูงให้ ก.ตร.มีมติในทางที่เสียหายกับผู้ร้อง
ผมได้ชี้แจงต่อที่ประชุม ก.ตร.ว่า ผมไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ร้องมาก่อนแต่อย่างใด ผู้ร้องสนิทสนมคุ้นเคยกับผมเป็นอย่างดี ได้เคยโทรศัพท์มานัดหมายเพื่อขอมาพบผม ทั้งที่บ้านพักส่วนตัวและที่ทำงาน ก.ตร. ทุกครั้งก็จะมาเล่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับบุคคลที่สาม ซึ่งบางคนเป็นบุคคลสำคัญระดับสูง รวมถึงนายตำรวจท่านอื่นๆ ทั้งอดีตและปัจจุบันนับ 10 ท่าน ซึ่งผมไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ ได้แต่รับฟังและบันทึกไว้
ส่วนเรื่องที่ผมให้สัมภาษณ์หรือแสดงความคิดเห็นต่อสื่อมวลชน เป็นไปตามสิทธิพื้นฐานในการแสดงความคิดเห็นตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ไม่มีเจตนาก้าวล่วงไปก่อให้เกิดความเสียหายกับผู้ใดทั้งสิ้น
หลังจากชี้แจง ผมได้ออกจากห้องประชุมไป และกลับเข้ามาในห้องประชุมเมื่อ ก.ตร.ที่เหลืออยู่พิจารณาลงมติให้ผมเข้าร่วมประชุมพิจารณาเรื่องนี้ต่อไปได้ ในวาระการประชุมดังกล่าวจนเสร็จสิ้น ผมขอยืนยันว่า จะปฏิบัติหน้าที่กรรมการ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดหลักคุณธรรม ความถูกต้อง และมีวุฒิภาวะในการแสดงความคิดเห็นตามกรอบกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป"
ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางมายื่นฟ้องกูรูด้านกฎหมาย ซึ่งเป็นอดีตตำรวจยศ พล.ต.ต. ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีจงใจใส่ความต่อบุคคลที่ 3 ทำให้ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด พร้อมเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท
โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เปิดเผยว่า กูรูท่านนี้ถือเป็นคนที่ 2 ที่ฟ้อง และหลังจากนี้จะเดินหน้าฟ้องกูรูอีก 2 คน รวมถึงนายกรัฐมนตรี โดยจะเร่งให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ พร้อมฝากเตือนกูรูว่าการจะสัมภาษณ์อะไรก็แล้วแต่ แต่เป็นการพูดเอามัน โดยไม่รู้กฎหมายที่แท้จริง กระทบสิทธิของตนเอง ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยเฉพาะกูรูที่อายุมากแล้วก็ไม่ควรพูดให้สังคมสับสน แต่ควรอยู่ให้เป็นที่เคารพสักการะของเด็กรุ่นใหม่
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังบอกอีกว่า สาเหตุที่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ไม่ยอมเพิกถอนคำสั่ง เพราะทำใจไม่ได้ว่าตนเองทำผิดไปแล้ว อายเขา จึงไม่กล้ากลืนน้ำลายตัวเอง แต่เมื่อกฎหมายใหม่ออกมา ก็ควรยึดตามกฎหมายใหม่ ไม่ใช่ไปยึดตามกฎหมายเก่า ส่วนตนเองจะได้กลับไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์หรือไม่นั้น มองว่าตนเองก็สู้ตามหลักกฎหมาย จะได้กลับหรือไม่ได้กลับก็ขึ้นอยู่กับหลักกฎหมาย
"ผมมองว่าไม่ได้เป็นการแพ็กรวมเอาทั้งองค์กรมาสู้กับผมเพียงคนเดียว เพราะในแพ็กมีอยู่ไม่กี่คน แม้ในแพ็กนี้จะเป็นผู้มีอำนาจ แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และทุกวันนี้ก็โดนรุมกินโต๊ะจีนอยู่แล้ว ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวอยู่แล้ว แต่ก็มีไม่กี่คนที่ทำ ซึ่งปัจจุบันประชาชนเริ่มมองเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็ต้องต่อสู้ ถ้าไม่ต่อสู้ผมก็คงต้องกลับบ้าน" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชูศักดิ์ดิ้นหนัก ลุยล็อบบี้กมธ. ปั้นกม.การเงิน
“นายกฯ อิ๊งค์” บอกไม่ได้จบกฎหมายมา โยน “ชูศักดิ์” ดูแลเรื่องรัฐธรรมนูญ
‘18บอส’นอนตะรางยาว! สายไหมไม่รอดเจอข้อหา
18 บอสดิไอคอนนอนคุกยาว ดีเอสไอยื่นฝากขังผัด 4 พ่วงแจ้งข้อหาใหม่โทษหนักคุก 10 ปี
อิ๊งค์ข้องใจแสนชื่อเลิก‘MOU44’
“หมอวรงค์” นำกลุ่มคนคลั่งชาติยื่น 104,697 รายชื่อร้องยกเลิกเอ็มโอยู 44
ปชน.ขนทัพใหญ่ หาเสียงทิ้งทวน! หวังปักธง‘สีส้ม’
“ปชน.” ปูพรมโค้งสุดท้าย ขนทัพใหญ่ดาวกระจาย 6 สายทั่วพื้นที่ “ปิยบุตร” ขอโอกาสปักธงสีส้ม “พิธา” เชื่อคะแนนยังสูสี พรรคประชาชนมีโอกาสพลิกชนะ
ทวีโยงคาร์บ๊องป้องแม้วพักชั้น14
ตามคาด "ทักษิณ" ไม่เข้าชี้แจง กมธ.ปมนักโทษชั้น 14 "ทวี" แจงแทน
‘ทักษิณ-พท.’ยิ้มร่า ศาลยกคำร้องล้มล้างฯ เพื่อไทยเล็งฟ้องเอาคืน
ศาล รธน.มีมติเอกฉันท์ยกคำร้อง "ทักษิณ-เพื่อไทย" ล้มล้างการปกครอง